ตอนที่ 17 เทคนิคมิติ
"หือ เขาทำแบบนี้เหมือนตอนที่อยู่ในตระกูลเลย"
"นายน้อยที่สามแตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งกว่าซู่ซงอีกด้วย นอกจากนี้เขาเป็นคนถ่อมตน ไม่มีใครในตระกูลสามารถเทียบกับเขาได้แล้วในเรื่องนี้ รวมถึงตัวข้าด้วย"
"นายน้อยที่สามคนนี้ดูแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น"
การแสดงของซู่เฮาเที่ยนทำให้ความคิดของคนสองสามคนคิดในแง่บวกกับเขา ซู่เฮาเที่ยนในตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในใจของพวกเขา
"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับการชื่นชมจากทุกคน ท่านได้รับการสุ่มรางวัลพิเศษ"
"ยอดไปเลย! ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆฉันก็จะได้รางวัลแบบนี้เรื่อยๆสินะ"
"ใช่แล้ว"
ระบบนั้นพูดสั้นๆเหมือนกำลังเหนื่อยกับเขาเต็มที
"ติ๊ง!ท่านต้องการสุ่มรางวัลเลยหรือไม่?"
“สุ่มเลย ถ้าเป็นไปได้ก็ขอรางวัลดีๆหน่อยแล้วกัน”
อย่างตะบองของซุนหงอคง!
ดาบซวนหยวน!
ค้อนสายฟ้า!
ซู่เฮาเที่ยนกำลังนึกถึงอาวุธที่เขาพอจำได้ในชีวิตก่อนหน้านี้
"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับพลังของจางอู๋จี้: เทคนิคมิติที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้นำของนิกายมารปีศาจ!!”
“อะไรวะเนี่ย?”
จางอู๋จี้นั้นเป็นผู้นำของนิกายหมิงอันโด่งดัง!
"เชี่ยย! นี่มันเทคนิคมิติเลยงั้นเรอะ!"
"ติ๊ง! ตอนนี้กำลังเริ่มการถ่ายทอดเทคนิคมิติ"
เมื่อเสียงเตือนของระบบดังขึ้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังก้องอยู่ในสมอง จากนั้นความทรงจำที่ท่วมท้นมหาศาลก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขา
ซู่เฮาเที่ยนซึ่งกำลังนั่งคุยกับฝูงชนนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อทั่วทั้งร่างทันที เสื้อผ้าบนร่างกายของเขานั้นกำลังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
และเนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิภายนอกจึงค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นในเวลานี้ แม้ว่าทุกคนจะได้รับการฝึกตน แต่พวกเขาก็ไม่ต้านทานความร้อนได้ หลังจากการเดินทางอันยาวนานนั้นพวกเขาทั้งหมดเองก็มีเหงื่อออกมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยถึงอาการของซู่เฮาเที่ยนในตอนนี้
“เอาล่ะ ทุกคนเองก็เหนื่อยล้าจากการเดินทางแล้ว ตอนนี้ขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนเถอะ ไว้พอมีแรงก็ค่อยออกเดินทางกันต่อ”
ซู่ซวนหวู่เริ่มแซะเล็กน้อยเมื่อเห็นเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของซู่เฮาเที่ยน แต่เนื่องจากเขาเป็นลูกชายของผู้นำนิกาย เขาจึงไม่สามารถทำอะไรมากไปกว่านี้ได้
ซู่เฮาเที่ยนในตอนนี้จึงได้โอกาสที่จะอยู่คนเดียวแล้ว
แม้ว่าการถ่ายทอดพลังอันยิ่งใหญ่นั้นจะเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่เขาก็ยังต้องการทำความเข้าใจก่อนที่จะสามารถนำมันไปใช้ได้
ในตอนนเย็นนั้น ซู่เฮาเที่ยนค่อนๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆโดยที่มีแสงมาแยงตาทั้งสองดวงของเขา ซึ่งมันเห็นได้ชัดเพราะห้องของเขามืด
เทคนิคมิติในตอนนี้นั้นได้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเขาแล้ว แต่ด้วยระดับในปัจจุบันของเขา เขาสามารถเปิดใช้พลังของเทคนิคมิติได้เพียง 70% เท่านั้น
แต่ถึงแม้จะใช้ได้เพียง 70% ของเทคนิคมิติในระดับผู้ฝึกหัดพลังจิตวิญญาณ แต่เมื่ออยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญพลังจิตวิญญาณนั้นเขาจะสามารถเป็นอมตะได้ และด้วยเทคนิคมิติในตอนนี้ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นในการฆ่าพวกตระกูลซุนในครั้งนี้
“พี่สาม ได้เวลาแล้ว ท่านผู้อาวุโสแจ้งว่ากำลังจะเริ่มลงมือในไม่ช้านี้”
ที่ด้านนอกประตูนั้น ซู่ขลุ่ยและซู่หนิงซื่อกำลังยืนอยู่ด้านนอก ตั้งแต่ที่ซู่เฮาเที่ยนเข้ามาในห้องเขาก็ไม่ออกมาอีกเลยและเมื่อเห็นว่าเใกล้เวลาแล้ว พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้ามาเขาเอง
"แกร๊ก" ซู่เฮาเที่ยนเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสและประตูที่ถูกเปิดออก
“โทษทีนะ ข้าใช้สมองมากเกินไปและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ในฐานะที่ปรึกษาข้าวุ่นวายกับภารกิจมากเลยล่ะ”
เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด ซู่เฮาเที่ยนจึงพูดขอโทษแล้วยกเหตุผลขึ้น
“ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ยังคิดได้ รีบไปได้แล้ว”
ดวงตาโตของซู่หนิงซื่อจ้องไปที่ซู่เฮาเที่ยนอย่างโหดเหี้ยมก่อนที่จะจากไปพร้อมกับเสียงอันเย็นชา
ซู่เฮาเที่ยนเอามือแปะหน้าผากของเขาและรีบตามไป ซู่ขลุ่ยที่มองไปที่ด้านหลังของซู่เฮาเที่ยนโดยที่มีปืนไรเฟิลบาร์เร็ตอยู่บนหลังของเขาจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านผ้าอาวุโส ท่านซู่ซวนหวู่ ข้าขอแสดงความเคารพทุกท่าน”
เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าประตูนั้น เขาเห็นซู่เฉิงเฟิง ซู่ซวนหวู่และคนของหน่วยอินทรีอีกยี่สิบห้าคนกำลังยืนรออยู่เงียบๆ ซู่เฮาเที่ยนทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสและพูดอย่างน่าเอ็นดู
"เอาเถอะมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา รีบไปได้แล้ว"
ซู่เฉิงเฟิงไม่ได้แสดงความไม่พอใจถึงการมาสายของซู่เฮาเที่ยนเพราะเขาพอจะเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะหลับจนลืมเวลา