ตอนที่ 15 หน่วยอินทรี
"หา? ตอนนี้ภารกิจหลักก็เริ่มขึ้นแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าถ้าหากพลาดขึ้นมาตระกูลของฉันจะต้องล่มสลาย ไม่สิ! ถึงยังไงบทลงโทษของภารกิจนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ตระกูลจะต้องล่มสลายอยู่ดี ฉันจะต้องพยายามให้มากกว่านี้สินะ!"
"หือ! สุดยอดการประลองซวนหลงนี่มันอะไรกัน?"
แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมนี้จะฉลาดมาก แต่เขาที่พึ่งเข้ามาอยู่ในร่างนั้นยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญหรือแม้กระทั่งเรื่องราวต่างๆในโลกนี้
"สุดยอดการประลองซวนหลงนั้นเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นโดยอาณาจักรเที่ยนซวน จะเป็นการคัดเยาวชนที่มีพรสวรรค์ทุกคนในอาณาจักรสามารถไปที่เมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมได้ ว่ากันว่า 50 อันดับแรกนั้นจะได้รับเลือกเข้าสู่การประลองเฉียนหลงและเข้าชิงสามอันดับแรก”
เสียงของระบบตอบกลับมาโดยอัตโนมัติ
"แล้วการประลองเฉียนหลงคืออะไร!"
"ทวีปซวนหวู่นั้นกว้างใหญ่และมีอาณาจักรหลายร้อยแห่งทั้งใหญ่และเล็ก มีราชวงศ์ใหญ่มากถึงสิบสองราชวงศ์ โดยที่การประลองเฉียนหลงนั้นจะมุ่งเน้นไปที่มุ่งเป้าไปที่คนอายุต่ำกว่า 40 ปีและอยู่ในระดับผู้เปลี่ยนแปลงพลังจิตวิญญาณในทวีปซวนหวู่ ซึ่งจะมีอัจฉริยะได้เข้าการคัดเลือกจากทั้งหมด 1,000 แห่ง”
ระบบตอบกลับอัตโนมัติเช่นเดิม
"มีเพียงผู้ที่อยู่เหนือระดับผู้เปลี่ยนแปลงพลังจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้งั้นเหรอ! เอาเถอะยังเหลือเวลาอีกมากกว่าหนึ่งปี ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมานักก็ได้! เมื่อถึงเวลานั้น ฉันอาจก้าวไปสู่ระดับผู้เปลี่ยนแปลงพลังจิตวิญญาณได้แล้ว ส่วนเรื่องอันดับในการประลองเฉียนหลงนั้นค่อยเอาไว้ถามเหล่าผู้อาวุโสเอาก็ได้”
หลังจากนั้นสองวันต่อมา ซู่เฮาเที่ยนที่นำโดยผู้อาวุโสซู่เฉิงเฟิงได้ไปยังสถานที่ที่เรียกว่าเมืองเซาหลงที่ชายแดนยู่เซา
สิ่งที่พวกเขาใช้เป็นภาหนะเดินทางคือสมบัติเวทย์มนต์พิเศษที่รูปร่างคล้ายกับเรือ ซึ่งซู่เฉิงเฟิงนั้นเป็นผู้ครอบครอง
แต่ซู่เฮาเที่ยนนั้นก็มาพร้อมกับซู่หนิงซื่อและซู่ขลุ่ยซึ่งทั้งคู่อยู่ในตระกูลสาขาเหมือนกัน
จริงๆแล้วพวกเขาควรใช้โอกาสนี้ในการฝึกฝนอยู่ที่ตระกูลมากกว่า แต่เนื่องจากซู่เฮาเที่ยนเป็นคนมาขอความช่วยเหลือพวกเขาจึงให้ความร่วมมือ
ถึงแม้ว่าทั้งสามคนนั้นจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ก็เป็นเด็กหัวกะทิที่อยู่ในรุ่นเดียวกันของตระกูลซู่และมีหลายอย่างที่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซู่ขลุ่ยนั้นกำลังสนใจในตัวซู่เฮาเที่ยนอยู่ด้วย
เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ใช้นามสกุลซู่นั้น ทำให้พวกเขามีความใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้ว่าซู่หนิงซื่อจะยังคงมีใบหน้าที่เย็นชา แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธมันเขาและพูดคุยกับซู่เฮาเที่ยนเป็นครั้งคราวด้วย
ด้วยพฤติกรรมที่แปลกประหลาดเช่นนี้ แม้แต่ซู่เฉิงเฟิงซึ่งรู้จักนิสัยของเธอดีก็ยังแอบมองเธอสองสามครั้ง แต่ดูเหมือนว่จะามีบางอย่างเข้ามาในใจ ทำให้เขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง
“พี่สาม เจ้าแบกอาวุธเวทย์มนต์อะไรไว้ข้างหลังน่ะ?”
ข้างๆซู่เฮาเที่ยนนั้น ซู่ขลุ่ยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาดวงตาคู่หนึ่งจ้องตรงไปที่ปืนไรเฟิลบาร์เร็ตต์ที่พาดอยู่ด้านหลังซู่เฮาเที่ยน
อาวุธเวทย์มนต์นั้นเป็นอาวุธที่ใช้ได้โดยสาวกทางจิตวิญญาณและปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณ ซึ่งถูกสร้างโดยปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณ แบ่งออกเป็นสี่ระดับ ขั้นต้น เชี่ยวชาญ ปฐพี สวรรค์ แต่ละระดับนั้นจะแบ่งออกเป็นเก้าขั้น ซึ่งสามารถใช้ได้โดยพลังวิญญาณในร่างกาย เพื่อใช้ป้องกันหรือโจมตีศัตรู
แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมนี้จะไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก แต่ความรู้ขั้นพื้นฐานหลายๆอย่างเกี่ยวกับทวีปซวนหวู่นั้นถือว่ามีเยอะในระดับหนึ่ง
คำพูดของซู่ขลุ่ยนั้นดึงดูดความสนใจของซู่หนิงซื่อทันที และแม้แต่ซู่เฉิงเฟิงซึ่งกำลังจัดการกับภาหนะเวทย์มนต์ของเขาก็ยังแอบมอง ทันทีที่เขาออกมาจากตระกูลนั้น อาวุธที่ซู่เฮาเที่ยนสะพายอยู่ด้านหลังได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาอย่างมากเช่นกัน
“ชื่อของมันคือบาร์เร็ตต์น่ะ”
ซู่เฮาเที่ยนแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรมาก เพราะถึงเขาพูดอะไรมากไปในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์
"หือ มันจะใช้ได้งั้นหรือ? มันไม่ได้เป็นแค่เศษไม้หรอกหรือ? แล้วมันทำอะไรได้ล่ะ? ดาบหยกของข้ายังดูมีประโยชน์มากกว่าอีก"
เดิมทีซู่หนิงซื่อกำลังรอให้ซู่เฮาเที่ยนพูดต่อ แต่เมื่อเขาเห็นซู่เฮาเที่ยนพูดแค่ชื่อของมันเธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำชื่ออาวุธของซู่เฮาเที่ยนนั้นไว้ในใจ
ซู่ขลุ่ยเองก็ไม่พูดอะไรต่อ แม้ว่าเขาจะยังมีความรู้เพียงเล็กน้อย แต่มันก็เป็นถึงอาวุธของซู่เฮาเที่ยนและมันไม่เหมาะสำหรับเขาที่จะถามอะไรมากไปกว่านี้ ส่วนผู้อาวุโสอย่างซู่เฉิงเฟิงนั้นเขาทำเพียงหัวเราะเบาๆ เพราะมันเป็นเพียงอาวุธเวทย์มนต์เท่านั้นซึ่งเขาไม่ได้สนใจมันเลย
เนื่องจากพื้นที่ของชายแดนยู่เซานั้นไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้พวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการไปถึงเมืองเซาหลงที่อยู่ในชายแดนยู่เซา
ขณะที่เสียงของยานภาหนะดังออกมานั้น แสงสีฟ้าที่ทอดยาวได้ส่องประกายไปทั่วท้องฟ้า และในที่สุดก็ลงจอดที่ประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ในใจกลางเมืองเซาหลง
หลังจากนั้นชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำซึ่งกำลังรออยู่ที่ประตูคฤหาสน์แล้วเดินไปหาพวกเขาทั้งสี่คน