ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 416 จุดยืนที่แตกต่าง (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 416 จุดยืนที่แตกต่าง (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
“ข้าคิดว่าเราควรเริ่มจากคนธรรมดา มนุษย์มีไหวพริบและรู้วิธีใช้กับดักที่เรียกว่าค่ายกลซึ่งอันตรายมาก หากเรากำหนดเป้าหมายไปที่เมืองของคนธรรมดา พวกเขาจะถูกจับโดยไม่ทันตั้งตัว เราจะกลายเป็นฝ่ายวางกับดักและฆ่าผู้ฝึกตนมนุษย์ที่เข้ามาช่วยพวกเขา” ในฐานะที่ปรึกษาคนสำคัญของราชินีแมงมุม หอยทากมังกรแสดงความคิดเห็นของเขาอย่างช้าๆ
“หากพวกเขาไม่มาช่วยจะทำอย่างไร?” หินเหล็กเพลิงขมวดคิ้ว เปรียบเทียบกับการฆ่าคนธรรมดา เขาต้องการฆ่าผู้ฝึกตนมากกว่า
“เราจะสังหารหมู่ทั้งเมืองทุกวันที่ผ่านไป! ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะเมินมัน!” เงาโลหิตแลบลิ้นสีแดงสดออกมาเลียริมฝีปากของตน สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดสำหรับการบ่มเพาะก็คือเลือด แต่เขาถูกห้ามไม่ให้ฆ่าปีศาจและเผ่ารัตติกาล เขาทำได้เพียงพึ่งพาเครื่องบูชาจากเผ่ารัตติกาลเท่านั้น กลยุทธ์ของหอยทากมังกรตรงกับความต้องการของเขาเป็นอย่างยิ่ง
“เราควรกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ฝึกตน!” หลี่ฉิงซานไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้
“สิ่งที่เรียกว่าผู้ฝึกตนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดางั้นหรือ? คนธรรมดาไม่ดื่มเลือดกินเนื้อพี่น้องของเราเพื่อเติบโตงั้นหรือ? มีเพียงการตัดรากถอนโคนเท่านั้นที่จะทำให้เราเอาชนะมนุษย์ได้อย่างแท้จริง เจ้าลืมหลักการพื้นฐานนี้ไปแล้วงั้นหรือ?”
หอยทากมังกรถามคำถามติดต่อกันทำให้หลี่ฉิงซานพูดไม่ออก มนุษย์เลี้ยงสัตว์ เมื่อขอบเขตกิจกรรมของมนุษย์เพิ่มขึ้น อาณาเขตของสัตว์ก็ลดลง เผ่าพันธุ์อื่นค่อยๆสูญพันธุ์ไปจากการถูกมนุษย์รุกรานมาตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน นี่คือเรื่องจริง
สิ่งที่เรียกว่าการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเพียงเศษซากที่เหลืออยู่และการเติมเต็มความพึงพอใจของคนชั้นสูงเท่านั้น สัตว์ป่าถูกขังไว้ในกรงเพื่อใช้เป็นของเล่นขณะที่ปศุสัตว์จะถูกเชือดหลังจากถูกขุนให้อ้วน ความไม่แยแสของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับสรรพสัตว์
สงครามไม่ได้พึ่งเริ่มขึ้นแต่มันไม่เคยหยุด มนุษย์กับปีศาจเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ จักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิสามารถรักษาสันติภาพของสองเผ่าพันธุ์มานานหลายพันปีถือเป็นความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อแล้ว
“หอยทากมังกรพูดถูก นั่นคือวิธีที่ปีศาจจัดการกับสิ่งต่างๆ” ราชินีแมงมุมกล่าว
“เป่ยเยว่ เจ้าจะได้สัมผัสกับรสชาติของความล้มเหลวในไม่ช้า” เงาโลหิตกล่าวเย้ยหยัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดเราก็สามารถสังหารหมู่มนุษย์ได้อย่างอิสระ! เป่ยเยว่ เหตุใดเราไม่แข่งกันว่าผู้ใดจะฆ่าได้มากกว่า” หินเหล็กเพลิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หลี่ฉิงซานคิดเรื่องไร้สาระ ‘เหตุใดข้าจึงเข้ามาพัวพันกับปีศาจเหล่านี้?’ เขารู้สึกเหมือนเห็นใบหน้าของปีศาจรอบๆกลายเป็นบิดเบี้ยว หินเหล็กเพลิงระเบิดเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา เงาโลหิตกลายร่างเป็นค้างคาวและปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงออกมา ขณะที่ราชินีแมงมุมกลายเป็นแมงมุมแปดตาที่จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาดุร้าย
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขานึกได้ว่ารูปลักษณ์เดิมของเขาเป็นมนุษย์!
“เป่ยเยว่ เจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่บนพื้นดิน เจ้าคิดว่าเราควรเริ่มจากเมืองใด? มันจะดีที่สุดหากมันมีประชากรจำนวนมาก”
เสียงของหอยทากมังกรราวกับดังมาจากสถานที่ห่างไกลและขัดจังหวะความคิดของหลี่ฉิงซาน ขณะเดียวกันราชินีแมงมุม หินเหล็กเพลิง และเงาโลหิตก็มองมาที่เขาเพื่อรอฟังคำตอบเช่นกัน
“ท่านหญิงแมงมุม ข้ามีเรื่องที่ต้องรายงาน!”
“เรื่องใด?”
“ข้ามาถึงจุดคอขวดของการบ่มเพาะเมื่อเร็วๆนี้ ข้าต้องการปิดประตูบ่มเพาะอย่างเงียบสงบสักพักและยกระดับความแข็งแกร่งเพื่อสู้กับฟู่ชิงยินจนตายไปข้างหนึ่ง ข้าอาจไม่สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ช่วงแรก” หลี่ฉิงซานก้มศีรษะลง เส้นผมสีแดงของเขาตกลงมาปิดบังใบหน้าของเขา เขาพบว่าทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาไปแล้ว บางทีความคิดที่ว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาในตอนแรกอาจเป็นเพียงภาพลวงตา
“จริงหรือ?” ดวงตาของราชินีแมงมุมฉายแววสงสัย
.....
“นายท่น ท่านกลับมาแล้ว การประชุมเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่ฉิงซานกลับไปที่ถ้ำของเขาขณะที่เย่หลิวซูรีบเข้ามาต้อนรับเขา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะปิดประตูบ่มเพาะ เย่หลิวซูกับเย่หลิวป๋อจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้เป็นการชั่วคราว หากไม่มีเรื่องสำคัญก็อย่ารบกวนข้า!” หลี่ฉิงซานเดินขึ้นไปบนเตียงหินและประกาศเสียงดัง
ราชินีแมงมุมตกลงตามคำขอของเขา นางไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทรงพลังของนางจะประสบกับจุดคอขวดในการบ่มเพาะ
“ขอบคุณที่ไว้วางใจพวกเรา” เย่หลิวซูมีความสุขอยู่ภายใน
คนอื่นๆพยายามคัดค้านแต่หลี่ฉิงซานเพิกเฉยต่อพวกนางอย่างสิ้นเชิง เขาบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อนจะปิดเปลือกตาลง
“เสี่ยวอัน เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไร?”
ในห้องลับใต้เกาะ หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้นและเล่าทุกอย่างให้เสี่ยวอันฟัง
“ไม่ต้องทำสิ่งใด” หลังจากครุ่นคิด เสี่ยวอันก็ตอบคำถาม
“ไม่ต้องทำสิ่งใด?”
“ถูกต้อง มนุษย์หรือปีศาจตนอื่นเกี่ยวข้องกับพวกเราอย่างไร? ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนฆ่าพวกเขา พวกเขากำลังฆ่ากันเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงพวกเขา สิ่งที่เราต้องทำคือให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะ”
เสี่ยวอันกระพริบตาและปลอบเขาเบาๆ ในความเป็นจริงนางต้องดิ้นรนเล็กน้อยเพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งใดทำให้หลี่ฉิงซานไม่สบายใจ ท้ายที่สุดแล้วในสายตาของนางแม้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะตกตายลง มันก็ไม่สำคัญ
“นั่นสมเหตุสมผล บางทีข้าอาจคิดมากเกินไป” หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น ในฐานะสัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ เขาสูญเสียจุดยืนของเขาไปแล้วและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกโดดเด่น เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงกู่เยี่ยนหยิน นางเคยประสบกับช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งในตัวเองเช่นนี้หรือไม่?
ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็กระตุก เสี่ยวอันวางมือเล็กๆของนางบนหน้าผากของเขาราวกับนางต้องการช่วยคลายปดที่คิ้วของเขา
หลี่ฉิงซานยิ้ม อย่างน้อยเขาก็ไม่เดียวดาย
“มาบ่มเพาะกันเถอะ ข้าต้องไปให้ถึงขอบเขตผู้ฝึกตนก่อกำเนิดในลมหายใจเดียวและเอาสิ่งที่พี่วัวทิ้งไว้ออกมา!”
หลี่ฉิงซานนั่งลงและเริ่มบ่มเพาะทันที แต่ไม่นานหลังจากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง แม้เขาจะสะกดข่มจิตใจของตนด้วยเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่า แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าสู่สภาวะของการบ่มเพาะที่เหมาะสม
ในจังหวะนี้เองที่หลี่ฉิงซานได้ยินเสียงสวดมนต์ที่ชัดเจนและน่ารื่นรมย์จากเสี่ยวอัน
เสี่ยวอันนั่งอยู่ตรงหน้าเขาขณะที่นางนับลูกประคำหัวกะโหลกในมือ
แม้เขาจะไม่เข้าใจแต่มันทำให้หัวใจของเขาค่อยๆสงบลง เขาเริ่มคิดถึงทุกสิ่งที่เขาผ่านมาตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านกระทิงหมอบ
ร่างต่างๆฉายผ่านความคิดของเขาพร้อมกับเรื่องราวต่างๆที่คลี่คลายเหมือนเส้นไหมที่ถูกแกะออกจากกัน
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว หัวใจของเขาก็พัวพันอยู่กับความรักและความเกลียดชังมากมาย ตอนนี้มันเหมือนใยแมงมุมที่ถูกปัดพาออกไปทีละนิด
นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่สามารถจำกัดออกไปได้โดยง่ายเช่นฟู่ชิงยินและอันฉงจื่อ ทั้งสองคือความเกลียดชังและความรักที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขา เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงคนทั้งสอง ราวกับฟิล์มวิดีโอติดขัดและหยุดชะงักอยู่ที่ฉากนั้น
บทสวดมนต์ของเสี่ยวอันเปลี่ยนไปและทำให้ฉากเหล่านั้นเลื่อนผ่านไป ในที่สุดเขาก็กลับไปที่หมู่บ้านกระทิงหมอบอีกครั้ง เขากลับไปเป็นเด็กหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนกองหญ้าแห้งในคอกวัวเล็กๆ
สามปีผ่านไปเพียงปลายนิ้วสัมผัส!