ตอนที่ 3 ผู้อํานวยการ! คุณทําอะไรค่ะ!!
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 3 ผู้อํานวยการ! คุณทําอะไรค่ะ!!
ฟางเย่มองเจียวเจียวด้วยทักษะดวงตาสังเกตการณ์ เขาจึงรับรู้อารมณ์ของเจียวเจียวในตอนนี้
หิว!!
เสือโคร่งโตเต็มวัยที่ถูกเลี้ยงในสวนสัตว์จะกินเนื้อสดประมาณ 20 กิโลกรัมต่อวัน และเจียวเจียวที่เป็นเสือโคร่งเพศเมียก็กินเนื้อประมาณ 15 กิโลกรัมต่อวัน
ดวงตาสังเกตการณ์ได้บอกสถานะพื้นฐานให้เขารู้ แต่ฟางเย่รู้สึกว่าสามารถหาข้อมูลได้มากกว่านี้อีก!
เพียงแค่คิด เขาก็เห็นสถานะใหม่บนหน้าต่างของเจียวเจียว
[สุขภาพ: ดี]
[ความต้องการโจมตี: ต่ำ]
โฮกก!
เจียวเจียวคํารามออกมา กล้ามเนื้อเธอหดเกร็ง แล้วมองไปรอบๆ อย่างตื่นตัว ราวกับรู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง
“อึก!!” หลานลี่แทบเข่าทรุด ฟางเย่เองก็ตกใจจนหยุดการใช้งานดวงตาสังเกตการณ์ไปชั่วครู่
เจียวเจียวหันหน้ามองรอบๆ อย่างสงสัย จากนั้นกล้ามเนื้อเธอก็เริ่มคลายตัวลงและกลับมาเป็นเสือโคร่งที่อ่อนโยน มองมายังฟางเย่เช่นเดิม
ฟางเย่ราวกับได้คนมาจุดไอเดีย ทําให้เขาตื่นรู้ “สัมผัสที่หกของสัตว์นี่แม่นยํามาก! โดยเฉพาะสัญชาตญาณของเสือไม่ธรรมดาจริง ๆ มันสามารถรับรู้ถึงพลังของทักษะจนเกิดการตื่นตัวได้”
ถ้าเขาต้องการแค่ข้อมูลทั่วไปก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องการได้รับข้อมูลเชิงลึก มันก็อาจจะทําให้สัตว์ป่าเกิดความสงสัยได้
เมื่อได้รับข้อมูลจากดวงตาสังเกตการณ์ ทําให้ความมั่นใจของฟางเย่สูงขึ้น เพราะเหมือนว่าวันนี้เจียวเจียวจะอารมณ์ดีและโอกาสที่จะโจมตีก็ค่อนข้างต่ํา
“ผู้อํานวยการ! นี่ค่ะ!” หลานลี่หยิบถาดที่มีเนื้อสดใหม่ยื่นให้ฟางเย่ เธอไม่กล้าให้อาหารเสือด้วยตัวเองหรอกน่ะ!!
ฟางเย่รับเนื้อสดมาและเตรียมจะให้อาหารเจียวเจียว จู่ๆ เขาก็มีความคิดที่บ้าบิ่น
“ถ้าให้อาหารเธอด้วยมือเปล่า จะไหวไหมน่ะ?”
นี่ไม่ใช่แค่ทดสอบปฏิกิริยาของเจียวเจียว แต่ยังทําให้เธอคุ้นชินก่อนด้วย! เพราะเขาตั้งใจจะลูบตัวเจียวเจียวด้วย
ฟางเย่ถือเนื้อมือเปล่า นั่นทําเอาดวงตาของหลานลี่เบิกโพลงอย่างตกใจ แต่เขาไม่ได้สนและยื่นมือเข้าไปในกรงพร้อมพูดเสียงแผ่วเบา “เด็กดี มา กินเนื้อนี่เลย....”
“ผู้อํานวยการ! คุณทําอะไรค่ะ!!”
เจียวเจียวผุดลุกขึ้นในเวลาเดียวกับที่หลานลี่ร้องด้วยความตกใจ ขาหน้าทั้งสองของเธอพาดขึ้นกับกรง แล้วขยับปากมากัดเนื้อที่ฟางเย่ถืออยู่!!
“ไม่เป็นไรหรอก”
ฟางเย่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย “เสือกินเนื้อใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้น เธอจะไม่กัดมือผมแน่”
ถึงเขาจะพูดอย่างนั้น ขนของฟางเย่ก็ลุกชูมาอย่างกลัวๆ เหมือนกัน
เห็นเสือตัวใหญ่กัดเนื้อที่เขากำลังถืออยู่ด้วยฟันอันแหลมคมราวกับมีด มันรู้สึกน่ากลัวหน่อยๆ แหะ!!
เจียวเจียวไม่ได้รู้สึกว่าวันนี้มีอะไรแปลกกว่าปกติ และไม่รู้ว่ามนุษย์ที่อยู่ด้านนอกกำลังคิดอะไรอยู่
ความคิดเธอแสนเรียบง่าย นั่นคือเนื้อขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านั้นช่างอร่อยจริงๆ
เมื่อเนื้อเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง ฟางเย่ก็ปล่อยมือ ทําให้เนื้อที่เหลือตกลงบนพื้น จากนั้นเจียวเจียวก็ตระครุบไปด้วยขาหน้าของเธอ เมื่ออิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการกินของเธอจึงช้าลง
เมื่อเธอกินเสร็จ เจียวเจียวก็เงยหน้าเลียที่ขาหน้ากับริมฝีปากของเธอด้วยลิ้นขนาดใหญ่ จากนั้นก็เดินไปยังอีกจุดหนึ่งก่อนจะล้มตัวลงนอนบนพื้นคอนกรีต เหลือบมองฟางเย่ที่ยังไม่เดินออกไปอย่างเหม่อลอยและวิวด้านนอกกรงของตัวเอง ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
[เสือโคร่งไซบีเรียน : เจียวเจียว
อายุ : 3 ปี
อารมณ์ : เบื่อ/เหม่อลอย]
เห้อ... ฟางเย่ได้แต่ถอนหายใจ
ระดับของสวนสัตว์ในโลกสีฟ้านี่มันแย่จริงๆ!
การเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่สักแต่ให้อาหารพวกมัน! อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น เพราะการจะทําให้สัตว์รู้สึกผ่อนคลายในสถานที่เหมือนกรงขังอย่างสวนสัตว์แบบนี้ พวกเขาต้องสร้างสภาพแวดล้อมจำลองมากมาย
ยอตัวอย่าง การลดแรงกดดันจากการมองเห็นจากนักท่องเที่ยวเพื่อให้สัตว์ป่าได้ผ่อนคลาย เพื่อให้พวกมันแสดงธรรมชาติของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่
แต่นี่ สัตว์ป่าเหล่านี้ทําได้แค่นอนอยู่ในกรงอย่างเบื่อหน่ายทุกวันทุกคืน
“ผู้อํานวยการค่ะ?” หลานลี่ที่เรียกเขาเสียงเบา ทําให้เขาได้สติ
“อย่าพึ่ง ผมมีบางอย่างต้องทําก่อน”
คําพูดของเขาทําให้หลานลี่ถามขึ้นอย่างสงสัย “กรงก็ทําความสะอาดแล้ว และเมื่อกี้เราก็พึ่งให้อาหารมันไม่ใช่หรอค่ะ?”
“ผมจะเข้าไปเล่นกับเจียวเจียวซักหน่อย คุณไม่รู้สึกว่าเจียวเจียวเหงาเหรอ?”
หลานลี่มองเขาอย่างตกใจ “เอ่อ... ผู้อํานวยการล้อกันเล่นใช่ไหมคะเนี่ย”
แค่ให้เนื้อเจียวเจียวอย่างเดียวไม่พอ คุณคิดจะเพิ่มเนื้อให้เธออีกเหรอ!?
เมื่อเห็นว่าฟางเย่เอาจริงและกําลังจะเปิดประตูกรงเข้าไป หลานลี่จึงตกใจราวกับกระต่ายน้อยตื่นตูม แล้วรีบจับมือของฟางเย่เพื่อดึงเขาออกมา
“ผู้อํานวยการ! เสือเป็นสัตว์ที่อันตรายมากนะค่ะ! เพราะฉะนั้น เราถึงมีข้อจํากัดเยอะแยะ!”
ฟางเย่เกาหัวตัวเองแล้วพูดขึ้น “ใช่ ใช่ คุณถอยออกไปก่อนแล้วกัน”
ผู้ช่วยตัวน้อยของเขาแทบล้มทั้งยืน “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นคะ!!”
ทําไมจู่ๆ ผู้อํานวยการถึงอยากหาเรื่องเสี่ยงตายเนี่ย
ต้องเป็นเพราะเขาหัวกระแทกพื้นแน่เลย!!
ฟางเย่อธิบายอย่างใจเย็น “อย่างแรก เราให้อาหารเจียวเจียวทุกวัน เพราะฉะนั้น เธอจึงคุ้นเคยกับเราไม่น้อยแล้ว หนำซ้ำเมื่อกี้คุณไม่ได้เห็นการแสดงอาการไม่พอใจตอนกินเนื้อเสร็จไม่ใช่เหรอ?”
“อีกอย่าง นิสัยของเจียวเจียวก็อ่อนโยนบวกกับอิ่มแล้ว ทําให้ความรู้สึกอยากโจมตีมนุษย์ยิ่งลดลง สุดท้ายนี่คือสวนสัตว์ เพราะฉะนั้น มันคือหน้าที่ของเราที่จะต้องทําให้สัตว์ป่าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ดูสิ คุณไม่คิดว่าเจียวเจียวเบื่อบ้างเหรอ?”
หลังจากที่หลานลี่คิดตามพลางมองเจียวเจียว เธอก็รู้สึกราวกับว่ารับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเจียวเจียว
“ผู้อํานวยการ ระวังตัวด้วยนะค่ะ” หลานลี่พูดอย่างจริงจัง “ฉันจะไปเตรียมสายฉีดน้ํา ถ้าเจียวเจียวทำท่าจะโจมตีคุณ ฉันจะรีบจัดการทันที!”
ฟางเย่ลูบหัวของเธอเบาๆ “ไม่ต้องกังวล ผมค่อนข้างมั่นใจอยู่มาก”
จริงๆ แล้ว ต่อให้หลานลี่เอาสายฉีดน้ําก็ไม่สามารถหยุดเสือโคร่งตัวใหญ่ได้หรอก
ถึงอย่างนั้น เธอก็มีความคิดที่จะช่วยล่ะนะ
เขารอให้หลานลี่ไปหยิบสายฉีดน้ํามา จากนั้นฟางเย่ก็ทํามือเป็นสัญลักษณ์โอเคและเปิดประตูเข้าไปในกรงพลางล็อคประตูอีกครั้ง
นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เจียวเจียวหนีออกจากกรง
เจียวเจียวที่นอนอยู่บนพื้นมองไปยังด้านนอกอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของประตูที่ถูกเปิด
เธอมองไปอย่างสงสัย
หืม? นั่นมันเจ้ามนุษย์ที่ให้อาหารเธอนี่?
ปกติเขาให้อาหารแค่ที่ด้านนอกนี่ วันนี้เขาเข้ามาทําไม?
ฟางเย่ที่เห็นเจียวเจียวมองตัวเองก็รู้สึกตื่นเต้นและประหม่า เขาค่อยๆ ใช้ทักษะหนึ่งเดียวที่ตัวเองมี
[อารมณ์: สงสัย]
ปลอดภัย!!
ฟางเยี่ยิ้ม แล้วเดินเข้าไปหาเจียวเจียวอย่างช้าๆ เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังพลางเปิดใช้งานดวงตาสังเกตการณ์
เขากลัวว่าถ้าเดินเข้าหาเร็วเกินไป อาจทำให้เจียวเจียวตกใจได้
การเดินเข้าหาอย่างช้าๆ จะได้ทําให้เธอได้ปรับตัว
เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ถึง 3 เมตร เจียวเจียวก็ลุกขึ้นพลางมองมายังฟางเย่ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลัง
[อารมณ์: ไม่สบายใจ
โฮกกก!!
ฟางเย่หยุดเดินทันที มองเจียวอย่างอ่อนโยนพลางรอยยิ้ม
หลานลี่ที่อยู่ด้านนอกกลืนน้ําลายอย่างยากลําบาก มือกําสายฉีดน้ําพลางกลั้นหายใจ