ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอน 693 การตักเตือนอีกครั้ง(ฟรี)
ในเวลานี้แผนการสร้างความมั่งคั่งของซู่เสี่ยวไป่เริ่มขยายใหญ่มากขึ้น และเติบโตเป็นจักรวรรดิระดับสูงชั้นนำ และสร้างจ้าวภัยพิบัติออกมาจำนวนมาก
ในตอนนี้หากจักวรรดิใดไม่ได้ยิ่งใหญ่ หรือทรงอำนาจมากพอ เมื่อมองไปยังอาณาจักรหนึ่งปฐพีก็ไม่ต่างจากมองยักษ์ใหญ่
แม้ว่าความแข็งแกร่งของจ้าวจักรวรรดิจะใกล้เคียงกันก็ตาม แต่จักรวรรดิระดับสูงทั้งหมดล้วนต้องเกรงใจซู่เสี่ยวไป่
เพราะซู่เสี่ยวไป่นั้นเป็นผู้ที่หยิบยื่นอาวุธวิเศษให้จำนวนมากกับจักรวรรดิที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งหมดได้รับการแลกเปลี่ยนซื้อขายกับซู่เสี่ยวไป่ในมูลค่ามหาศาล
ซู่เสี่ยวไป่ไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายเลยและใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อวัตถุดิบหายากจากแต่ละจักรวรรดิมาสร้างอาวุธวิเศษขายคืนให้กับจักรวรรดิเหล่านั้นแทน
แต่ถึงแม้ว่าจะหาผลึกต้นกำเนิดได้เยอะ ระบบเองก็มีความต้องการที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัวตลอดเวลา ตอนนี้การจะเพิ่มระดับต่อไปต้องใช้ผลึกต้นกำเนิดไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านก้อน
และเด็กๆ ที่เติบโตขึ้นในอาณาจักรของซู่เสี่ยวไป่ ก็วิ่งเล่นอยู่บนกองอาวุธวิเศษ เพียงอายุไม่ถึงสิบขวบแต่ร่างกายของพวกเขากลับดูดซับกลิ่นไอของอาวุธเหล่านี้ ทำให้ทุกคนมีกลิ่นไอของเขตแดนบรรพชนทุกคน
หากเป็นสภาพแวดล้อมของโลกดั้งเดิมไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แต่ภายใต้ร่มเงาของซู่เสี่ยวไป่ สภาพแวดล้อมของพวกเขาล้วนอุดมสมบูรณ์ไม่เคยอยากไร้ เด็กที่เกิดมามีพรสวรรค์เป็นผู้ฝึกตนได้เลยทันที
“เฮ้! ระวังหน่อย หากอาวุธพวกนี้มันโดนพวกเธอเข้าได้เจ็บจนร้องไห้แน่ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ระวังหน่อย”
ซู่เสี่ยวไป่มองไปยังกลุ่มเด็กที่เล่นกัน โดยที่มีอาวุธสะเทือนดินแดนอยู่รอบๆ หากคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด อาวุธพวกนี้ตีเป็นมูลค่าถึง 3 หมื่นล้านผลึกต้นกำเนิด แต่เขายังไม่ได้เอาออกไปขาย และหน้าที่ขายของนั้นไม่ได้มีเขาคนเดียวที่ทำ
งานนี้ถูกมอบหมายให้เฉี่ยวเห้อเป็นคนจัดการ หลังจากที่มันอยู่ในเขตแดนภัยพิบัติขั้น 9 แล้ว
มังกรโบราณพวกนี้เติบโตได้เร็วมากจนแม้แต่ซู่เสี่ยวไป่เองก็อิจฉาในบางครั้ง
แต่แล้ววันหนึ่งเฉี่ยวเห้อก็พุ่งเข้ามาหาด้วยความรีบร้อนอย่างที่สุด
“นายท่าน!! มันเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น และร้ายแรงอย่างมาก ตอนนี้จ้าวแห่งจักรวรรดิแมงป่องเทพตายแล้ว!”
“เช่อเชียตายแล้ว?! ใครเป็นคนฆ่าเขา”
ซู่เสี่ยวไป่เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีกับเรื่องนี้
เฉี่ยวเห้อลังเลที่จะพูดแต่สุดท้ายก็พูดออกมา
“ว่ากันว่าเป็นทูตจากจักรวาลหลุดพ้น”
ฑูตจากจักรวาลหลุดพ้นนั้นก็คือตัวตนจากอีกจักรวาลที่อยู่สูงกว่านั้นเอง
ทุกครั้งที่ซู่เสี่ยวไป่ตั้งใจจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ ตัวตนเหล่านี้จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อห้ามปรามเขาทุกครั้ง
ในเวลาเดียวกันก้มีข่าวมาจากร่างเงาของเขา บอกว่าคนที่มีนามว่าซือมาขอเข้าพบ
ในที่สุดก็มาแล้ว
การปรากฏตัวของฑูตซือพร้อมกับข่างการตายของเช่อเชียนั้นพอดีกันเกินไป มันทำให้ซู่เสี่ยวไป่เข้าใจทุกอย่างได้ทันที
แต่ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขามาถึงจุดที่ฑูตซือรออยู่ ชายในชุดคลุมสีฟ้า ยืนเอามือไพล่หลังอย่างสบายอารมณ์
เมื่อเขาหันกลับมาใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม แต่รัศมีที่แผ่ออกมานั้นทำให้ซู่เสี่ยวไป่ต้องระวังตัว
ฑูตซือนั้นยิ้มอย่างมีความหมายแอบแฝง และมองมายังร่างเงาด้วยสายตาที่ดูครุมเครือ
เขาเป็นตัวแทนจากจักรวาลหลุดพ้น เพียงแค่ร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่เขาสามารถมองออกได้อยู่แล้ว
“ซู่เสี่ยวไป่ ซู่เสี่ยวไป่ ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนลูกเล่นเต็มไปหมด และขี้กลัวเหมือนเดิม ทำยังไงกันนะ ข้าถึงจะหยุดความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าได้”
“อย่างที่เห็นตอนนี้ข้า พึ่งกำจัดพวกปากมากไป เห็นไหมว่าเรื่องแค่นี้ง่ายดายขนาดไหน เจ้าก็คงเข้าใจใช่ไหมว่าข้าหมายถึงอะไร”
“จักรพรรดินีจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ก็คนแล้ว จ้าวแมงป่องเทพก็อีกคน นี้เป็นเพียงคำเตือน บ้างทีอาจจะมีจ้าวปกครองตายมากกว่านี้ การฆ่าพวกมันก็ไม่ต่างจากฆ่ามดแมลงตัวหนึ่ง”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ และเลิกสงสัยเกี่ยวกับการตัดขาดได้แล้ว”
“เมื่อไรที่เจ้าข้ามเส้นมา หายนะจะมาถึงตัวเจ้าแน่ การตายของเช่อเชี่ยนั้นคือคำทักทายเท่านั้น”
ฑูตซือพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะพ่นลมหายใจหนึ่งครั้งทำให้อาคมป้องกันทั้งหมดของอาณาจักรหนึ่งปฐพีพังทลายลงทั้งหมด
ซู่เสี่ยวไป่โดยที่ไม่รู้ตัว เวลานี้เหงื่อของเขาไหลเต็มตัวไปหมด และตึงเครียดอย่างมาก
ทุกๆ การขยับตัวของฑูตซือนั้นสามารถฆ่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 ได้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
ซู่เสี่ยวไป่ไม่สงสัยเลยว่าฑูตซือคนนี้จะสามารถหาร่างจริงของเขาได้ และปลิดชีพเขาในพริบตา
ตัวตนจากจักรวาลหลุดพ้นน่ากลัวเกินไป
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซู่เสี่ยวไป่ยังไม่รู้จัก และเป็นสิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่นั้นอยากเป็นมากที่สุด
มันแตกต่างจากจ้าวภัยพิบัติอย่างสิ้นเชิง เขตแดนตำนานนั้นเหนือกว่าอะไรที่เขารู้จัก
ถ้าหากซู่เสี่ยวไป่อยู่ในเขตแดนตำนานได้ ทุกอย่างในพื้นที่เก่าแก่จะกลายเป็นของเขาทั้งหมด และตัวเขาเองจะไม่ต่างจากพระเจ้า
และไม่ใช่ว่าซู่เสี่ยวไป่จะฝันลมๆแล้งๆ แต่เขาจะไปให้ถึงจุดนั้นจริงๆ
เขตแดนตำนานนั้นยังไม่อาจจะหยั่งถึงได้ในเวลานี้ พวกนี้สามารถฆ่าจ้าวภัยพิบัติได้ตามที่ต้องการ
หากว่าซู่เสี่ยวไป่ยังไม่ตัดขาด ก็ยังมีอันตรายที่กดขี่เขาอยู่อีก นั้นเป็นเรื่องที่ซู่เสี่ยวไป่ไม่ชอบมาแต่ไหนแต่ไร
ตัดมาที่สถานที่แห่งหนึ่งได้มีเงาปรากฏขึ้นมา 5 ร่าง สองในนั้นเป็นคนที่ซู่เสี่ยวไป่รู้จักดีคือฑูตซือกับฑูตซี
(แก้ไขครับ ผมเข้าใจผิดว่าสองคนนี้คือคนเดียวกัน แต่มันคนละคนกัน คนที่มาห้ามซู่เสี่ยวไป่ครั้งแรกหลังจากเป็นใหญ่ในจักรวาลทวีปใหญ่แล้วคือฑูตซีครับ คนที่เจอในพื้นที่เก่าแก่หลังจากขึ้นเป็นจ้าวปกครองระดับสูงคือฑูตซือ)
“พื้นที่เก่าแก่ยังดูไม่สงบเท่าไร ระหว่างภารกิจข้าได้สังหารปฐมตำนานไป 6 คน และทำลายจ้าวปกครองไปอีก 19 คน ทำให้คนเหล่านี้กระสับกระส่ายไม่น้อย”
หมอกหนึ่งในนั้นก็เปิดเผยร่างออกมา ทั้งตัวของเขาสวมชุดผ้าไหมสีแดงผสมดำ ท่าทางดูขึงขังเล็กน้อย
ข้างหลังของเขามีภาพเงาของมังกรลอยอยู่ด้วย และเลื้อยไปตามตัวตลอดเวลา อีกทั้งยังส่งเสียงคำรามเบาๆ เป็นระยะๆ
คนนี้คือฑูตหลง เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่ของกลุ่มเขตแดนปฐมตำนานที่พยายามจะตัดขาด
ฑูตซือกล่าวอย่างไร้อารมณ์
“ข้าจัดการพวกจ้าวภัยพิบัติไปสามสิบคน ตอนนี้ทุกอย่างคงดีขึ้นแล้ว และไม่มีใครกล้าที่จะฝ่าฝืนอีก”
“อย่างงั้นหรอ”
มีอีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ปรากฏออกมากับแสงของจันทราที่ดูสว่างไสวอย่างอ่อนโยน
ตัวตนนั้นหัวเราะอย่างชอบใจ
“แต่ดูเหมือนว่ามีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นใช่ไหม”
ฑูตซือกล่าวขึ้น
“ไป่….เจ้าเองมีหน้าที่รับผิดชอบตัวตนเหนือตำนาน งานของเจ้าหนักกว่าคนอื่น บอกมาสิว่าเจ้าสังหารผู้ฝ่าฝืนไปกี่คน”