ตอนที่แล้วบทที่ 343 – มหาสงครามกำลังจะเริ่มขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 345 – สงครามครั้งสุดท้าย

บทที่ 344 – การเตรียมตัวก่อนศึกใหญ่


“จางกง ฉันก็รักนาย! นายต้องรอดกลับมาให้ได้นะ!!” เสียงของมู่จือยังดังตามมาให้ได้ยินจากทางด้านหลัง น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ‘มู่จือ ฉันยังสงสัยอยู่เหมือนกันนะ ว่าหลังจากที่ทำศึกกับราชามารในครั้งนี้แล้ว ฉันจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่’

ผมได้แต่พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุด เพื่อสะกดอารมณ์ของตัวเองให้มันสงบนิ่งที่สุด บินตรงไปยังกำแพงของป้อมปราการ ก่อนที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ช่วยในการตะโกนออกไป “เหล่าพี่น้องของกองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพจงรับฟังคำสั่งของข้า เว่ยจางกง! ให้พี่น้องทุกคนไประดมพลกันที่ประตูใหญ่ของป้อมปราการในทันที ย้ำอีกครั้ง กองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพทุกคน ให้ไปรวมกันที่ประตูใหญ่ของป้อมปราการทันที..” ผมกล่าวคำสั่งย้ำไป 2-3 ครั้ง ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เสริมพลังเข้าไป เสียงของผมน่าจะสามารถได้ยินทั่วกันครบทุกคนอย่างแน่นอน

เงาร่างจำนวนมากเริ่มปรากฏเคลื่อนไหวให้เห็นออกมาแล้ว ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปที่ประตูใหญ่ตามการเรียกระดมพลของผม พวกเขายืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามกองพันที่ตนเองสังกัดอยู่ ในดวงตาของพวกเขานั้นเป็นประกาย ต่างเงยหน้ามองผมที่ยังลอยอยู่บนท้องฟ้า รอฟังคำสั่งที่จะกล่าวออกมาอย่างใจจดใจจ่อ ผมประมาณกำลังพลที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างคร่าว ๆ แล้ว มันน่าจะมีเหลือกันอยู่เพียงแค่ 5,000 คนเท่านั้น ความสูญเสียที่ผ่านมาของกองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพก็ถือว่าไม่น้อยเลยจริง ๆ

เมื่อเห็นว่าไม่มีสมาชิกมารวมตัวเพิ่มเติมแล้ว ผมเริ่มกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวาน “พี่น้องทุกคน ตัวข้าเองนั้นเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เท่านั้น วันที่ข้าเดินทางกลับมาถึง ทุกคนคงจะได้รับรู้ ได้เห็นเหตุการณ์กันหมดทุกคนแล้ว แม้ว่าในตอนนั้น พวกเราจะสามารถผลักดัน และกำจัดกองกำลังของเผ่ามารส่วนใหญ่ไปได้แล้ว แต่โชคร้าย มันกำลังจะมีการโจมตีครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีก นี่เป็นข่าวร้ายที่ข้าจำเป็นต้องแจ้งให้พวกท่านทุกคนได้รู้กันเอาไว้ก่อน ว่าราชามารนั้นได้คืนชีพขึ้นมาแล้ว และในเวลา 2 วันต่อจากนี้ไป เขาจะเป็นคนที่นำทัพมาเปิดฉากโจมตีป้อมปราการแห่งนี้ด้วยตัวเอง” ผมหยุดเพื่อหายใจยาว ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อออกไปอีก

“ในตอนนี้ กองกำลังหลักของทั้งสามอาณาจักรได้มารวมพลกันอยู่ที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่า ที่นี่คือขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เผ่ามนุษย์ของเราจะรวบรวมขึ้นมาได้แล้ว ถ้าป้อมปราการแห่งนี้พ่ายแพ้ และถูกตีแตกลงไป นั่นหมายถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราจะจบสิ้นลงอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่พวกที่อยู่ด้านหลัง จะสามารถต้านทานการรุกรานของเผ่ามารได้อีกเลย พวกเรากองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพ จัดตั้งขึ้นมาก็เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของตัวเอง เพื่อป้องกันการรุกรานของเผ่ามาร ในตอนนี้มันถึงเวลานั้นแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเราจะต้องป้องกันป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้ให้สำเร็จให้จนได้ แม้ว่ามันอาจจะหมายถึงชีวิตของพวกเราทั้งหมดก็ตาม”

หลังจากเสียงที่ก้องกังวานของผมนั้นจบลง เหล่าพี่น้องในกองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพยังคงยืนนิ่ง ไม่มีการส่งเสียงแสดงความแตกตื่นออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่หยุดพูดลง และกวาดสายตามองพวกเขาทั้งหมดอีกครั้ง ผมก็กล่าวต่อไปอีกอย่างเคร่งขรึม “รูปลักษณ์ที่ราชามารใช้ปรากฏตัวออกมานั้น แม้แต่ข้าก็คาดไม่ถึงเช่นกัน พวกท่านทุกคนคงจะรู้จักไหสุ่ยเป็นอย่างดี ใช่แล้ว! นางก็เหมือนกับเจ้าหญิงมู่จือ เป็นคนรักของข้าเหมือนกัน แต่ข้าคงต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบเอาไว้โดยทั่วกัน เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ค้นพบว่าไหสุ่ยได้ถูกราชามารครอบครองร่างไปแล้ว ในตอนนี้นางเป็นร่างสถิต ที่ราชามารใช้สำหรับคืนชีพมาในโลกใบนี้อีกครั้ง ดังนั้น! ถ้ามีใครพบเห็นนางในป้อมปราการแห่งนี้ ให้ส่งสัญญาณเตือนภัยขั้นสูงสุดออกมาทันที นอกจากนี้ ข้ายังมีข่าวร้ายอีกเรื่องที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบเอาไว้ จากการปะทะกันหลังจากเปิดเผยโฉมหน้าของราชามาร ผู้อาวุโสของพวกเราทั้งสามท่านที่เหลือ ได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของข้าเอาไว้ ได้เสียสละชีวิตเพื่อรักษาความหวังที่พวกเราจะเอาชนะสงครามครั้งนี้ในท้ายที่สุดเอาไว้ พี่น้องของข้า! พวกเราจะต้องกำจัดพวกเผ่ามารให้สิ้นซาก เพื่อล้างแค้นให้กับผู้อาวุโสทุกคน พวกท่านทุกคน! พร้อมที่จะติดตามข้าไปล้างเผ่าพันธุ์มาร ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้หรือไม่?”

สถานะของผู้อาวุโสทั้งห้าในใจของกองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพนั้นสูงยิ่งกว่าตัวผมเองเสียอีก เหล่านักรบเกือบทุกคนในกองกำลัง ได้รับการฝึกสอนอย่างเข้มงวดของพวกเขา และอยู่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันนานกว่าผมมาก หลังจากที่ได้ทราบข่าวร้ายของเหล่าผู้อาวุโส ทั้งหมดก็พากันตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น ดวงตาของพวกเขาต่างลุกโชนด้วยความคิดที่จะล้างแค้นให้กับผู้อาวุโสทั้งหมด และกำจัดเผ่ามารให้สิ้นซากไป

ในตอนนี้ ผมไม่กล้าที่จะบอกพวกเขาออกไปเลยว่า พี่ใหญ่จ้านหู่และคนอื่น ๆ ที่เหลือ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถเข้าร่วมทำศึกในสงครามครั้งสุดท้ายนี้ได้ มันจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของพวกเขาลงเป็นอย่างมาก เวทย์ต้องห้ามของเผ่าเทพเจ้า เป็นไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดที่พวกเรามีแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ นี่ย่อมจะทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังใจเป็นอย่างมากแน่นอน

“พวกเราจะสู้ตายเพื่อล้างแค้นให้กับผู้อาวุโส...”

“เจ้าพวกเผ่ามารที่ชั่วร้าย ข้าจะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด...”

“ต่อให้ต้องตาย พวกเราก็จะไม่ปล่อยให้เผ่ามารเข้ามาในป้อมปราการแห่งนี้ได้แม้แต่ก้าว...”

เสียงตะโกนนั้นยังดังกึกก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง และมันทำให้เลือดในตัวของผมนั้นพุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ผมตะโกนเสริมออกไปในทันที “ข้า! ทูตแห่งเทพเจ้าเว่ยจางกง ขอสาบานเอาไว้ต่อหน้าพวกท่านทุกคนตรงนี้ ถ้ายังเหลือแม้ลมหายใจสุดท้าย ข้าจะไม่ยอมให้เผ่ามารก้าวเท้าเข้ามาในป้อมปราการนี้ได้เป็นอันขาด” แต่ผมนั้นรู้สึกได้เป็นอย่างดี ลมหายใจสุดท้ายของผมนั้นใกล้เข้ามาทุกทีแล้วเหมือนกัน

“กองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพรับคำสั่ง กองพันที่สาม สี่ และห้า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้รับหน้าที่ลาดตะเวนบริเวณรอบ ๆ ป้อมปราการ ส่วนกองพันที่เหลือ ให้ประจำอยู่บนกำแพงเมือง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น” ผมตั้งใจที่จะทำศึกครั้งนี้ด้วยการตั้งรับอยู่ในป้อมปราการเป็นหลัง มันฉลาดกว่าการที่จะออกไปสู้กับพวกเผ่ามารในพื้นที่โล่งด้านนอกป้อมมาก และด้วยพลังการป้องกันของป้อมปราการ รวมกับกำลังทหารที่มีอยู่ทั้งหมด เผ่ามารไม่มีทางทำลายการป้องกันเข้ามาข้างในได้อย่างแน่นอน ยกเว้นว่าผมจะถูกสังหารลงไปเสียก่อนเท่านั้น

หลังจากสั่งการกองกำลังผู้พิทักษ์แห่งเทพจนเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็เดินทางต่อไปที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ทันที นายทหารระดับสูง และผู้บัญชาการของทั้งสามอาณาจักรกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นผมปรากฏตัวขึ้น อาจารย์ตี้ก็ขมวดคิ้ว แล้วก็ถามออกมาทันที “จางกง อาจารย์ได้ยินเจ้าพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไหสุ่ยถูกราชามารครอบครองร่างไปแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”

ผมพยักหน้ายืนยันอย่างเคร่งขรึม “ถูกต้องแล้วครับอาจารย์ แต่ผมคงจะไม่อธิบายเรื่องราวอย่างละเอียดในตอนนี้ ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องต้องรบกวนให้ทุกท่านช่วยเหลือ โปรดสั่งการให้ทหารทุกนายอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมสูงสุด เพราะการบุกโจมตีจะเกิดขึ้นในเวลาใดก็ได้ต่อจากนี้ไป ส่วนตัวผมเองนั้น ก็จะประจำการอยู่ที่นี่เพื่อเตรียมพร้อมเช่นกัน สงครามใหญ่จะเกิดขึ้นในเวลา 2 วันนี้อย่างแน่นอน และมันจะเป็นมหาสงครามที่ตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติเลยด้วย” หลังจากกล่าวจบ ผมก็เลือกมุมที่สงบแห่งหนึ่ง นั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของตัวเองทันที พยายามทำใจให้สงบที่สุด เฝ้ารอคอยศึกครั้งสุดท้ายที่จะมาถึง

......

สองวันถัดมา ในช่วงเวลาสาย ๆ ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าเรียบร้อยแล้ว มีความเคลื่อนไหวปรากฏออกมาจากเหวลึกที่อยู่ด้านหน้าป้อมปราการเต๋อหลุ่นอีกครั้ง หลังจากที่มันสงบเงียบมาเป็นเวลานาน

หมอกสีดำจำนวมากเริ่มลอยออกมาจากส่วนลึกของเหวอย่างต่อเนื่อง ท้องฟ้าที่กำลังสว่างสดใส เริ่มถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีดำที่มีแต่กลิ่นอายชั่วร้าย เสียงกรีดร้องคำรามดังออกมาอย่างต่อเนื่อง มันโหยหวนชวนให้ขนหัวลุกเป็นอย่างยิ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด