ตอนที่แล้วตอนที่ 420 กองกำลัง 2 กลุ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 422 นักฆ่าสัตว์อสูร

ตอนที่ 421 ล่าสังหาร


ตอนที่ 421 ล่าสังหาร

เซี่ยเฟยเก็บไม้เท้าที่กำลังส่องแสงสว่างเอาไว้ภายในห้องพิเศษ ซึ่งนอกเหนือจากอาวุธชิ้นนี้แล้วมันยังมีชุดต่อสู้และมีดคู่หนึ่งที่เขาได้รับมาจากฟูซี่ และถึงแม้ว่าของพวกนี้จะไม่ได้มีระดับสูงมากนักแต่อย่างน้อยมันก็เป็นถึงอาวุธระดับลีเจนด์

ทุกครั้งที่เซี่ยเฟยสังหารนักรบศักดิ์สิทธิ์เขาก็จะเก็บอาวุธอุปกรณ์ของนักรบเหล่านั้นมาเก็บสะสมเอาไว้ภายในห้อง ซึ่งในตอนนี้เขาได้สะสมอาวุธระดับลีเจนด์ได้ 6 ชิ้น, อาวุธระดับอีเทอนิตี้ได้ 1 ชิ้น, ชุดต่อสู้ระดับต่าง ๆ อีกหลายชุดรวมถึงวัตถุต่าง ๆ ที่ดูน่าสนใจ เขาก็นำพวกมันมาเก็บสะสมไว้ในตู้อีกหลายชิ้น

“ดูเหมือนว่าไม้เท้านี่จะช่วยเพิ่มพลังของเปลวเพลิงได้อย่างดี ถือว่ามันเป็นอาวุธที่ทรงพลังพอสมควรเลย” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาวุธที่ดีแต่มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ท้ายที่สุดมันก็เป็นอาวุธสำหรับผู้ใช้พลังธาตุไฟเท่านั้น สำหรับฉันมันเลยไม่ต่างไปจากเครื่องประดับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยชา

“ฉันก็ไม่ได้บอกว่านายจำเป็นจะต้องใช้อาวุธชิ้นนี้เองสักหน่อย สักวันหนึ่งถ้าหากว่านายได้กลับไปยังพันธมิตรนายก็สามารถที่จะนำมันไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของอื่น ๆ ที่นายต้องการได้ ท้ายที่สุดจำนวนของอาวุธระดับสูงก็มีอยู่น้อยมาก และของพวกนี้ก็ไม่สามารถที่จะหาอะไรมาทดแทนได้ง่าย ๆ” อันธกล่าว

เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปแต่เดินเข้าไปภายในห้องบัญชาการ จากนั้นเขาก็ใช้ปากกาสีแดงขีดฆ่าชื่อฮามี่ในรายชื่อนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เขามี และทำการเข้าระบบคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบรายงานทางการทหารฉบับล่าสุดอย่างระมัดระวัง

“พวกเซิร์กยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรมากนัก ดูเหมือนว่าฉันจะยังตีน้ำให้ขุ่นได้ไม่พอ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา

“แล้วแบบนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี? เป็นไปได้ไหมว่าอูดี้รู้แล้วว่านายกำลังวางแผนอะไร เขาเลยตัดสินใจอยู่เฉย ๆ” อันธกล่าว

“ในเมื่อเขาไม่เคลื่อนไหวฉันก็จะเป็นคนเติมไฟให้เขาขับเคลื่อนเอง ฉันไม่เชื่อว่ามันจะมีราชาคนไหนสามารถทนรับกระแสของมวลชนได้ตลอดไปหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

ทันทีที่พูดจบเซี่ยเฟยก็ปิดหน้าจอและตั้งค่าระบบนำทางให้แวมไพร์มุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายรายต่อไป

ขนอุยถอนหายใจออกมาด้วยความขี้เกียจ เพราะในช่วงหลาย ๆ วันที่ผ่านมามันเดินทางไปไหนมาไหนกับเซี่ยเฟยด้วยตลอด จึงทำให้มันรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยแต่เซี่ยเฟยก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุดพักผ่อนเลยสักนิด

อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเซี่ยเฟยก็ยิ่งใหญ่มาก และเขายังดำเนินการตามแผนการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าขนอุยจะมองยังไงมันก็คงจะไม่ได้พักผ่อนอย่างสบาย ๆ ในช่วงเวลาเร็ว ๆ นี้แน่

“โหดร้ายจริง ๆ” ทูดี้ขมวดคิ้วพร้อมกับพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

ฮามี่เคยเป็นผู้นำสมาพันธ์นักรบศักดิ์สิทธิ์มาก่อน และชายชราคนนี้ก็ยังเคยเป็นอดีตหัวหน้าของเขาด้วย ซึ่งหลังจากเกษียณฮามี่ก็ได้สร้างคฤหาสน์ขึ้นมาอาศัยอยู่กลางป่า และรวบรวมสาวงามนับพัน ๆ คนเอาไว้เพื่อสร้างความบันเทิงตลอดทั้งวัน

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องค่อนข้างปกติสำหรับเผ่าพันธุ์เซิร์ก และการทำแบบนี้ก็ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ถูกเยาะเย้ยจากประชาชนในสังคมเท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องที่พวกเขาสามารถนำไปอวดคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อพูดถึงผู้อาวุโสฮามี่เซิร์กหลาย ๆ คนก็จะนึกถึงชายชราที่น่าอิจฉาที่เขาสามารถใช้ชีวิตในช่วงชราในคฤหาสน์ที่ราวกับสรวงสวรรค์

ในคฤหาสน์มีศพผู้หญิงกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกบริเวณ ซึ่งผู้หญิงทั้งหมดต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาวงามที่ฮามี่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน แต่ถึงกระนั้นสาวงามพวกนี้กลับไม่เหลือรอดเลยแม้แต่คนเดียว

“สาว ๆ พวกนี้สวยมากจริง ๆ ท่านฮามี่ไปหาพวกเธอมาได้จากที่ไหนกันนะ? มันคงจะดีมากถ้าหากว่าเขาแบ่งสาวงามให้กับฉันสัก 2-3 คน ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คงจะไม่นอนจมกองเลือดอยู่แบบนี้” ลารี่ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“มนุษย์คนนั้นโหดเหี้ยมมาก แม้กระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้เขาก็ฆ่าหมดไม่มีเหลือ” ทูดี้กล่าว

ทุกคนมองไปที่ศพพร้อมกับเดินไปข้างหน้าและพวกเขาก็ได้พบว่าศพผู้หญิงทุกศพถูกสังหารด้วยการปาดคอเพียงครั้งเดียว โดยบาดแผลที่ลำคอเป็นบาดแผลที่เรียบเนียนมาก ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบซากศพไปแล้วเป็นจำนวนนับพันคนก็ตาม

แม้แต่ผู้ชายที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุดก็ควรจะต้องรู้สึกสะเทือนใจถ้าหากพวกเขาได้สังหารสาวงามไปเป็นจำนวนนับพันคน ซึ่งจิตใจที่ปั่นป่วนในระหว่างการลงมือนั้นย่อมไม่สามารถสร้างบาดแผลที่เรียบเนียนเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

มันจึงเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเซี่ยเฟยไม่ได้รับผลกระทบทางด้านอารมณ์ในระหว่างที่เขาทำการสังหารสาวงามพวกนี้เลย และมันก็เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มเป็นนักรบที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง

ใบหน้าของคนตายไม่มีสีหน้าตื่นตระหนกให้เห็นอยู่เลย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเธอถูกสังหารจนเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว และการสังหารสาวงามนับพันโดยที่พวกเธอยังคงแสดงรอยยิ้มออกมาได้อยู่นั้น มันก็แสดงว่าเซี่ยเฟยจะต้องสามารถลงมือได้อย่างเฉียบคมและรวดเร็วชนิดที่ว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที

นี่คือคฤหาสน์ของผู้อาวุโสฮามี่เชียวนะ!

มันจะมีคนสามารถสร้างความหายนะในระดับนี้ภายในช่วงเวลาไม่กี่นาทีได้ยังไง?

ทูดี้สั่งให้คนนำหัวของฮามี่กลับไปไว้ที่ร่างของเขาดังเดิม โดยรอยตัดบริเวณลำคอยังคงเป็นรอยตัดอันไร้ที่ติราวกับว่ามันเป็นรอยแผลที่เกิดจากการตัดด้วยเครื่องจักรที่มีความคมสูงมาก

“ดูนั่นสิ! นั่นเป็นร่องรอยการต่อสู้ชัด ๆ แสดงว่าท่านฮามี่ไม่ได้เสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว” ลารี่กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่รอยไหม้ที่อยู่บนพื้น

รอยไหม้นี้เริ่มต้นจากร่างของฮามี่และขยายออกไปยังผืนป่าที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 200 เมตร ซึ่งป่าบริเวณนั้นถูกแผดเผาเป็นวงกว้างคล้ายกับว่ามันเกิดไฟป่าที่ลุกลามไปทั่วทั้งบริเวณ

“ถึงแม้ว่าท่านฮามี่จะชรามากแล้วแต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็น 1 ใน 30 นักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เก่งที่สุด แม้ว่ามนุษย์คนนั้นจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสังหารผู้อาวุโสได้ง่าย ๆ” ทูดี้กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ใช่ แม้ว่าท่านฮามี่จะชราไปมากแล้วแต่เขาก็ยังมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะติดอันดับ 100 อันดับแรกได้ นี่ถ้าหากว่าเขามีอายุน้อยกว่านี้สัก 10 ปีเขาก็อาจจะสามารถจัดการกับมนุษย์คนนั้นได้แล้วด้วยซ้ำ” ลารี่กล่าว

“ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงแม้ฮามี่จะอายุน้อยกว่านี้อีก 100 ปีแต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม” ยำมี่กล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเตะศพผู้หญิงที่อยู่บนพื้นออกไปไม่ให้ขวางทาง

บทสนทนาระหว่างทูดี้กับลารี่ทำให้เขารู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย และถึงแม้ว่าฮามี่จะเป็นอดีตผู้นำนักรบศักดิ์สิทธิ์แต่ยำมี่ก็ไม่ได้ให้ความเคารพชายชราคนนี้เลย

“นายหมายความว่ายังไง?” ลารี่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ยำมี่หัวเราะพร้อมกับชี้นิ้วไปยังรอยไหม้ที่อยู่บนพื้น

“รอยไหม้นี่ค่อย ๆ ขยายขนาดขึ้นตามระยะทาง ซึ่งมันก็หมายความว่าเปลวไฟถูกปล่อยจากบนพื้นขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งมันก็หมายความว่ากว่าที่ฮามี่จะปล่อยเปลวไฟออกมาร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงไปกับพื้นแล้ว”

ทูดี้และลารี่พยายามจินตนาการภาพตามคำอธิบายของยำมี่ และพวกเขาก็ได้พบว่าต้นไม้ที่อยู่ห่างไกลถูกเผาไหม้แต่เพียงบริเวณยอด โดยที่ลำต้นและพื้นดินไม่ได้รับความเสียหายจากการเผาไหม้จริง ๆ

การที่จะเกิดผลลัพธ์แบบนี้ได้มันก็แสดงว่าฮามี่เริ่มเอนหลังทันทีที่เขาปลดปล่อยเปลวไฟ มันจึงทำให้เปลวไฟของเขาลุกไหม้เริ่มจากพื้นก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

มันอาจจะสามารถกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเซี่ยเฟยลงมือจู่โจมอย่างรวดเร็วจนฮามี่ไม่ได้มีเวลาต่อสู้เลยแม้แต่วินาทีเดียว และสาเหตุที่มันเกิดร่องรอยการเผาไหม้ขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะว่าฮามี่มีปฏิกิริยาในวินาทีที่เขากำลังจะถูกสังหารนั่นเอง

ขณะเดียวกันหมิงจี้ก็กำลังใช้มือทั้งสองข้างโอบไหล่ตัวเองราวกับเด็กสาวที่ถูกแช่แข็งในช่วงฤดูอันหนาวเย็น ซึ่งร่างกายของเธอก็กำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้และผมสีทองของเธอก็กำลังปลิวไสวไปตามสายลม

ทันใดนั้นร่องรอยทั้งหมดที่เกี่ยวกับเซี่ยเฟยในอากาศก็ถูกบังคับให้เคลื่อนที่เข้าหาหมิงจี้อย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่ปริมาณเศษเสี้ยววิญญาณมีอยู่น้อยมาก เธอจึงไม่สามารถที่จะรวบรวมวิญญาณได้อย่างเพียงพอ

“คุณหมิงจี้คุณรวบรวมพลังวิญญาณได้พอแล้วหรือยัง?” ทูดี้เดินเข้ามาถาม

หมิงจี้ส่ายหัวพร้อมกับเขียนข้อความขึ้นมาโชว์อย่างรวดเร็ว

“แปลกมาก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสามารถปกปิดร่องรอยวิญญาณของตัวเองได้ ฉันพยายามรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ฉันก็สามารถรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น”

พลังพิเศษติดตามวิญญาณจะต้องเริ่มจากการเก็บรวบรวมร่องรอยทั้งหมดของเป้าหมายให้ได้อย่างเพียงพอเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นเศษเนื้อหนัง, กลิ่นที่ยังคงหลงเหลือ, เศษเสี้ยวพลังงานที่ตกค้างหรือร่องรอยอะไรก็ได้ที่ทำให้ผู้ใช้พลังสามารถจำลองเป้าหมายภายในใจขึ้นมาได้

เมื่อผู้ใช้พลังสามารถจำลองร่างของเป้าหมายขึ้นมาได้สำเร็จ พวกเขาก็จะบังคับให้ร่างจำลองปล่อยกระแสจิตออกไปทั่วทั้งจักรวาล และเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างจำลองได้พบกับกระแสจิตที่มีความคล้ายคลึงกันผู้ใช้พลังก็จะสามารถระบุตำแหน่งของเป้าหมายได้ทันที

พลังพิเศษนี้เป็นความสามารถในการติดตามที่ทรงพลังมาก เพียงแต่หมิงจี้ไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยมีวิชาพรางจิตที่สามารถทำให้ร่างของเขากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้

เมื่อใช้วิชาทั่วทั้งร่างของผู้ใช้วิชาพรางจิตจะเหมือนมีชั้นสุญญากาศขึ้นมาครอบร่างกายของพวกเขาเอาไว้ มันจึงทำให้ตัวตนของพวกเขากลายเป็นเหมือนกับอากาศ และถึงแม้ว่าศัตรูจะมองเห็นด้วยสายตา แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของผู้ใช้วิชาพรางจิตได้เลย

หมิงจี้ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังและนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้ประสบพบกับปัญหาที่น่าปวดหัวแบบนี้ แล้วถึงแม้ว่าเธอจะได้เข้ามาสำรวจสถานที่ที่เซี่ยเฟยได้ลงมือแล้วถึง 2 แห่ง แต่เธอก็ยังไม่สามารถรวบรวมร่องรอยได้มากพอที่จะค้นหาชายหนุ่มในจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้

“ไม่เป็นไร เขาคนนั้นคงจะไม่หยุดอยู่ง่าย ๆ อีกไม่นานเขาก็คงจะสร้างปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลานั้นหวังว่าเราจะได้ข้อมูลของเขามากกว่านี้” ทูดี้พยายามกล่าวปลอบใจ

อย่างไรก็ตามทุกคนก็ทำได้เพียงแต่รับฟังอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น เพราะการปล่อยให้เซี่ยเฟยสร้างร่องรอยขึ้นมาใหม่ มันก็หมายความว่าจะต้องมีคนถูกสังหารเพิ่มขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม และมันก็ไม่มีใครรู้ว่ากว่าที่พวกเขาจะจัดการกับเซี่ยเฟยได้ชายหนุ่มคนนี้จะสังหารนักรบศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วกี่คน

ติ๊ด ๆ!

เครื่องสื่อสารดังขึ้นมาอีกครั้งและมันก็ทำให้ทูดี้สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี

“แม้แต่ท่านบูมมี่ก็ไม่รอดงั้นเหรอ?!” มุมปากยำมี่กระตุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด