ตอนที่แล้วตอนที่ 421 ล่าสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 423 ดูดกลืนพลังงาน

ตอนที่ 422 นักฆ่าสัตว์อสูร


ตอนที่ 422 นักฆ่าสัตว์อสูร

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยานบัญชาการขนาดใหญ่ มันก็ไม่มีนักรบคนใดสามารถที่จะต้านทานพลังทำลายของยานเหล่านั้นได้ เพราะท้ายที่สุดยานบัญชาการก็เป็นสุดยอดนวัตกรรมในจักรวาล และเมื่อกระบอกปืนของยานได้เล็งไปที่ใครมันก็ทำให้แม้แต่นักรบที่เก่งที่สุดก็ยังต้องใจสั่นด้วยความหวาดกลัว

แม้ว่ายานบัญชาการจะเป็นยานรบที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ายานรบประเภทอื่น ๆ จะไม่มีความหมาย เพราะยานแต่ละลำต่างก็ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ที่แตกต่างกัน ซึ่งในบางครั้งยานรบรุ่นที่มีระดับต่ำกว่าก็อาจจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่ายานรบที่มีขนาดใหญ่กว่าเสียอีก

เซี่ยเฟยขับยานที่มีระบบล่องหนของเอสทาเมลไปยังดาวดวงต่าง ๆ พร้อมกับทำการสังหารเป้าหมายที่เขาได้เล็งเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขาก็ไปไหนมาไหนอย่างไร้ร่องรอย จนทำให้พวกเซิร์กเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเพราะว่าเขาทำตัวเหมือนกับพวกวิญญาณ

แม้ว่าเซิร์กจะต้องการกำจัดนักรบมนุษย์คนนี้ แต่มันก็ไม่มีใครสามารถตามจับเซี่ยเฟยได้สักคน เพราะมันไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายรายต่อไปของเขาคือใคร และมันก็คงจะไม่มีทางที่พวกเขาจะระดมกองยานเป็นจำนวนมากไปปกป้องใครคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมันจึงทำให้กองยานส่วนใหญ่ของเซิร์กเดินทางไปยังดินแดนพันธมิตรมนุษย์ ดังนั้นถึงแม้ว่าอูดี้จะมีคำสั่งให้กระจายกองกำลัง แต่พวกเขาก็ไม่มีกองกำลังมากพอที่จะกระจายออกไปปกป้องนักรบศักดิ์สิทธิ์ทุกคนอยู่ดี

เมื่อการป้องกันในดินแดนเซิร์กอ่อนแอลง มันก็ช่วยทำให้เซี่ยเฟยสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ และถึงแม้ว่าตัวเขาเพียงคนเดียวอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของสงครามได้ แต่การเคลื่อนไหวของเขาย่อมสร้างความปั่นป่วนให้กับเซิร์กได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้พลังพิเศษสายความเร็วของเซี่ยเฟยยังถือว่าเป็นหายนะสำหรับผู้ใช้พลังพิเศษส่วนใหญ่ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้มีพลังควบคุมไฟ, น้ำแข็ง, ดินหรือลม ต่างก็ล้วนแต่ไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเขาได้ทัน ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่การรับมือกับผู้ใช้พลังสายความเร็วระดับสูงก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพวกเขาอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีวิชาเล่ห์กายาที่ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาบิดเบี้ยวจนยากจะจินตนาการ นอกจากนี้เขายังมีขนอุยที่สามารถพ่นลูกบอลพลังงานที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกสลายกลายเป็นอณูพลังงานทันทีที่สัมผัสกับลูกบอลพลังงานของมันด้วย

ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าพลังพิเศษสายความเร็วจะเป็นพลังพิเศษที่รับมือได้ยาก แต่มันก็ยังมีพลังพิเศษอีกมากมายที่มีเอาไว้สำหรับรับมือผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วโดยเฉพาะ แต่โชคดีที่เซี่ยเฟยสามารถเจาะดูข้อมูลภายในของเซิร์กทั้งดินแดนได้ เขาจึงเลือกคู่ต่อสู้เฉพาะผู้ที่พลังของเขามีความได้เปรียบเท่านั้น

บนแวมไพร์

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังเก็บเม็ดบัวเวหาเอาไว้ในห้องสะสม ซึ่งเขาเพิ่งได้รับมันมาหลังจากที่เขาทำการสังหารบูมมี่ ผู้ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าองครักษ์แห่งเต็นท์ทองคำ

บูมมี่เพิ่งจะลงจากตำแหน่งมาได้เพียงแค่ไม่กี่เดือน และเขาก็เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสบายใจ

หากบูมมี่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้เขาก็คงจะไม่เลือกเกษียณกลับมายังบ้านเกิดเร็วนัก เพราะอย่างน้อยการอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรย่อมปลอดภัยกว่าบ้านเกิดของเขาที่เป็นเพียงดินแดนอันห่างไกล และไม่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากนัก

เม็ดบัวเวหาเป็นอาวุธที่ประกอบด้วยลูกบอลโลหะลูกเล็ก ๆ คล้ายเม็ดบัวจำนวน 108 เม็ด ซึ่งลูกบอลเหล่านี้สามารถเคลื่อนที่ตามสายลมได้เป็นอย่างดี แล้วมันก็เป็นอาวุธที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้พลังพิเศษควบคุมสายลมโดยเฉพาะ

ท้ายที่สุดแม้ว่ามันจะเป็นอาวุธระดับอีเทอนิตี้ แต่มันก็ยังถูกเซี่ยเฟยนำไปเก็บไว้ในห้องเก็บของอยู่ดี เพราะมันไม่มีประโยชน์ใด ๆ กับเขาเลย เขาจึงเก็บพวกมันเอาไว้โดยคิดที่จะนำพวกมันไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับเขาในภายหลัง แน่นอนว่าหากเขาจะนำอาวุธอุปกรณ์พวกนี้ไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งอื่นใด เขาก็จะต้องรอดชีวิตกลับไปยังพันธมิตรให้ได้เสียก่อน

เซี่ยเฟยใช้มือลูบศีรษะขนอุยเบา ๆ ก่อนที่เขาจะโยนหัวใจจักรวาลสีม่วงออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ใช้ลิ้นเลียก้อนแร่อย่างมีความสุข ก่อนที่มันจะดูดซับพลังงานด้านในหัวใจจักรวาลทั้งหมดในคราวเดียว

“กินให้อิ่ม คู่ต่อสู้คนต่อไปค่อนข้างจะตึงมืออยู่บ้าง นายจะได้ออกกำลังให้อย่างเต็มที่”

เมื่อได้ยินคำอธิบายขนอุยก็เบะริมฝีปากออกมาอย่างไม่พอใจ และถึงแม้ว่าในช่วงนี้เซี่ยเฟยจะให้มันกินอาหารอย่างตามใจ แต่มันก็ต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกัน โดยทุก ๆ 2-3 วันพวกเขาจะต้องไปล่าสังหารกลุ่มเซิร์กบนดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่ง ซึ่งพวกเขาก็ต่อสู้อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว

ขนอุยทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่มันจะลอยกลับไปยังโซฟาอย่างเกียจคร้านอีกครั้ง จากนั้นมันก็ใช้ช่วงเวลาว่างเพื่อนอนหลับพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพละกำลังจากความเหนื่อยล้าสะสม

แม้ว่าจะต้องทำการออกล่าต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเซี่ยเฟยมากนัก แต่สำหรับขนอุยเป็นเรื่องราวที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะในระหว่างการลงมือมันจะได้รับอิทธิพลจากสภาพจิตใจของชายหนุ่มจนทำให้มันลงมือสังหารอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันก็สร้างความเหนื่อยล้าให้กับร่างกายของมันอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ฆ่าเซิร์กเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และมันก็ทำให้เจ้าตัวน้อยคิดถึงการนอนพักผ่อนอย่างสบาย ๆ ซึ่งถ้าหากสังเกตดี ๆ ใต้ดวงตาทั้งสองข้างของมันก็เริ่มมีรอยคล้ำให้เห็นอยู่อย่างจาง ๆ

“ช่วงนี้นายใช้ขนอุยหนักมือไปหน่อยจริง ๆ แต่มันก็ช่วยให้เจ้าหนูนี่เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยเหมือนกัน ตอนแรกมันสามารถปล่อยลูกบอลพลังงานได้ทุก ๆ 2-3 วินาทีเท่านั้น แต่ตอนนี้มันสามารถปล่อยลูกบอลพลังงานได้ทุก ๆ วินาทีแล้ว อีกหน่อยความเร็วในการปล่อยลูกบอลพลังงานของมันก็คงจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก แล้วมันก็คงจะกลายเป็นเรื่องยากที่ศัตรูจะหลบเลี่ยงการจู่โจมของมันได้” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ฉันคิดว่าเรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการดูดซับพลังงานเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้มันเติบโตอย่างเต็มที่ แต่มันยังจะต้องออกไปสู้ในสถานการณ์จริงเพื่อฝึกฝนการใช้พลังของมันด้วย เมื่อถึงเวลาที่เจ้านี่เติบโตอย่างเต็มที่มันก็คงจะกลายเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลอย่างแน่นอน แม้ว่ามันจะยังคงมีนิสัยขี้เกียจอยู่เล็กน้อยและมักจะมีความคิดเจ้าเล่ห์เป็นบางครั้งบางคราวบ้างก็ตาม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

แวมไพร์เคลื่อนที่ไปยังจุดหมายต่อไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากนี้อีกประมาณ 8 ชั่วโมงการต่อสู้ในครั้งต่อไปก็จะเริ่มต้นขึ้น

ระหว่างเดินทางเซี่ยเฟยเปิดหน้าจอขึ้นมาเพื่อศึกษาคู่ต่อสู้คนต่อไปที่เขาต้องเจอ โดยเป้าหมายของเขาในครั้งนี้คือนักสู้ระดับสูงที่มีชื่อว่าฮาซี่

“คู่ต่อสู้คนนี้ต่างจากคนก่อน ๆ มากเลยนะ ฮาซี่เป็นถึงนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 16 และเขายังมีพลังสายควบคุม นี่นายคิดจะเผชิญหน้ากับเขาจริง ๆ เหรอ?” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล

“ถึงแม้ว่าไม่อยากแต่ฉันก็ต้องทำ ท้ายที่สุดตำแหน่งของเขาก็อยู่บนเส้นทางของเรา ถ้าหากว่าเราปล่อยเขาไปท้ายที่สุดพวกเราก็ต้องหันหลังกลับมาเพื่อจัดการกับเขาอยู่ดี”

“ก่อนหน้านี้ทั้งบูมมี่และฮามี่ต่างก็เคยเป็นนักรบชั้นนำของเซิร์กมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาอายุมากแล้วและอันดับความแข็งแกร่งของเขาก็ถดถอยลงมาจากอดีตมากแล้วเช่นกัน ขณะที่ฮาซี่ยังคงอยู่ในช่วงอายุที่ดีที่สุดและอันดับของเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมทุก ๆ ปี”

“ดังนั้นถ้าหากว่าฉันสังหารเขาได้สำเร็จ มันย่อมส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของนักรบศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งดินแดนเซิร์กได้อย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม

“นายแน่ใจนะว่าจะสามารถจัดการกับพลังพิเศษของฮาซี่ได้?” อันธกล่าว

“เมื่อก่อนฉันก็คงจะไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ฉันมีขนอุยอยู่ด้วยและฉันก็คิดว่ามันคงจะทำให้สถานการณ์แตกต่างไปจากเดิมมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพลางชำเลืองสายตามองไปยังขนอุยที่กำลังนอนหลับพักผ่อน

ขนอุยที่กำลังหลับใหลรู้สึกเหมือนกับมีใครบางคนกำลังพูดถึงมันอยู่ แล้วมันก็ทำให้ทั่วทั้งร่างของมันขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ดาวแม่น้ำเส้นโลหิตเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ไม่กี่ดวงที่มีสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ได้มารวมตัวกันอยู่บนดาวเคราะห์เพียงแค่ดวงเดียว

บนดาวมีแม่น้ำสายใหญ่คล้ายกับมังกรยักษ์ที่พันรอบดาวเคราะห์ทั้งหมด โดยแม่น้ำสายนี้มีอายุมานานหลายแสนปี แล้วมันก็เป็นแม่น้ำสีแดงที่แตกกิ่งก้านสาขาออกไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน จนทำให้มันได้รับขนานนามว่าแม่น้ำเส้นโลหิต เนื่องมาจากมันให้ความรู้สึกคล้ายกับเส้นเลือดที่กระจายกันอยู่ทั่วทั้งร่างกาย

ณ พื้นที่บริเวณกรวดทรายริมฝั่งของแม่น้ำ เซิร์กตัวหนึ่งก็กำลังเดินเท้าเปล่าอยู่ในสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง โดยเขาได้สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้อบนผิวสีดำคล้ำและทุก ๆ ส่วนของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสีดำอย่างชัดเจน โชคดีที่ในตอนนี้ดาวเคราะห์กำลังอยู่ในช่วงกลางวัน เพราะถ้าหากว่ามันเป็นช่วงกลางคืนร่างของเขาก็จะกลมกลืนไปกับความมืดจนยากที่จะหาร่างของเขาท่ามกลางความมืดได้

ก้อนหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ามีขอบมุมที่แหลมคม แต่ฮาซี่กลับเดินบนก้อนหินพวกนี้ด้วยความเร็วเต็มที่ และขอบหินที่แหลมคมก็ไม่สามารถที่จะหยุดเท้าของเขาไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าได้

มันเคยมีตำนานเล่าขานกันว่าดาวดวงนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรเกล็ดเงินที่มีความยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร ฮาซี่ที่ชอบล่าสัตว์อสูรจึงเดินทางมายังดาวดวงนี้เพื่อหวังว่าเขาจะถลกหนังสัตว์อสูรไปเก็บไว้เป็นของสะสมของเขา

ฮาซี่แตกต่างจากนักรบศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ที่ทำงานให้กับเผ่าเซิร์ก เพราะเขาไม่ยอมฟังคำสั่งของเต็นท์ทองคำและเขาก็มักจะใช้ชีวิตบนดาวเคราะห์ที่อันตรายเพื่อฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ

สำหรับนักรบศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ แล้วฮาซี่เป็นนักรบที่มีนิสัยแปลกประหลาดมาก เพราะเขาเพียงต้องการเพิ่มพลังของตัวเองโดยไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดวิสัยของนักรบศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไป

โดยปกตินักรบจำเป็นจะต้องผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดกับนักสู้คนอื่น ๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้สะสมประสบการณ์เอาไว้ใช้ในการพัฒนากำลังของตัวเองต่อไป แต่ฮาซี่ไม่ชอบสู้กับเซิร์กด้วยกันเอง เพราะเขาชอบที่จะทำการต่อสู้กับสัตว์อสูรชนิดต่าง ๆ มากกว่า

ชายคนนี้ได้สังหารสัตว์อสูรมาแล้วเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วงานอดิเรกของเขาก็คือการบรรยายว่าเขาทำการสังหารสัตว์อสูรระดับสูงอย่างโหดเหี้ยมมากแค่ไหน จากนั้นเขาก็จะทำการถลกหนังของพวกมันออกมาเป็นของสะสม ซึ่งในระหว่างที่เขาเล่าเรื่องพวกนี้บนใบหน้าของเขาก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น

ด้วยการที่เขามีนิสัยอันแปลกประหลาดเช่นนี้นี่เอง มันจึงทำให้เขาได้รับฉายาว่านักฆ่าสัตว์อสูร

อันที่จริงเหตุผลที่ฮาซี่ยังคงอยู่ในอันดับที่ 16 ของกระดานจัดอันดับนักรบศักดิ์สิทธิ์ มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขามีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แต่มันเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยไปท้าทายนักรบคนไหนและไม่มีนักรบคนไหนกล้าที่จะเข้ามาท้าทายเขามากกว่า

เพราะท้ายที่สุดเขาก็มักจะจัดการกับนักสู้ที่เข้ามาท้าทายเขาอย่างโหดเหี้ยมจนไม่มีใครอยากจะเป็นศัตรูกับเขา นอกเสียจากว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ

แต่ถึงกระนั้นฮาซี่ก็ยังคงได้รับการจัดอันดับให้มีความแข็งแกร่งอันดับ 16 ในบรรดานักรบศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด แล้วมันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าฮาซี่เป็นนักรบที่มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน

เขาใช้เวลาในการออกหาสัตว์อสูรในตำนานบนดาวดวงนี้มาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งในระหว่างทางแม้กระทั่งหนูตัวเล็ก ๆ ก็ถูกชายคนนี้ทำการสังหารอย่างไร้ปรานี และเขาก็คงจะไม่ยอมหยุดอยู่เฉย ๆ จนกว่าสัตว์อสูรทั้งหมดจะถูกเขากวาดล้างจนพวกมันสูญพันธุ์ไปจากจักรวาล

อสูรเกล็ดเงินเป็นสัตว์อสูรที่ฉลาดมาก แล้วมันก็รู้ว่ามันไม่มีทางเผชิญหน้ากับฮาซี่ได้ ดังนั้นมันจึงพยายามหนีฮาซี่ไปตลอดทั้งทาง จนกระทั่งมันหนีมาจนถึงสุดแม่น้ำซึ่งเป็นทางตันและบีบบังคับให้มันต้องเผชิญหน้ากับฮาซี่ในที่สุด

ห่างออกไปจากแม่น้ำประมาณ 2 กิโลเมตร เซี่ยเฟยกำลังเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่และสังเกตศัตรูของเขาจากในระยะไกล

เมื่อขนอุยได้เห็นฮาซี่ปรากฏตัวใบหน้าของมันก็เปลี่ยนไปอย่างบิดเบี้ยว และแววตาของมันก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดงก่ำ

“ใจเย็น ๆ ฉันรู้ว่าเขาฆ่าสัตว์อสูรไปเยอะมาก พวกเรามาสังเกตสถานการณ์ไปก่อน ฉันสัญญาว่าคืนนี้เขาไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับไปได้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลูบศีรษะขนอุยเบา ๆ

ขนอุยกัดฟันอย่างไม่พอใจโดยขนทั่วทั้งร่างของมันกำลังลุกชันและมันก็ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ออกมาจากลำคอตลอดเวลา

ทันใดนั้นมันก็ได้มีคลื่นน้ำปะทุขึ้นมาในอากาศอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างสีเงินขนาดใหญ่ที่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด