ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 84 - เปิดเผย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 86 - ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 85 - ชายผมขาว


“ราชาสิงโต สเติร์ม!!” เสียงอุทานของเหล่านักเรียนดังเซ็งแซ่ขึ้น บางเสียงนั้นแฝงอยู่ด้วยความหวาดกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว

เขาเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งในตอนนี้เลยทีเดียว อยู่ในอันดับที่ 2 ของรายชื่อผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของนักเรียนใหม่ มีข่าวลือออกมาให้ได้ยินอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ว่าถ้าอันดับที่ 1 เปิดเผยตัวออกมา จะต้องถูกเขาแย่งตำแหน่งไปได้ในทันทีแน่นอน

“ฉันได้ยินมาว่าอัตราการหมุนเวียนเลือดของเขาน่าจะเกิน 1 รอบต่อวินาทีไปแล้ว น่ากลัวจริง ๆ” เสียงกระซิบดังขึ้นมาให้ได้ยิน

“จริง ๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า เขาสามารถยกระดับตัวเองไประดับถัดไปได้ตลอดเวลาเลยนะสิ?”

“ยังมีข่าวลือออกมาอีกนะ ตอนที่เขาประลองแย่งชิงอันดับที่ 2 มา เจ้าของตำแหน่งคนเก่าถึงกับเสียชีวิตไปเลยด้วยล่ะ” มีเสียงหนึ่งดังบอกข้อมูลออกมา

นั่นทำให้เหล่านักเรียนที่อยู่ตรงนั้นสลายตัวกันไปทันที ไม่มีใครกล้ายืนอยู่ที่ตรงนั้นอีกเลย รวมถึงคนที่กล่าวออกมาก่อนหน้านั้นด้วย

พวกเขานั้นฉลาดพอที่จะไม่ทำตัวให้ตกเป็นเป้าหมายของสเติร์ม ที่ตอนนี้กวาดสายตาอันเย็นชาไปยังจุดที่มีคนพูดประโยคนั้นขึ้นมาในทันที และพบเพียงแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น

หลังจากที่ได้ยินประโยคสุดท้ายนั้น เดวิดก็สนใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางผู้ที่กำลังเดินเข้ามาใหม่เช่นกัน แล้วก็สามารถจดจำสเติร์มได้ทันทีเหมือนกัน เขาเคยเห็นใบหน้านี้มา 2-3 ครั้งแล้ว

และในใจของเขาก็ยิ้มเยาะเย้ยอยู่นิด ๆ ‘1 รอบต่อวินาที อืม!’

เหมือนว่าสายตาของเขาจะทำให้สเติร์มรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา เขาหันหน้ามองตรงมาที่เดวิดในทันทีเหมือนกัน และเหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างออก หลังจากที่เห็นหน้าเดวิดอย่างชัดเจนแล้ว เขาส่งเสียงหัวเราะออกมา พร้อมกับยกมือขึ้นมาทำท่าปาดคอตัวเอง แววตาที่ส่งมาถึงเดวิดนั้น มันผสมไปด้วยความสมเพชและเหยียดหยามปนเปกันไป

สีหน้าของเดวิดไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว เขาถอนหายตากลับมาอย่างเงียบ ๆ แต่ว่าภายในใจแล้ว ชื่อของสเติร์มถูกใส่เอาไว้ในบัญชีดำเรียบร้อยแล้ว เดวิดไม่คิดที่จะปล่อยคนที่ขู่ฆ่าเขา ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างสบาย ๆ แน่

เดวิดเอียงตัวเข้าพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันปิดตาลง หางตาของเขาก็มีเงาร่างของคน ๆ หนึ่งแวบผ่านไป ทำให้เขาต้องหรี่ตา และพยายามหันไปมองหาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันเวลาแล้ว

เสียงของไนฮุนดังถามขึ้นมาจากข้าง ๆ “นายเป็นอะไร?” สีหน้าของเขานั้นดูประหลาดใจเล็กน้อย

แต่เดวิดประหลาดใจมากกว่าอีก “นายถึงเรื่องอะไร?” เขาหันกลับมามองหน้าไนฮุนอย่างช้า ๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

คิ้วของไนฮุนนั้นขมวดอยู่แน่น ตอนที่กล่าวออกมา “ลมหายใจของนายดูเหมือนจะแรงขึ้นกว่าปกติ”

นั่นทำให้เดวิดตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่รู้สึกตัวเองเลยแม้แต่น้อย และเมื่อตรวจสอบร่างกายของตัวเองอีกครั้ง เดวิดก็พบว่าไนฮุนนั้นพูดเรื่องจริง หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาจากปกติโดยที่เขาไม่รู้ตัว ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ด้วยระดับการควบคุมตัวเองของเขาในปัจจุบันนี้

แต่เขาก็เลือกที่จะโบกมือปฏิเสธว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉันแค่ลองหมุนเวียนเลือดในตัวดูเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก” หลังจากนั้น เขาก็หลับตาลง ไม่สนใจกับสิ่งที่อยู่รอบข้างอีก

สีหน้าของไนฮุนตอนนี้เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ‘เจ้าหมอนี่! คิดว่าฉันโง่นักหรือไง?’

และในใจหัวของเดวิดก็กำลังคิดถึงสาเหตุเรื่องนี้อยู่ ‘ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว!!’

…………….

ด้านในของอาคารหอประชุมที่เก่าแก่นั้น แม้ว่าประตูจะยังไม่ได้เปิดให้นักเรียนเข้ามา แต่ข้างในนั้นมีคนนั่งประจำที่อยู่แล้ว พวกเขานั่งอยู่บนเวทีสูง ที่ตั้งอยู่บนบริเวณด้านหน้าของห้องโถงที่ใช้ประชุมแห่งนี้ แม้ว่ามันจะมีระยะห่างจากประตูเหล็กที่ยังปิดอยู่ไกลมาก แต่พวกเขาก็ยังพากันจ้องมาอย่างให้ความสนใจ

คนที่มีตำแหน่งสูงสุดนั้นน่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวทั้งหัว ที่นั่งเยื้องออกมาอยู่ข้างหน้าสุด โดยทางซ้ายและขวาของเขายังมีคนนั่งอยู่ข้างล่ะคน ส่วนคนที่เหลือนั้น เก้าอี้ของพวกเขาอยู่ทางด้านหลังลงไปอย่างชัดเจน

“ดูเหมือนว่าจะมีนักเรียนเก่ง ๆ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พรสวรรค์ของนักเรียนใหม่ชุดนี้ ก็ไม่ถือว่าต่ำมากนัก” เสียงวิจารณ์ดังขึ้นมา ราวกับว่าพวกเขากำลังมองเห็นเหล่านักเรียนที่อยู่นอกประตูได้

“นั่นก็ถูกแล้ว! เพียงแต่การตัดสินใจประกาศอันดับรายชื่อผู้แข็งแกร่งออกไปล่วงหน้า ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว อันดับที่ได้ออกมา มันไม่ตรงกับความเป็นจริงเลยแม้แต่นิดเดียว” เสียงชราอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

“หึหึ! มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ถึงยังไงเสีย ตอนนี้มันก็ค่อนข้างที่จะตรงกับความเป็นจริงแล้ว คนที่แข็งแกร่งจริง ๆ ก็ได้อันดับที่พวกเขาควรจะได้กลับไปแล้วนี่” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้นมาบ้าง

หลังจากนั้น เธอก็ชี้มือออกไปที่ทิศทางหนึ่ง ถ้ามีคนสามารถมองทะลุผ่านประตูไปได้เหมือนกับพวกเขา ก็จะเห็นว่าเป้าหมายของนิ้วที่ชี้ไปนั้น เป็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง “เด็กคนนั้นชื่อ ‘จานีน ฟ๊อกซ์’ ตอนนี้อยู่ที่อันดับที่ 10 ในรายชื่อ หมัดสั่นฟ้าของเธอเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว ขอแค่มีคนให้คำแนะนำกับเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอก็น่าจะฝึกฝนมันได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์”

คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ศักยภาพของเธอนั้นไม่เลวเลยจริง ๆ”

“ก็แค่อันดับที่ 10 ไม่ใช่หรืออย่างไร? จะมีศักยภาพอะไรมากมายหนักหนา?” เสียงของใครบางคนคำรามโต้แย้งออกมา

นั่นทำให้หญิงกลางคนที่ชี้มือออกไป หน้าแดงกล่ำขึ้นมาด้วยความรู้สึกเสียหน้า แต่ก่อนที่จะได้ทันตอบโต้อะไร  เสียงเดิมนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าเทียบกันแล้ว ฟิลลิดานั้นมีศักยภาพที่สูงกว่าเด็กคนนี้เยอะมาก เป็นทั้งนักเรียนพรสวรรค์ระดับ 3 ดาว และสามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้ระดับสีน้ำตาลได้ถึงขั้นขัดเกลาแล้วด้วยซ้ำ มันยืนยันถึงความสามารถในการพัฒนาของเธอได้เป็นอย่างดี” พร้อมกับเสียงที่กล่าวออกมาด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจนั้น มือของเขาก็ชี้ออกไปในทิศทางหนึ่งเช่นเดียวกัน และหลังประตูตามตำแหน่งที่เขาชี้ออกไปนั้น น่าจะมีฟิลลิดายืนอยู่ท่ามกลางหมู่นักเรียนอย่างแน่นอน แต่สายตาของเขากลับเหลือบมองไปที่ชายวัยกลางคนผมขาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด หวังว่าจะเห็นชายคนนั้นรับฟังสิ่งที่เขาพูดอยู่ และก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะสีหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสยังคงเรียบเฉย เหมือนกับว่าไม่ได้ยินการโต้เถียงที่เกิดขึ้นเลย

การพูดคุยโต้เถียงที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพียงการพยายามเยินยอเหล่าผู้เยาว์ของตระกูลตัวเอง เผื่อว่าจะสะดุดตาศาสตราจารย์อาวุโสที่นั่งอยู่ข้างหน้าขึ้นมาบ้างเท่านั้น อาจจะมีโอกาสที่จะทำให้เขารับเอาไว้เป็นลูกศิษย์ หรือผู้ช่วยส่วนตัวได้

“ท่านศาสตราจารย์ พวกระดับสูงมีคำสั่งลงมาว่าคุณต้องเลือกรับศิษย์ในคราวนี้ด้วยนะ ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะส่งคนไปให้เป็นลูกศิษย์ของคุณเอง” ศาสตราจารย์ชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของชายผมขาว เอ่ยปากออกมาบ้าง

นั่นทำให้ศาสตราจารย์อาวุโสผมขาวเงยหน้าขึ้น และกล่าวตอบออกมา “ช่างพวกเขาเถอะ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องคัดเลือกลูกศิษย์ ถ้ามีคนที่เหมาะสม ผมคงจะเลือกได้เองนั่นแหละ” เสียงของเขานั้นราบเรียบ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายกล่าวออกมาบ้าง “ดูเหมือนว่าคราวนี้ พวกเขาจะเอาจริงอยู่นะ”

ชายผมขาวเริ่มขมวดคิ้ว “อืม? ถ้าอย่างนั้น ผมก็ได้แต่เลือกนักเรียนที่ได้อันดับที่ 1 ในกิจกรรมคราวนี้แล้ว”

นั่นทำให้เหล่าผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังตกตะลึง ก่อนที่จะตะโกนออกมาเกือบพร้อมกัน

“ท่านศาสตราจารย์!”

“คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ!”

“ผมตัดสินใจไปแล้ว ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ไม่ต้องคิดจะทำให้ผมเปลี่ยนใจอีกเลย”

และนั่นทำให้เกิดความเงียบขึ้นมาทันที

หลังจากนั้นสักพัก เสียงของหญิงวัยกลางคนก็ดังทำลายความเงียบขึ้นมา “ในช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ มีนักเรียนเสียชีวิตไปแค่ 24 คนเท่านั้น ดูเหมือนว่านักเรียนใหม่ชุดนี้ จะอ่อนแอกว่านักเรียนชุดก่อนหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว”

“ใช่! พวกเขาไม่แข็งแกร่งอะไรมากนัก ครั้งนี้ ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะรอดกลับมาได้ถึงครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ” มีเสียงคนกล่าวสนับสนุนขึ้นมา และมีอีกหลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

แต่ก็มีเสียงกล่าวขัดขึ้นมาในทันทีเหมือนกัน

“เจอร์กิน! คุณใช้อะไรมาวัดความแข็งแกร่งกันแน่? ต้องให้พวกเขาฆ่ากันจนตายทั้งหมด ถึงจะเรียกว่าแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ?” เป็นเสียงที่ฟังดูชราแล้วไม่น้อย และน้ำเสียงนั่นดูมีอารมณ์โกรธมากทีเดียว

นักเรียนชุดก่อนหน้านี้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์หลังจากเปิดเรียนขึ้นมา มีนักเรียนมากกว่า 100 คนต้องเสียชีวิตลงไป แม้ว่ามันจะเกิดเพราะการต่อสู้ที่เข้มข้น และกระตุ้นความสามารถของนักเรียนได้ดี แต่มันก็เป็นการสูญเสียที่มากเกินความจำเป็น มีนักเรียนพรสวรรค์สูงหลายคนต้องเสียชีวิตไปก่อนเวลาอันควร มันเป็นความสูญเสียที่ร้ายแรงของสถาบันด้วยเช่นกัน

และชายชราไม่ต้องการที่จะเห็นเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก จำนวนผู้เสียชีวิตเพียงเท่านี้ ถือว่าเหมาะสมเพียงพอแล้ว

‘เคนนี่ เจอร์กิน’ ศาสตราจารย์หญิงวัยกลางคนที่กล่าวออกมาในตอนแรก ด้วยตำแหน่งของเธอ ทุกคนต่างให้เกียรติด้วยการเรียกด้วยชื่อสกุล แทนที่จะเรียกชื่อตัว คำรามออกมาเบา ๆ ก่อนจะโต้กลับอย่างไม่ลดล่ะ “เจเรอมี่ คุณนี่ยิ่งแก่ตัว ก็ยิ่งใจอ่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ นะ จะคัดเลือกผู้แข็งแกร่ง มันก็ต้องมีการสูญเสียกันบ้างอยู่แล้วล่ะ”

สีหน้าของชายชราดำมืดขึ้นทันที ก่อนที่จะกล่าวเสียงแข็งออกไป “นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับผมเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเรื่องของสถาบัน และนักเรียนที่เข้ามาเรียนอยู่ในสถาบันนี้! คุณคิดว่าถ้ามีนักเรียนเสียชีวิตมากเท่ากับรุ่นที่แล้ว พวกระดับสูง ๆ จะยังนั่งเฉย ๆ อยู่อย่างนั้นหรือ?” ประโยคสุดท้าย ทำให้ศาสตราจารย์เจอร์กินต้องหุบปากของตัวเองลงในที่สุด

เสียงของชายชายผมขาวดังขึ้นมาในที่สุด “ได้เวลาแล้ว เปิดประตูเถอะ”

ทุกคนที่เหลืออยู่ หันมารับคำเขาอย่างพร้อมเพียง “ครับ/ค่ะ”

.......................

ประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ปิดตัวอยู่ เริ่มมีการเคลื่อนไหว มันค่อย ๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับเสียงที่เซ็งแช่ของนักเรียนที่หันไปมองทางนั้นเป็นตาเดียว รวมถึงเดวิดแลไนฮุนด้วย

เมื่อประตูเปิดกว้างออกอย่างเต็มที่ พวกเขาก็เห็นร่างของคน 2 คนยืนอยู่ที่ทางเข้านั้น และโดยไม่มีใครคาดคิด คนที่ดูอาวุโสกว่าเล็กน้อย ตวาดออกมาด้วยเสียงอันดัง “เงียบ!!!”

และเพียงคำเดียวเท่านั้น มันทำให้นักเรียนที่อยู่บริเวณนั้นทุกคนเกิดอาการมึนงงขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงที่ทะลุทะลวงผ่านหูของพวกเขาเข้าไปนั่น มันส่งผลต่อประสาทการรับรู้อย่างรุนแรง ทำให้พวกเขาเกิดอาการวิงเวียนอย่างรุนแรง

เดวิดรีบหมุนเวียนเลือดในร่างกาย และกระตุ้นให้กล้ามเนื้อสั่นสะเทือน สลายพลังดังกล่าวออกไปได้ในพริบตา และเมื่อเขาสังเกตไปรอบ ๆ ก็พบว่าไม่ได้มีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว..ไนฮุนก็ฟื้นตัวตามมาติด ๆ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด