บทที่ 234: โดนอีกแล้ว! เมล็ดพันธุ์ที่ไม่รู้จัก!
คนแคระมาท้าวิ่งแข่ง
‘ไอ้ขาสั้นนี่จงใจกวนตีนปะวะ?’
ฉินหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่พล็อตมันมาแบบนี้แล้วก็มีแต่ต้องยอมเล่นกับมันเท่านั้น
[เอาล่ะไปที่ภูเขานอเทรอดามกันเถอะ เราจะแข่งกันว่าใครจะวิ่งไปถึงยอดเขาได้ก่อน!]
บทสนทนาของคนแคระอาร์นี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นหน้าจอเกมก็เปลี่ยนไป
เป็นอีกหนึ่งหน้าจอมินิเกม หน้าตาคือถนนวิ่งขึ้นเขาที่ทอดยาวจากฟาร์มไปจนถึงยอดเขานอเทรอดาม เป็นภาพมุมมองที่แตกต่างจากหน้าจอปกติ
ฉินหลินให้ตัวละครไปที่จุดสตาร์ทพร้อมกับคนแคระอาร์นี่
จากนั้นก็เริ่มนับถอยหลัง
ฉินหลินโฟกัสกับการแข่งอย่างมากเพื่อไม่ให้อะไรผิดพลาด ดังนั้นเมื่อนับถึง 0 เขาก็ให้ตัวละครวิ่งออกไปเลย
แต่ทันทีที่วิ่งออกไปเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะไอ้คนแคระอาร์นี่มันเดินทอดน่องช้า ๆ ดูเขาวิ่งเท่านั้น...
‘มันวิ่งแน่นะ?’
‘มันมาท้าวิ่งแข่งแต่ดันเดินทอดน่อง...’
แล้วฉินหลินก็สั่งให้ตัวละครหยุดวิ่ง... ไอ้อาร์นี่มันก็หยุดด้วย!
“???” ฉินหลินตกตะลึง
แล้วก็ลองให้ตัวละครถอยหลังดู... ไอ้อาร์นี่มันก็ถอยด้วย!
“...” ฉินหลินตกตะลึงอึ้งเงิบไปเลย
‘หรือเมื่อกี้อ่านผิด ไม่ใช่ถึงก่อนชนะแต่เป็นถึงทีหลัง?’
แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนเลยว่า [ใครจะไปถึงยอดเขานอเทรอดามก่อน...]
งั้นก็แปลว่าไอ้อาร์นี่มันจงใจแพ้...
‘ทำไมรู้สึกเหมือนถูกหลอกเลยวะ?’
ถึงจะรู้แบบนี้แล้วแต่ฉินหลินก็ยังหมดหนทางอยู่ดี เพราะถ้าไม่แข่งให้จบหน้าจอมันก็จะติดอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะงั้นจึงต้องให้ตัวละครวิ่งไปให้ถึงยอดเขานอเทรอดามเพื่อจบการแข่งก่อน
พอตัวละครวิ่งถึงยอดเขาก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา
[ขอแสดงความยินดี ชนะการแข่งวิ่ง!]
แล้วหน้าจอมินิเกมก็หายไป
ตัวละครกับคนแคระอาร์นี่ก็ปรากฏตัวอีกครั้งในฟาร์ม
บทสนทนาของคนแคระอาร์นี่ก็เด้งขึ้น
[เก่งมาก ๆ ฉันแพ้อีกแล้ว นี่คือของรางวัลนะ หวังว่าจะชอบ ไปละ!]
พูดจบมันก็โยนกล่องใบหนึ่งทิ้งไว้แล้วหนีไปอย่างไว
‘ประหลาด แม่งประหลาดโคตร ๆ’
ฉินหลินให้ตัวละครไปเปิดกล่องที่อาร์นี่ทิ้งไว้ออกเผยให้เห็นร่างสีขาว
“หมาจิ้งจอก?” ฉินหลินประหลาดใจ
ภายในกล่องมีจิ้งจอกขาวน่ารักมากโดยเฉพาะตรงหางนี่สวยจริง
เจอฉากนี้เข้าไปทำเอาเขานึกถึงตอนเจ้ากระรอกชื่อเหมาก่อนหน้านี้เลย
ไอ้อาร์นี่มันแทบจะรอหาเจ้าของให้เจ้าชื่อเหมาไม่ไหว แล้วสุดท้ายเจ้ากระรอกหางใหญ่นั่นก็มาตกอยู่ในมือเขา
แล้ว... อีกแล้วเหรอวะ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะใช่...
แค่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาลำบากให้ทำเควสก็ได้ เพราะว่าพื้นที่สัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนจากพื้นที่ทำอาหารด้วยตัวเองที่บ้านไร่ตอนนี้ยังมีแค่กระรอกอย่างเดียวเอง เพราะงั้นต่อให้อีกฝ่ายเอาสัตว์แบบนี้มาให้เขาอีกกี่ตัวเขาก็รับหมดแหละ ทำไมต้องมาลำบากท้าแข่งแล้วแกล้งแพ้ด้วยก็ไม่รู้
ที่สำคัญคือจิ้งจอกขาวตัวนี้มันดูดีจริง ๆ
ที่หน้าจอตอนนี้เป็นภาพตัวการ์ตูนน่ารักตาแป๋ว แต่ตัวมันกลับขดตัวอย่างตื่นตระหนกและดูท่าไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง
เห็นแบบนี้แล้วในใจฉินหลินอยากจะเข้าไปในเกมแล้วอุ้มมันขึ้นมาปลอบโยนซะบัดเดี๋ยวนี้
ทว่าที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ในห้องทำงานบ้านไร่น่ะสิ เขาอยู่ที่บ้านเก่าและยังมีคนอยู่ด้วยหลายคนอีกต่างหาก ดังนั้นจึงได้แต่ต้องรอไปก่อน
“ฉินหลินเปิดท้ายรถหน่อย เด๋วฉันจะเอาของลง” เสียงของจ้าวโม่ชิงดังขึ้น
ฉินหลินพยักหน้าและเปิดท้ายรถ
ครั้งนี้เขายังเตรียมอาหารมาเพียบ เพราะที่บ้านเกิดมันไม่มีพวกร้านอาหารอะไรพวกนั้นอยู่เลย
“โม่ชิง มาเดี๋ยวช่วย” ถังซิ่วหว่านไปช่วยด้วย
ระหว่างทางเธอกับจ้าวโม่ชิงได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น
จ้าวโม่ชิงพยักหน้าและส่งจานให้ถังซิ่วหว่าน
“ฉินหลิน เรื่องอาหารเดี๋ยวฉันกับซิ่วหว่านจัดการเอง เธอกับศาสตราจารย์หลี่รีบไปทำงานเถอะ” จ้าวโม่ชิงรู้อยู่ว่าที่สามีมาบ้านเก่าครั้งนี้ก็เพื่อมาขุดดินพิเศษกลับไป
เธอพูดพลางหยิบของต่าง ๆ ออกจากท้ายรถแล้วพาถังซิ่วหว่านไปที่ห้องครัว
“งั้นเราไปดูทุ่งนาเก่าที่นายเล่าให้ฟังกันเถอะ” หลี่ไข่ชวน
“โอเค! แต่รอแป๊บนะผมไปเอาของที่ห้องเก็บของก่อน” ฉินหลินพูดแล้วเดินไปที่ห้องเก็บของ
ห้องเก็บของแบบนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านในชนบท นอกจากจะใช้เก็บเครื่องมือแล้วในอดีตยังใช้เก็บข้าวที่เกี่ยวได้รวมไปถึงของเซ่นไหว้ตรุษจีนที่เตรียมไว้เซ่นไหว้ด้วย
พอฉินหลินเข้าไปในห้องเก็บของแล้วก็ปิดประตูล็อคกลอนจากนั้นก็เข้าสู่โลกในเกม
แปลว่าที่เขามาห้องเก็บของจริง ๆ แล้วจุดประสงค์หลักไม่ใช่เพราะต้องการมาเอาเครื่องไม้เครื่องมืออะไรหรอก แต่เป็นการหาสถานที่เพื่อเข้าสู่โลกในเกมต่างหาก เขาจะเข้าไปเอาดินวิเศษออกมาจากเกมพร้อมกับดูเจ้าจิ้งจอกขาวตัวนั้นด้วย
หน้าจอตรงหน้าหายไป ตัวฉินหลินปรากฏขึ้นที่ฟาร์มในเกม แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีขนยาว ๆ มาสัมผัสกับขา
เป็นหมาจิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่งนอนขดตัวอยู่แทบเท้าด้วยอาการประหม่า
ฉากนี้กระตุ้นความรู้สึกรักสัตว์ขึ้นมาเลย เขานั่งลงแล้วลูบขนของมัน แต่พอโดนเขาสัมผัสมันกลับยิ่งประหม่าและขดตัวแน่นขึ้น
‘เจ้าจิ้งจอกขาวนี่สงสัยจะตกใจกลัวอะไรบางอย่างหรือไม่ก็บาดเจ็บมาล่ะมั้งหนิ’
จิ้งจอกขาวซึ่งไม่ใช่ภาพการ์ตูนแล้วนั้นมีรูปร่างหน้าตาดีกว่าเดิมจริง ๆ มันทำให้คนชอบตั้งแต่แรกเห็น มันเป็นสัตว์ของใครรับรองว่าคนนั้นจะต้องปรนเปรอมันอย่างหนักชัวร์เลย
แถมเจ้าตัวนี้มันตัวใหญ่กว่าหมาพุดเดิ้ลซะด้วย โดยปกติแล้วจิ้งจอกเลี้ยงในบ้านจะหาตัวที่มีขนาดเท่านี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?
[(ไม่มีชื่อ) จิ้งจอกขาว: สัตว์เลี้ยงพิเศษ]
[จิ้งจอกขาวที่หน้าตาดีมาก มีขนสีขาวนุ่มที่สัตว์ทุกตัวต้องอิจฉา มีสติปัญญาสูงมาก
จิ้งจอกขาวเป็นสัตว์ที่ขี้อายโดยธรรมชาติ มันได้เห็นจิ้งจอกตัวผู้ที่เป็นเพื่อนของมันติดกับดักตายจึงเกิดความหวาดระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา หากเจ้าของปฏิบัติต่อมันอย่างดีล่ะก็มันจะติดเจ้าของมาก ๆ และทำให้เจ้าของมีความสุข
เนื่องจากขนาดที่ใหญ่เกินไปทำให้อาร์นี่ที่เป็นคนแคระซึ่งเก็บมันได้ไม่สามารถแบกรับค่าเลี้ยงดูไหว ดังนั้นเจ้าตัวเลยต้องการหาแหล่งอาหารระยะยาวให้กับมัน]
[สามารถผูกมัดและตั้งชื่อได้ ผูกมัดหรือไม่?]
คำอธิบายยาวเหยียด แต่หลังจากอ่านจบแล้วฉินหลินก็เส้นเลือดปูด
‘กูว่าแล้วไอ้คนแคระเชี่ยนั่นแม่งต้องแกล้งแพ้!’
‘นี่มันทำอย่างกะกูเป็นคนรับไม้ต่อยังไงยังงั้นเลยนี่หว่า!’
กระนั้น พฤติกรรมแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นเข้าจะด่าให้ แต่ถ้าเป็นอาร์นี่บอกเลยว่ายินดีมาก!
เพราะอะไรที่ไม่ต้องการมันก็เอามาให้เขา เหมือนตอนเจ้าปลาเสือตอเผือกราคาตัวละ 600,000 กว่านั่นไง ถ้าให้มาซัก 10 ไม่สิ เอามาซัก 100 ตัวเลยก็ได้นะ!
ฉินหลินเลือก [ผูกมัด] แล้วก็ตั้งชื่อให้เจ้าจิ้งจอกขาว “ตัวขาวเหมือนหิมะงั้นชื่อเสี่ยวเสว่ละกัน!”
[เริ่มผูกมัดจิ้งจอกขาวเสี่ยวเสว่...]
แจ้งเตือนจากระบบเด้งขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นอีกรอบ
[ผูกมัดจิ้งจอกขาวเสี่ยวเสว่สำเร็จ]
แล้วจู่ ๆ ฉินหลินก็รู้สึกว่าเจ้าจิ้งจอกขาวมันเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะจากที่ขดตัวอยู่จู่ ๆ ก็คลายตัวออกแล้วค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วมาคลอเคลียกับขาของเขา
ดูออดอ้อนตีสนิทเหมือนเด็กกำพร้าที่ได้รับความช่วยเหลือ ดวงตาคู่สวยแป๋วแหววของมันเอาแต้จ้องมองเขาตลอดเวลา
ฉินหลินลองยื่นมือให้มัน มันก็กระโดดเข้ามือเขาแล้วนอนขดอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นเขาได้ลูบตัวมันเบา ๆ ซึ่งเจ้าตัวน้อยก็ดูจะสงบลงอย่างเห็นได้ชัด
แล้วยังมีเรื่องหน้าประหลาดใจอยู่อีก คือเขาเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยมันยื่นอุ้งเท้าให้โดยที่อุ้งเท้ามันมีถุงเล็ก ๆ ใบหนึ่งที่น่าจะใส่อะไรบางอย่างอยู่
ฉินหลินหยิบถุงนั้นมาเปิดออกดูก็พบว่ามีเมล็ดพืชอยู่ข้างใน พอเพ่งมองแล้วข้อความก็เด้งขึ้นมา
[เมล็ดของผลไม้ที่ไม่รู้จัก!]
[เมล็ดของผลไม้ที่คนแคระอาร์นี่เก็บได้ในส่วนลึกของภูเขานอเทรอดาม เมื่ออาร์นี่ลองกินดูแล้วก็พบว่าไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ อีกทั้งรสชาติยังอร่อยมากด้วย อาร์นี่ติดใจความอร่อยเลยเก็บเมล็ดของมันไว้โดยกะว่าจะเอากลับไปปลูกที่บ้าน แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงถูกทิ้งไว้แบบนี้]
‘มาเป็นเรียงความเลยเนอะ’
‘จงใจให้เป็นค่าชดเชยล่ะสิใช่มะ?’
‘เอ๊ะหรือว่าไอ้ผีน้อยอาร์นี่ที่กะโกงเราแต่แรกรีบหนีไปเพราะกลัวความแตกจนเผลอทำตกไว้?’
‘เอาเถอะ ยังไงก็ได้หมดแหละ’
‘ในข้อมูลบอกว่าอาร์นี่กินได้แถมยังอร่อยจนต้องเก็บเอาเม็ดมันกลับมาปลูกที่บ้านเลยหนิ แปลว่าต้องเป็นของดีสิ’
ฉินหลินเล่นกับจิ้งจอกขาวเล็กน้อยก่อนจะอุ้มมันเข้าไปไว้ในบ้านในเกม จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระสำคัญ
ก่อนหน้านี้ที่ได้ขุดเหมืองทำให้เขาได้ดินวิเศษมาเพียบ ทั้งหมดมี 13 กระสอบ กระสอบละ 50 จิน รวมทั้งหมดเป็น 650 จิน
ครั้งนี้เพราะเขากลับบ้านมากับหลี่ไข่อีกทั้งยังอยากขนมันกลับไปที่บ้านไร่ด้วย ปัญหาคือจะทำยังไงให้มันแนบเนียน
ฉินหลินใช้เวลาพอสมควรในการย้ายดินวิเศษ 10 กระสอบออกจากเกมมาไว้ที่ห้องเก็บของ จากนั้นก็ออกจากห้องเก็บของำร้อมกับจอบ 2 อันและเครื่องมือขนกลับไปที่รถ
หลี่ไข่ได้เอากระสอบออกจากรถแล้ว
เป็นกระสอบที่เอาไว้ใส่ดินโดยเฉพาะ
“ไปกันเถอะพี่หลี่!” ฉินหลินเรียกหลี่ไข่แล้วเดินนำเขาขึ้นเขาหลังบ้าน แล้วก็อ้อมไปอีกทางเพื่อไปยังทุ่งนาเก่าตรงบริเวณไหล่เขา
“ตรงนี้เหรอ?”
หลี่ไข่มาถึงทุ่งนาเก่าและหลังจากมองดูแล้วเขาเห็นข้อพิรุธ “เหมือนดินทั้งแปลงจะโดนพรวนมาแล้วเลย มีคนเคยมาขุดงั้นเหรอ?”
ฉินหลินต้องชื่นชมความสามารถของหลี่ไข่ในด้านนี้จริง ๆ
เพราะเขาพึ่งจะมาผสมดินเมื่อตอนตรุษจีนที่ผ่านมานี้เอง
ตอนนั้นเพื่อความแนบเนียนเขาได้เอาดินวิเศษเทลงในทุ่งนาแล้วจัดการเอาจอบสับนาทั้งผืนเพื่อพรวนให้ดินวิเศษกับดินนาเดิมผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
ทีนี้ก็จะได้ใช้เรื่องที่เตรียมไว้แล้วนี้ให้เกิดประโยชน์ซักที “ก็ที่ผมเคยมาขุดเมื่อตอนตรุษจีนไง นอกจากส่วนที่เอากลับไปบ้านไร้แล้วก็ยังมีอีกสิบกระสอบในห้องเก็บของ แต่ละกระสอบหนักห้าสิบจิน ผมไม่ได้โง่นี่นาของดี ๆ แบบนี้มันต้องแอบมาขุดเก็บไว้ก่อนเป็นธรรมดาซี่”
“งั้นก็แปลว่าขุดออกไปตั้งห้าร้อยจินแล้วน่ะสิ?” หลี่ไข่มองทุ่งนาเก่าด้วยความประหลาดใจ
“ทุ่งนาเก่านี่ขุดได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
ฉินหลินรู้อยู่เหมือนกันว่าแปลงนาเก่านี้ไม่มีทางขุดได้เยอะขนาดนั้น แล้วจริง ๆ ก็ไม่ได้ขุดจากแปลงนาเก่านี่ด้วย แต่เอาของออกมาจากเกมต่างหาก ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ต้องแถต่อไปว่า “อันที่จริงก็ไม่ได้แค่จากทุ่งนาเก่านี่หรอกครับ ผนังโคลนตรงไหล่เขานั่นก็ด้วยอะ”
หลี่ไข่พยักหน้าเมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ แม้ว่าจะยังที่เรื่องที่น่าคาใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ซักไซ้ต่อไม่งั้นความเป็นเพื่อนมันจะเสียเอาได้
จากนั้นเขาก็บอกว่า “มันเลอะซะขนาดนี้คงเอาใส่ท้ายรถนายไปไม่ได้แล้วล่ะ”
“นั่นสิ แล้วผมก็ลืมเรียกรถมาขนไปด้วยคงต้องให้พี่หลี่ค้างคืนที่นี่ด้วยกันก่อน เด๋วผมจัดห้องให้พี่นอนกับหมอถังแล้วกันนะ” ฉินหลินยิ้มกรุ้มกริ่ม
แล้วก็ยังไม่วายตอกย้ำอีกว่า “ขอให้พี่มีความทรงจำดี ๆ อะไรลืมก่อนได้ก็ลืมอย่าได้ลังเล”
หลี่ไข่เข้าใจว่าฉินหลินอยากจะสื่ออะไรและยิ้มกรุ้มกริ่มที่ดูก็รู้ว่ายิ้มทำไม
‘น้องฉินช่างเป็นคนดีอะไรอย่างเน้~’
ฉินหลินกำลังจะไปขุดดินในนาแต่กลับถูกหลี่ไข่ห้ามไว้ “ไม่ต้องรีบหรอก ก็แค่นาแปลงเดียวเอง เราไปเดินกินลมชมวิวกันก่อนก็ได้”
แล้วก็พูดต่อแบบเขิน ๆ ว่า “รอจนเย็นไปเลยยิ่งดี แบบนั้นฉันจะได้ใช้การนอนเฝ้าดินพิเศษคืนนี้เป็นข้ออ้างได้แบบเนียน ๆ ไม่ดูจงใจไง...”