1033 - กะโหลกศีรษะของจักรพรรดินี
1033 - กะโหลกศีรษะของจักรพรรดินี
หยินเทียนจื่อผู้ทรงพลังและสั่นสะเทือนสวรรค์พิภพ เขาเป็นน้องชายเพียงคนเดียวของหยินเทียนเต๋อ เจ้าของวังไป๋จิงซึ่งยากหยั่งถึง
แต่ในขณะนี้ เขารู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ไม่ยากที่จะจินตนาการว่าเย่ฟ่านก้าวร้าวแค่ไหนในเวลานี้ การปรากฏตัวของเขาทำให้ยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ในบริเวณเกิดความหวาดกลัว
“ข้าต้องสู้”
เขากล่าวกับตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเขาหนีออกไปแบบนี้ ต่อให้รอดชีวิตได้จริงๆมันก็จะทำลายเต๋าของเขาโดยสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ผู้ที่ต้องการหลบหนีก็ทำไม่ได้ เพราะความเร็วของร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นชัดเจนสำหรับทุกคน ต่อให้หลบหนีขึ้นไปบนฟ้าเย่ฟ่านก็ยังจะไล่ฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
การต่อสู้จนตัวตายอย่างสุดกำลังย่อมดีกว่าการหลบหนีและถูกฆ่าตายหลายร้อยเท่า
หมอกกำลังพัดเข้ามา เมฆดำกำลังปรากฏขึ้น บรรยากาศที่มืดมนกวาดออกไปรอบทิศทาง ทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนเล็กน้อย
นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งหยินตามจันทรคติซึ่งเป็นพลังดั้งเดิมที่สุด การใช้มันออกมาสามารถทำให้เขาเร่งความเร็วได้มากกว่าปกติหลายร้อยเท่า
น่าเสียดายที่หลังจากจักรพรรดิโบราณแห่งไท่หยินสิ้นพระชนม์ไปแล้ว มรดกของเขาก็เปลี่ยนมือไปนับครั้งไม่ถ้วน และลูกหลานของเขาก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด
ต่อให้หยินเทียนเต๋อครอบครองวังโบราณไป๋จิง สิ่งที่เขาได้รับมาก็เป็นเพียงมรดกส่วนน้อยเท่านั้น
เย่ฟ่านโยนร่างของฉีหยางลงไปบนทะเลอย่างเย็นชา
ทะเลเหนือยังคงปั่นป่วนไม่หยุด คลื่นลูกใหญ่กระทบความว่างเปล่า พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีครามด้วยความสูงนับหมื่นฉื่อ เมฆทั้งหมดกระจายตัว และท้องฟ้าก็สะอาดหมดจด
หยินเทียนจื่อยืนอยู่ในระยะไกลและแค่นเสียงเย็นยะเยือก ความเด็ดเดี่ยวของเขาไม่เป็นที่ต้องสงสัย ต่อให้ต้องตายลงที่นี่เขาก็ไม่มีทางหลบหนีอย่างเด็ดขาด
บัดนี้ยอดฝีมือนับร้อยคนที่กระจายอยู่ในบริเวณต่างหลบหนีออกไปให้ไกลที่สุด
ฉากที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า คลื่นลูกใหญ่ที่พุ่งสูงถึงหมื่นฉื่อและสลายก้อนเมฆทั้งหมดให้ควบแน่นและกลายเป็นยอดน้ำแข็ง!
คลื่นลูกใหญ่ทุกลูกล้วนงดงามและน่าเกรงขาม ราวกับว่าเทพเจ้าได้แกะสลักฉากดังกล่าวไว้ในโลก
“ปัง”
ทันใดนั้น ทวนน้ำแข็งสีดำก็พุ่งทะลุอากาศ นำพาหมอกสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุด ควบแน่นพลังศักดิ์สิทธิ์ทางจันทรคติทะลุผ่านความว่างเปล่าพุ่งเข้าหาหน้าอกของเย่ฟ่าน
หยินเทียนจื่อเปิดการโจมตี ทำลายโลกที่มั่นคงนี้ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ และพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งไท่หยินก็เปรียบเสมือนคลื่นแห่งความตายอันยิ่งใหญ่ที่ปะทุออกมาจากจิตใจของเขา
เย่ฟ่านกระแทกกำปั้นไปข้างหน้าด้วยพลังไท่หยางซึ่งเป็นพลังที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพลังศักดิ์สิทธิ์ไท่หยิน
“ปัง!”
ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง ทวนน้ำแข็งแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผลึกน้ำแข็งกระจายไปทั่วท้องฟ้าโดยไม่อาจต่อต้านการโจมตีของเย่ฟ่านได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
ประกายแสงสว่างวาบระหว่างคิ้วของเย่ฟ่าน พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงอาทิตย์หลั่งไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุดเปลี่ยนเป็นอักขระเต๋านับหมื่นให้ครอบคลุมเข้าหาหยินเทียนจื่อ
ในอากาศมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังศักดิ์สิทธิ์สีดำและสีทองพุ่งเข้าหากันราวกับคลื่นทะเล เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วท้องฟ้าทำให้สวรรค์พิภพสั่นไหวอย่างรุนแรง
“พังทลาย”
ธงขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากด้านหลังหยินเทียนจื่อ มันมีสีดำราวกับน้ำหมึก พร้อมกับเสียงพึมพำที่เหมือนเสียงสวดมนต์ของผู้ยิ่งใหญ่จากยุคโบราณ
ร่างกายของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน นี่คือเสียงสวดเต๋าที่เป็นการลอกเลียนคำพูดของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไท่หยิน ต่อให้มันเป็นเพียงการลอกเลียนขึ้นมาแต่ก็มีพลังเพียงพอที่จะแทรกซึมเข้าสู่ทะเลแห่งความทุกข์ของเขา
“ปัง”
ร่างกายของเขาสั่น ร่างศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะถูกแช่แข็งด้วยความหนาวเหน็บ เลือดสีทองของเขากำลังเดือดพล่านเพื่อต่อต้านความหนาวเย็นอันน่าสะพรึงกลัวนี้
หยินเทียนจื่อถือเสาธงสีดำไว้ในมือพร้อมกับโบกสะบัดอย่างรุนแรง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง และอุกกาบาตนับหมื่นลูกก็ตกลงมาจากด้านบนทันที
นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เกือบจะเป็นอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้ว พลังของมันเทียบเท่ากับการโจมตีของผู้อมตะ และนี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขากล้าต่อสู้เย่ฟ่าน
“ปัง” “ปัง…”
...
เย่ฟ่านเคลื่อนไหว และทุกหมัดของเขาบดขยี้อุกาบาตลูกยักษ์โดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย ทันใดนั้นประตูสีดำหกบานก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า มันคือหมัดหกสังสารวัฏที่เชื่อมต่อกับโลกโบราณทั้งหกนั่นเอง
“ปัง!”
เมื่อปราณแห่งสวรรค์พิภพหลั่งไหลออกมาจากประตูทั้งหกร่างของหยินเทียนจื่อที่ยืนอยู่ในความมืดก็ปลิวกระเด็นกลับไปทางด้านหลัง ทะเลที่เบื้องล่างของพวกเขาเกิดความปั่นป่วนและมวลน้ำทะเลก็ถูกฉีกออกจากกันราวโลกกำลังแตกสลาย
ภาพที่น่าตกใจปรากฏขึ้นทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก การต่อสู้ดำเนินอยู่บนท้องฟ้า แต่น้ำทะเลกลับถูกดึงออกมาเป็นส่วนหนึ่งในอาวุธของพวกเขา
“แช่แข็งชั่วนิรันดร์!”
ทะเลสีดำถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ไท่หยินแช่แข็ง เย่ฟ่านถูกผนึกอยู่ภายใน จากที่เห็นในตอนนี้พลังแห่งไท่หยางของเขาดูเหมือนจะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีของธงศักดิ์สิทธิ์นี้ได้
ด้านหลังผู้คนขนลุกซู่ ธงสีดำนี้น่ากลัวเกินไป พลังที่เย่ฟ่านแสดงออกมาไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับการสืบทอดมรดกของจักรพรรดิสุริยันผู้ยิ่งใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขากลับไม่อาจดิ้นรนได้แม้แต่น้อย
“บูม!”
ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งสีดำขนาดใหญ่ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก เย่ฟ่านยืนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด
ในเวลาเดียวกันท่ามกลางแสงสีทองสว่างจ้า กลางหน้าผากของเย่ฟ่านมีหยดน้ำสีดำปรากฏขึ้น หยดน้ำสีดำนี้แน่นอนว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งไท่หยิน
“เจ้าได้เรียนรู้คัมภีร์โบราณของเราได้อย่างไร!” หยินเทียนจื่อกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
เขาโบกสะบัดธงในมือเพื่อเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งไท่หยิน ในเวลาเดียวกันเขาก็อ้าปากพลวัตถุสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายออกมา
ในขณะนั้นอารมณ์ด้านลบทุกประเภท เช่น ความหดหู่ ความตาย ความหนาวเย็น ความหวาดกลัว ความเหี่ยวเฉา ระเบิดออกไปรอบทิศทางและทำให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณตกอยู่ในสภาพซึมเซาในพริบตาเดียว
นี่คือนาฬิกาทรายอาวุธที่กลั่นโดยราชาผู้อยู่ยงคงกระพันในอดีต ในเวลานี้ พลังด้านลบแปลกๆ ทุกชนิดกำลังไหลเวียนส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้คน
พร้อมกันนั้นไผ่แห่งความมืดในตำนานเก้าต้นปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังของเขา พวกมันมีขนาดไม่สูงมากนัก แต่คลื่นที่ปลดปล่อยออกมานั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความตายอย่างแน่นอน
ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าสิ่งนี้ มันเป็นปรากฏการณ์ที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ตามตำนาน นี่คือต้นไผ่แห่งยมโลก มันได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังหยินอันเข้มข้น เมื่อมันเจริญเติบโตกลายเป็นต้นไม้เซียน เพียงการโบกสะบัดไม่กี่ครั้งต่อให้เป็นผู้อมตะที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยากที่จะรอดชีวิตได้
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหัวกระโหลกขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า หัวกะโหลกนี้มีลวดลายของอักขระเต๋าปกคลุมอย่างแน่นหนา
ลวดลายเหล่านี้ซ้อนทับกันอย่างซับซ้อนเพียงมองดูก็ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวแล้ว
นี่คือกะโหลกศีรษะของเซียนโบราณอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำยังเป็นเซียนโบราณผู้แข็งแกร่งอีกด้วย หรือบางทีมันอาจจะเป็นกะโหลกศีรษะของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ!
ทุกคนตกตะลึงและแทบไม่เชื่อสายตา พวกเขาไม่คิดว่าหยินเทียนเต๋อจะอนุญาตให้หยินเทียนจื่อนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ออกมา
“นี่เป็นกะโหลกศีรษะของจักรพรรดินีไท่หยินโบราณหรือ? ในเวลานั้นนางพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้และถูกตัดศีรษะอย่างโหดร้าย ตำนานเป็นความจริง?”
“ใช่ มีตำนานเช่นนี้ แม้ว่านางจะตายไปแล้วแต่ด้วยความโกรธที่ไม่สิ้นสุด กะโหลกศีรษะของนางจึงเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วเพื่อกวาดล้างศัตรูทั้งหมด”
ผู้คนนึกถึงตำนานที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนาน นี่คืออาวุธที่มีประวัติศาสตร์นับแสนปี แน่นอนว่าจักรพรรดินีไท่หยินคนนี้ย่อมไม่ใช่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แต่ไม่มีผู้ใดสงสัยว่านางคือสิ่งมีชีวิตอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
ว่ากันว่าในยุคนั้นนางเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่เกือบจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จแล้ว หากไม่ใช่แต่ละยุคอนุญาตให้มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้เพียงคนเดียวนางจะต้องเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน
………….