ตอนที่ 18 : คิดถึงมากเลยขอรับ ท่านแม่ (อ่านฟรี)
องค์รัชทายาทกำแหวนหยกแน่น ‘จินเหนียง’ สิ่งนี้อธิบายทุกอย่าง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่ว่าคนของเขาจะค้นหาในหลินอันมากแค่ไหน พวกเขาก็หาเธอไม่พบ ปรากฎว่านางมาที่ฉางอันและกลายเป็นลูกสาวคนรองของหวังอันหยวน...
องค์รัชทายาทแทบรอที่จะกลับไปที่ฉางอันเพื่อตามหาเธอไม่ไหว
ฉินชู รู้สึกประหลาดใจ “หรูหยุนแท้งลูก? ทำไมไม่มีใครบอกข้าเรื่องนี้เลย”
ฉินเมียวเหมี่ยวกล่าวว่า "บางทีท่านแม่อาจจะไม่อยากให้ท่านพี่ต้องกังวล ยังไงพวกเราก็จะกลับไปที่ฉางอันในอีกสองวันนี้อยู่แล้ว”
องค์รัชทายาทตรัสกับอ๋องหรงน้อยว่า “ฝากดูแลต้วนเอ๋อร์ด้วย ข้าต้องกลับไปที่ฉางอันเดี๋ยวนี้”
อ๋องหรงน้อย “…”
ในจวนหวัง เฉียวจินเหนียงแกะสลักแตงโมเป็นรูปดอกไม้และทำของว่างแสนอร่อยสองอย่าง เพื่อให้แน่ใจว่า เฉียวหรูหยุนจะไม่อาเจียนหลังจากกินเข้าไป หลังจากนั้นเธอจึงลุกขึ้นและกลับไปที่สวนจิน
ระหว่างทางเฉียวจินเหนียงรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอ
เป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาททรงละทิ้งธรรมเนียมการปฎิบัติใดๆ พระองค์ทรงปีนขึ้นไปบนกำแพงจวนหวังและในที่สุดก็ยืนยันได้ว่าเธอคือเฉียวจินเหนียงจริงๆ…
เฉียวจินเหนียงกลายเป็นบุตรสาวของหวังอันหยวน?
องค์รัชทายาททรงคิดว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ แต่คืนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิคือวันพรุ่งนี้และเขาถูกวางตัวเอาไว้ เขาไม่สามารถปลีกตัวไปพบเธอได้ก่อนที่ทุกคนจะกลับไปที่ฉางอัน
…
ณ จวนหวังอันหยวนในทางเหนือของภูเขา
เฉียวหรูฉีร้องไห้และฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นกับหวังอันหยวนว่า “พี่สาวจินเหนียงตบหน้าข้าจริงๆ ท่านพ่อเห็นไหมว่าบนหน้าของข้ายังมีรอยมือของนางอยู่เลยนะเจ้าคะ ท่านแม่หลงใหลนางจนหน้ามืดตามัว ท่านพ่อรู้ไหม ข้าจะเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท นางกล้าดียังไงมาตบหน้าข้าแบบนี้”
เมื่อมองไปที่รอยฝ่ามือบนใบหน้าของลูกสาว หวังอันหยวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฮูหยินใหญ่กล่าวออกมาจากด้านข้างว่า “เฉียวหรูฉี สาวใช้ได้รายงานให้ข้าทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้าสองคน
“ปิ่นปักผมหงส์ทองคำ ฮองเฮาทรงพระราชทานแก่พี่สาวของเจ้า เจ้ากล้าไปขอให้นางมอบให้เจ้าได้อย่างไร!
“ตบนี่ยังไม่สามารถปลุกเจ้าได้อีกเหรอ?
“นี่เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือที่บอกว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท”
เฉียวหรูฉี เงยหน้าขึ้นพร้อยรอยแดงบนใบหน้า “นางคือหายนะ ถ้าไม่ใช่เพราะนาง พี่หรูหยุนก็คงไม่แท้งลูก!”
ฮูหยินกล่าวว่า “จินเหนียงไม่ใช่โรคระบาด แต่เจ้าต่างหากที่เป็นเหมือนโรคระบาด ถ้าเจ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป แทนที่จะหาสามีในฉางอันให้เจ้า ข้าจะแต่งเจ้าออกไปให้ไกลๆ ซึ่งมันคงจะช่วยข้าขจัดปัญหาไปได้มาก!”
ฮูหยินใหญ่รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่ลูกสาวของเธอซึ่งได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้
แต่จินเหนียง ลูกสาวผู้น่าสงสารของเธอ พลัดพรากจากครอบครัวมานานและทนทุกข์ทรมานมามาก เธอจะปล่อยให้นางถูกทำร้ายอีกครั้งได้อย่างไร?
เฉียวหรูฉีตะโกนว่า “ท่านแม่ ใครๆก็ต่างบอกว่าข้าจะได้เป็นพระชายา แต่ท่านแม่ท่านพ่อกลับลำเอียงเข้าข้างเฉียวจินเหนียง ถึงขนาดต้องการแต่งข้าออกไปให้ไกลอย่างนั้นหรือ!”
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้ว “คำก็พระชายา สองคำก็พระชายา! เมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ดูเหมือนมารยาทและสติสัมปชัญญะของเจ้าจะหายไปด้วย มันคงจะเป็นเรื่องดีจริงๆนั่นแหละถ้าหากข้าจะแต่งเจ้าออกไปให้ไกลจากเมืองหลวง!”
…
ในจวนของหวังอันหยวน
เฉียวหรูหยุน พักฟื้นเป็นเวลาสองวัน เธอดูดีขึ้นกว่าวันที่เธอกลับมาจวนมาก
วันนี้ขุนนางทั้งหมดกำลังเดินทางกลับมาจากภูเขาทางเหนือ
ทันทีที่ฮูหยินผ่านประตูเข้ามา นางสั่งให้บ่าวรับใช้นัดหมายกับจวนหวังฉินเพื่อไปเยี่ยมเฉียวหรูหยุน เพื่อจะดูว่านางเป็นอย่างไรบ้าง
แต่เมื่อฮูหยินใหญ่ไปถึงที่ลานของเฉียวจินเหนียง เธอก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเฉียวจินเหนียงพูดคุยกับเฉียวหรูหยุนถึงประเพณีท้องถิ่นและการปฏิบัติของภาคใต้อยู่ “หรูหยุน ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้”
เฉียวจินเหนียงเล่าให้เธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ท่านแม่ ลูกรู้ว่าลูกไม่มีอำนาจที่จะพาพี่หรูหยุนกลับจวนหวัง ดังนั้นลูกจึงขอให้องค์หญิงฟู่ลู่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ
“ดังรนั้นถึงแม้ว่าตระกูลฉินต้องการจะปฏิเสธ แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้”
ฮูหยินใหญ่โกรธมาก “ฮึ่ม ตระกูลฉินกล้าดียังไงมาทรมานสะใภ้ใหญ่แบบนั้น? พวกเขาไม่ต้องการใบหน้าของพวกเขาอีกต่อไปแล้วหรือ!”
เฉียวหรูหยุนก้มหน้าและไม่พูดอะไร
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า "ท่านแม่ ลูกรู้ว่าลูกไม่ควรนินทาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่หรูหยุน กับสามีของเธอ แต่หยูซุยนางบำเรอคนนั้นอ้างว่านางเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เขย ...
“ถ้านางไม่ถูกขับออกไป ต่อให้พี่หรูหยุนกลับไปแล้ว นางก็จะไม่มีทางมีชีวิตที่สงบสุขได้เลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ถามเฉียหรูหยุนว่า “ฉินชูรับนางบำเรอคนนั้นเมื่อใด”
เฉียวหรูหยุนกล่าวว่า “เมื่อเร็วๆนี้ ช่วงที่ลูกกำลังไม่สบายเจ้าค่ะ ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าฉินจึงต้องการให้สามีของลูกมีนางบำเรอ แต่เขาปฏิเสธ หลังจากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็ยกหยูซุยให้เป็นนางบำเรอของเขาโดยตรง นางเป็นหลานของลูกพี่ลูกน้องของฮูหยินผู้เฒ่าฉินที่เกิดจากอนุเจ้าค่ะ …”
แม้แต่ฮ่องเต้ก็มีพระญาติที่เลวร้าย ฮูหยินผู้เฒ่าฉินขุดสิ่งที่เรียกว่า "ลูกพี่ลูกน้อง" ขึ้นมาเพียงเพื่อทำให้เฉียวหรูหยุนลำบาก
ฮูหยินตบมือของเฉียวหรูหยุน “พักผ่อนให้เต็มที่ในจวนหวัง จวนหวังฉินจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเราในเรื่องนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น เจ้าก็เตรียมหย่ากับเขาได้เลย”
เฉียวหรูหยุนมองไปที่ฮูหยินใหญ่ด้วยความตกใจ "ท่านแม่…"
“ไม่มีผู้ชายคนไหนเลยที่เชื่อถือได้” เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า “สามีของท่านไม่มีความสามารถที่จะปกป้องลูกของตัวเองและยังปล่อยให้นางบำเรอของเขามาดูถูกท่านได้ ถ้าท่านพี่ไม่หย่ากับเขา ท่านพี่อยากโกรธจนตายงั้นหรือ”
ฮูหยินใหญ่กลืนน้ำลายหลังจากได้ยินคำพูดของเฉียวจินเหนียง “จินเหนียง นี่เป็นคำพูดที่แม่พูดออกมาเพราะความโกรธ เจ้าไม่จำเป็นต้องจริงจังกับมันถึงเพียงนั้น”
เฉียวจินเหนียงรู้ว่าประสบการณ์อันน่าสังเวชของพี่หรูหยุนทำให้เธอนึกถึงไอ้คนงี่เง่านั่น
หงหลิงรีบเข้ามาและพูดว่า “คุณหนู พระธิดาของอ๋องหรง องค์หญิงฟู่อันส่งคำเชิญถึงคุณหนู เพื่อเชิญคุณหนูไปเยี่ยมพระองค์เจ้าค่ะ”
“องค์หญิงฟู่อัน?” ในความทรงจำของเฉียวจินเหนียงเธอไม่เคยพบองค์หญิงพระองค์นี้มาก่อน
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า “องค์หญิงฟู่อันทรงมีพระพลานามัยที่ย่ำแย่มาตั้งแต่พระเยาว์ ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยพบใคร แต่ทำไมพระองค์จึงเชิญเจ้าไปเยี่ยมพระองค์กันนะ”
หงหลิงพยักหน้าและพูดว่า "ทหารหน้าประตูบอกว่าองค์หญิงฟู่อัน เพิ่งตรัสว่า 'คุณหนูรองโปรดมา'
คุณหนูรองเดิมของตระกูลเฉียวได้แต่งออกไปกับตระกูลที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้แล้ว ดังนั้นคุณหนูรองที่องค์หญิงฟู่อันหมายถึง จึงหมายถึงจินเหนียง
เฉียวจินเหนียงถามฮูหยินใหญ่ว่า “ท่านแม่ ลูกควรไปหรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่พูดความกังวลว่า “อ๋องหรงและฮ่องเต้เป็นพี่น้องร่วมอุทรเดียวกันและใกล้ชิดกันมาก ส่วนอ๋องหรงน้อยก็สนิทสนมกับองค์รัชทายาทมาก…
“แต่ถ้าเจ้าไม่อยากไป แม่ช่วยเจ้าปฏิเสธได้”
เฉียวจินเหนียง “ลูกจะไปเจ้าค่ะ ลูกเพิ่งมาที่ฉางอันหลังจากทั้งหมด การได้รู้จักขุนนางมากขึ้นก็ไม่เลว”
เฉียวจินเหนียงเข้าไปในรถม้าของจวนหวัง โดยสงสัยว่าทำไมเจ้าหญิงฟู่อันจึงเชิญเธอไปเยี่ยม
เมื่อเธอมาถึงวังของอ๋องหรง เฉียวจินเหนียงยังคงไม่เข้าใจ สาวใช้ของวังอ๋องหรง พาเธอเข้าไป แต่ยิ่งเดิน เฉียวจินเหนียงยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
โดยปกติแล้ว สวนหลังบ้านและสวนหน้าบ้านของจวนหนึ่งจะแยกจากกัน และสตรีมักจะอาศัยอยู่ในสวนหลังบ้าน
แต่เห็นได้ชัดว่าสาวใช้นำทางเธอไปที่สวนหน้าบ้าน
หลังจากนำทางเฉียวจินเหนียงไปที่ศาลากิเลน สาวใช้ก็จากไป
เฉียวจินเหนียงขมวดคิ้วและเดินเข้าไป
“ท่านแม่”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอทันที ต้วนเอ๋อร์ตัวน้อยของเธอที่หายไป วิ่งตุปัดตุเป๋มาหาเธอจากระยะไกล
“ต้วนเอ๋อร์” เฉียวจินเหนียงรีบวิ่งไปข้างหน้าและอุ้มต้วนเอ๋อร์ขึ้นมาจับและจูบใบหน้าเล็กๆของเขา “ลูกรัก!”
ต้วนเอ๋อร์ถูใบหน้าเล็กๆจ้ำม่ำๆของเขากับคอของเฉียวจินเหนียง และพูดอย่างไพเราะ “ท่านแม่ขอรับ ลูกคิดถึงท่านมาก”
เฉียวจินเหนียงน้ำตาไหล "แม่ก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน ต่อจากนี้แม่จะไม่ยอมให้ใครมาพรากเจ้าไปจากแม่ได้อีก”
เฉียวจินเหนียงเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า แต่แล้วเธอก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นสนในลานบ้าน เขาหล่อเหลาเหมือนในความทรงจำ ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าของเขาสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก.. ใครๆก็บอกว่าเขารูปงามจนเสมือนเซียนที่ถูกเนรเทศลงมายังโลกมนุษย์