ตอนที่แล้วบทที่ 61 ตระกูลหลิวชื่นชอบข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 โอสถหยางหยวน

บทที่ 62 หลินหลิงเอ๋อไม่สบาย


บทที่ 62 หลินหลิงเอ๋อไม่สบาย

หลินเป้ยเป็นคนหยิ่งผยอง ดังนั้นเขาจะไม่หวั่นไหวไปกับยันต์ป้องกันของหลินวู่จี้

ทำไมก่อนหน้านี้ หลินวู่จี้ถึงไม่สนใจเขา เป็นเพราะเขาเป็นขยะ? ไร้ค่า?

แต่พอตอนนี้ื เขามีคุณค่า เจ้าก็ต้องการที่จะเห็นอกเห็นใจ?

ของถูกแบบนี้มีที่ไหน!

หลินเป้ย มีวิจารณญาณของตัวเองว่าใครดีกับเขา

แค่ยันต์ป้องกัน ไม่ใช่อะไรสำหรับหลินเป้ยในตอนนี้เลย!

หากเป็นหลินเป้ยคนก่อน เขาคงสนใจ

อย่างไรก็ตาม การส่งถ่านไปในหน้าหนาว เป็นสิ่งที่หายากที่สุดจริงๆ

“อ่อ” หลินวู่จี้รู้สึกอึ้งมาก ที่หลินเป้ยปฏิเสธ

โดยไม่คาดคิด อารมณ์ของหลินเป้ยนั้นดูดื้อรั้น

ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธตระกูล!

"ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร" หลินหวู่จิ่วเก็บของกลับไป

หลินเป้ยไม่ต้องการมัน และเขาก็ไม่ได้บังคับ

ในฐานะหัวหน้าตระกูลหลิน เขาสามารถปล่อยวางได้

ดังนั้นเขาจะไม่โกรธเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

"การประฃองของตระกูลในปีนี้ เจ้าจะเข้าร่วมหรือไม่" หลินวู่จี้ถาม

ด้วยฐานการบ่มเพาะในปัจจุบันของหลินเป้ย ทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในตระกูลได้อย่างแน่นอน

หลินเป้ยไม่สามารถบ่มเพาะได้มาก่อน เขาไม่เคยเข้าร่วม

หากต้องการเข้าร่วมการประลองในตระกูล เจ้าต้องมีอายุ 14 ปีถึงงจะเข้าร่วมได้ และผู้ที่ติดหนึ่งในสิบ จะได้รับรางวัลมากมาย

รุ่นเยาว์บางคนที่ไม่สามารถชนะสิบอันดับแรกได้ แต่พวกเขาก็สามารถได้รับประโยชน์มากมายจากการประลองกับคนอื่นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขา

ถ้าเจ้าได้อันดับที่ดี เจ้าก็สามารถมีชื่อเสียงได้เช่นกัน

"ข้าจะเข้าร่วมในปีนี้แน่นอน"หลินเป้ยตอบ

ปีนี้จะมีการประลองใหญ่ทั่วทั้งเมือง

ในเวลานั้น กองกำลังหลักทั้งหมดจะมารับสมัครลูกศิษย์

หากหลินเป้ยต้องการออกจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้ การเข้าร่วมกองกำลังอื่นๆ เป็นทางเลือกที่ดี

แน่นอนหลินเป้ยไม่ได้ตั้งใจเข้าร่วมนิกาย เป้าหมายของหลินเป้ยคือสำนักศึกษา

นิกายมีข้อจำกัดมากมาย แต่สำนักศึกษาค่อนข้างอิสระ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลินเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องทรมานจากอาการบาดเจ็บนี้มานานกว่าสิบปี

หลินเป้ยต้องการล้างแค้น เขาอยากรู้ใครทำร้ายบิดาเขาจนเป็นแบบนี้

หลินเป้ยมีความคิดเช่นนี้ และเขาก็ไม่ได้บอกหลินเทียนเดี่ยวเรื่องแก้แค้น

สำหรับอาการบาดเจ็บของหลินเทียน หลังจากที่เขาชนะการประลองของตระกูลแล้ว

เขาจะหาทางรักษาอาการบาดเจ็บของหลินเทียน

“ดีมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะฉายแววในการประลองของตระกูล ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราจะกลับก่อนนะ ถ้าเจ้าต้องการอะไร ถ้าช่วยได้ ข้าจะช่วยแน่นอน ถ้าสมาคมเงามืดกับพวกตระกูลโจว กล้าที่จะหาเรื่อง เราจะช่วยกันจัดการ ข้าจะทำให้รู้ว่า คนในตระกูลหลินนั้นไม่ง่ายที่จะรังแก!” หลินวู่จี้พูดกับหลินเป้ย

นี่คือการรับประกันสำหรับหลินเป้ย และตระกูลหลินจะสนับสนุนเขาอย่างแน่นอน

หลินเป้ยเย้ยหยันในใจ ถ้าเขาไม่เปิดเผยคุณค่าของเขา หลินวู่จี้จะแสดงความคิดเห็นเช่นนี้หรือ?

ไม่มีทางแน่นอน!

เจ้าต้องรู้ว่าเมื่อตอนหลินเป้ยและโจวหยวนนัดกันเพื่อประลอง

ตระกูลหลินไม่ได้แสดงการสนับสนุน ซึ่งตรงกันข้ามกับทัศนคติของตระกูลโจว อย่างสิ้นเชิง

เป็นเพราะ หลินคังบอกหลินวู่จี้เกี่ยวกับโอสถ ว่าหลินเป้ยกลายเป็นตัวแทนของกลุ่มที่ทรงพลีงหนึ่ง และจะขายโอสถให้กับตระกูลหลินในราคา

ส่วนลด 5 ส่วน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตระกูลหลิน

ดังนั้น หลินวู่จี้จึงมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์!

เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อต้องการโอสถ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของหลินเป่ย หลินวู่จี้ถึงเปลี่ยนใจ

“ขอบคุณมาก ท่านผุ้นำตระกูล ในอนาคต ข้าอาจต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน”หลินเป้ยกล่าวอย่างสุภาพ

คำเรียกต้องเป็นหัวหน้าตระกูล แม้ว่าจะเป็นปู่ของเขาก็ตาม

หลินวู่จี้เป็นคนที่เริ่มต้นจากผลประโยชน์ของตระกูล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของตระกูล

หลินวู่จี้สามารถเพิกเฉยต่อผู้ที่ไม่มีคุณค่าต่อตระกูล

ผู้ที่มีคุณค่าต่อตระกูล ควรได้รับการสนใจอย่างจริงจัง

นี่คืออารมณ์ของหลินวู่จี้ ความรักในตระกูลไม่มีความจำเป็นในแนวคิดของเขา

ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง และหลินเป้ยไม่สามารถพูดถึงความเกลียดชังได้

หลินวู่จี้ไม่สนใจความสัมพันธ์ในตระกูลนี้มากนัก แล้วทำไมหลินเป้ยถึงสนใจ?

หลินวู่จี้พยักหน้า เขาจากไปพร้อมกับหลินหลงและคนอื่นๆ

หลินวู่จี้และคนอื่นๆ กลับไป

หลินเป้ยก็พาหลินเทียนและคนอื่นๆ กลับไปที่ร้าน

ธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไป เพราะทุกคนต้องการเงิน

เมื่อพวกเขากลับไป มีคนมากมายกำลังรอร้านเปิด

ตอนนี้คนเหล่านั้น เมื่อเห็นหลินเป้ยและคนอื่นๆ กลับมา กลุ่มคนเข้าแถวรออย่างตั้งใจ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โอสถรวบรวมปราณขั้นสูง ระดับหนึ่ง ที่ขายโดยหลินเป้ย ได้รับการยกย่องอย่างมาก

จึงมีลูกค้าจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และหลายคนกลายพ่อค้าคนกลาง

โอสถที่ซื้อราคาถูกจากหลินเป้ย ถูกนำไปขายในเมืองใกล้เคียงหลายแห่ง

ตัวอย่างเช่น หลินเป่ยขายเม็ดละ 40 ตำลึง เขาจะนำไปขายต่อที่ราคา 50 ตำลึง 60 ตำลึง ฯลฯ ในเมืองอื่นๆ ซึ่งทำเงินได้มากมาย

อาจกล่าวได้ว่า โอสถรวบรวมปราณ เป็นของจำเป็นสำหรับผู้บ่มเพาะระดับต่ำ และมีความต้องการอย่างมาก

เนื่องจากหลินเป้ยต้องดูแลสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก และสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณยังต้องการโอสถจิตวิญญาณเป็นอาหารของพวกมัน

ดังนั้นตอนนี้ หลินเป้ยสามารถกลั่นโอสถรวบรวมปราณได้เพียง 3,000 เม็ดเท่านั้น ทุกวัน.

พอหมดแล้วก็ปิดร้านทันที!

แต่ตามความเป็นจริง โอสถสามารถขายหมดได้ภายใน 2 ชั่วยาม หากมีลูกค้ารายใหญ่มากขึ้น โอสถต่างๆ สามารถขายหมดภายใน 1 ชั่วยาม

หลังจากปิดร้านแล้ว จะมีการแจกจ่ายเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกวัน

ทุกวันเมื่อมีการแจกจ่ายเงิน หลินคังจะหัวเราะจนหูสั่น!

ในเวลาเดียวกัน เขาชอบคร่ำครวญว่า เป็นสิ่งที่ฉลาดมากที่สุดในชีวิต ที่ช่วยหลินเป้ยสกัดกั้นการโจมตีของโจวห่าวในวันนั้น

ถ้าไม่เช่นนั้น หลินเป้ยจะไม่มีวันจ้างเขาให้ทำงานที่มีกำไรมากเช่นนี้

“นาย ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อนนะ”หลินหลิงเอ๋อกล่าวกับหลินเป้ย

ด้วยเหตุผลบางอย่างในวันนี้ หลินหลิงเอ๋อซึ่งปกติจะมีชีวิตชีวามาก นางกลับอยู่นิ่งๆและไม่ค่อยพูด

ปรากฎว่านางรู้สึกไม่ค่อยสบาย!

หลินเป้ยแตะหน้าผากของหลินหลิงเอ๋อ เขาขมวดคิ้ว มันร้อนเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะมีไข้

ผู้คนในโลกนี้ สามารถติดเชื้อหงัดจากลมและความเย็นได้เช่นกัน

แต่เนื่องจากมีผู้ฝึกตนจำนวนมากและร่างกายของพวกเขาแข็งแรง โอกาสที่จะป่วยด้วยโรคนี้จึงต่ำสุดๆ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นหวัด เจ้าควรกินโอสถนี้ก่อน แล้วค่อยกลับไปที่ห้องของเจ้าเพื่อพักผ่อน” หลินเป่ยหยิบยาโอสถออกมาและส่งให้หลินหลิงเอ๋อ

ยาโอสถนี้ ถูกแลกเปลี่ยนโดยหลินเป้ยไปกับห้างสรรพสินค้าของระบบทันที

มันมีผลดีเยี่ยม ในการรักษาโรคจากลมและความเย็น

“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” หลินหลิงเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง กลืนยาโอสถ ดื่มน้ำ และกลับไปที่ห้องของนาง

หลินเป้ยกลับไปที่ห้องของเขา

เขานั่งสมาธิและฝึกฝน

หลินเป้ยมักจะนั่งลงเพื่อทำความคุ้นเคยกับตำราจ้านเทียนเจ๋ (ตำรามหาศึกแห่งสวรรค์)

ด้วยความช่วยเหลือของวิชานี้ หลินเป้ยสามารถใช้พลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นได้

พลังปราณแท้จริงที่ควบแน่นของตำราจ้านเทียนเจ๋นั้น แตกต่างจากพลังปราณแท้จริงทั่วไป

ดังนั้นจึงทำให้หลินเป่ย มีพลังในการต่อสู้มากกว่าระดับเดียวกัน!

เหลือเวลาอีก 18 วัน การประลองของตระกูลกำลังจะเริ่มขึ้น

แต่บอกได้เลย แม้ว่าจะดป็นตอนนี้ หลินเป้ยก็จะชนะเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากเขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบแท้จริงได้ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!

ในเวลานั้น แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งในระดับแรกของปรมาจารย์นักรบ หลินเป้ยก็สามารถต่อสู้กับเขาได้

ความแตกต่างระหว่างนักรบฝึกหัดขั้น 10 และขอบเขตนักรบแท้จริงขั้น 1 คือความแตกต่างอย่างน้อยสองเท่าของความแข็งแกร่ง

มิฉะนั้น เหตุใดโจวเหม่ย จึงกระตือรือร้นที่จะก้าวเข้าสู่นักรบแท้จริงอย่างมาก

ไม่ใช่ทุกคนที่มีระบบเหมือนหลินเป้ย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด