ตอนที่แล้วบทที่ 342 – ราชามังกรปรากฏตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 344 – การเตรียมตัวก่อนศึกใหญ่

บทที่ 343 – มหาสงครามกำลังจะเริ่มขึ้น


ตอนที่ผมตื่นออกมาจากสมาธิ ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลานั้นผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่หลังจากที่ลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าพี่ใหญ่จ้านหู่กับคนอื่น ๆ สามารถลุกขึ้นมานั่งทำสมาธิได้ด้วยตัวเองกันแล้ว สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มมีสีเลือด ไม่ได้ซีดเซียวเหมือนกับคนที่มีอาการบาดเจ็บหนักเลย แต่ผมก็ยังพอจะสังเกตได้ว่า ร่างกายของพวกเขายังคงอ่อนแรงเป็นอย่างมาก

ราชามังกรกับเสี่ยวจินยังคงอยู่ในบริเวณนั้น พากันจ้องมองเข้ามาที่ผมอย่างเป็นตาเดียว แม้ว่าผมจะออกจากการทำสมาธิแล้ว แต่ธาตุแสงก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวผมไม่จากไปไหน สภาพของผมในตอนนี้ ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของตัวเองมากแล้ว การทำสมาธิฟื้นฟูพลังครั้งนี้ ได้ผลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ผมลุกขึ้นยืน เก็บปีกแห่งแสงทั้งหกข้างเข้าไปในตัว ก่อนจะเอ่ยปากสอบถามออกไป “องค์ราชา ต้องขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก ที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาเป็นอย่างดี ไม่ทราบว่าสภาพของพวกเขาตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว?”

ราชามังกรส่ายหัวอย่างไม่ค่อยจะพอใจในผลการรักษามากนัก “ข้าเองก็ได้พยายามจนสุดความสามารถแล้ว แต่อาการบาดเจ็บของพวกเขานั้นหนักเกินไปจริง ๆ สิ่งที่ข้าทำได้ก็เพียงแค่พยายามขจัดพลังมารที่ตกค้างในร่างกายของพวกเขาออกไปจนหมดเท่านั้น กว่าที่พวกเขาจะฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์จริง ๆ คงจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน นี่เป็นในกรณีที่เร็วที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่าเวลาจะไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับพวกเราเสียแล้วล่ะ ข้าคิดว่า พวกเราคงต้องคิดหาวิธีการอื่น เพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นไปก่อน”

ความหวังเพียงเล็กน้อยที่เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากที่เห็นทุกคนสามารถลุกขึ้นมาจากสภาพนอนกองหมดสติได้ หายวับลงไปอีกครั้ง ‘หรือว่าสวรรค์ตั้งใจจะกวาดล้างสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ให้สูญสิ้นไปจากโลกนี้จริง? ไม่ใช่ว่าธรรมะต้องชนะอธรรมอย่างนั้นหรือ? ทำไมสถานการณ์มันถึงไม่ได้เป็นใจให้กับพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว!! ราชามาร! ฉันต้องจัดการกับแกอย่างแน่นอน ทำให้พี่น้องของฉันบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แถมยังขโมยตัวคนรักของฉันไปอีกด้วย ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่!!!”

“จางกง อย่าได้คิดมากไปเลย นายทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว” เสียงของมู่จือดังมาเข้าหู ทำให้ผมตัวสั่นไปเล็กน้อย

“มู่จือ เธอไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย?” ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

มู่จือเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าผม รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นดูออกได้ง่าย ๆ ว่าเป็นการฝืนทำมันออกมา แต่เธอก็พยายามทำตัวให้สดใสอย่างเต็มที่แล้ว “อาการบาดเจ็บของฉันดีขึ้นมาก ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ แต่นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าราชามารจะใช้ร่างของไหสุ่ยเป็นที่สถิตสำหรับการกลับมาคืนชีพอีกครั้งของเขา น่าสงสารไหสุ่ยมากจริง ๆ แล้วส่วนหนี่งก็เป็นความผิดของฉันเองด้วย ที่ไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของเธอเลย แม้จะมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างยาวนาน ฉันเชื่อว่า ราชามารน่าจะเพิ่งเข้ามาในร่างของเธอเมื่อไม่นานมานี้เอง”

ผมได้แต่ส่ายหน้า “จะไปโทษเธอได้อย่างไร? ไหสุ่ยถูกยึดร่างไปได้ก็เพราะว่าฉันไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของเธอเสียทีต่างหาก ทำให้เธอนั้นรู้สึกเสียใจ และยิ่งทำให้ความรู้สึกของเธอรุนแรงขึ้นไปอีก มันเป็นความผิดของฉันต่างหาก” สีหน้าของผมนั้นหมองหม่น มันเต็มไปด้วยความเสียใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจนเต็มใบหน้า และทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ไร้สาระสิ้นดี!!” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาจากราชามังกร มันทำให้ผมตัวสั่นอย่างหนัก เงยหน้าขึ้นมองไปทางเขา และได้เห็นว่าสายตาที่กำลังจ้องมองมาที่ผมนั้น มันเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธอย่างหนัก “จางกง! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนที่อ่อนแอไร้เหตุผลเยี่ยงนี้  และเริ่มสงสัยแล้วว่า ทำไมภาระหน้าที่สำคัญในการช่วยเหลือโลกไม่ให้ประสบกับหายนะถึงไปตกอยู่กับเจ้าได้? ทำตัวอ่อนแอเสียใจกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจนถึงขนาดนี้ เจ้าจะยังสามารถทำอะไรได้อีก? ราชามารกำลังจะโจมตีอยู่แล้ว เจ้ายังมีเวลามาฟูมฟายกับความเสียใจของตัวเองอีกหรืออย่างไร? มันจะช่วยให้ราชามารถอยกลับไปได้ใช่มั้ย? เจ้าจำหน้าที่ของตัวเองได้หรือไม่!!! ต่อต้านและกำจัดราชามาร และกำจัดเผ่ามารให้สิ้นซาก นำความสงบคืนกลับมาสู่โลกใบนี้ให้ได้ แม้ว่ามันจะดูไม่มีความหวังมากนัก แต่ก็มีผู้คนมากมายพร้อมจะต่อสู้ไปเคียงข้างกับเจ้า แต่เจ้ากลับทำตัวอ่อนแอเยี่ยงนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่!! เสี่ยวจิน! ตามข้ากลับไปเดี๋ยวนี้ เจ้าขยะที่อ่อนแอแบบนี้ ไม่สมควรจะเป็นเจ้านายของเข้าหรอก” หลังจากกล่าวจบ เขาก็กระพือปีกมหึมาของตัวเอง ส่งร่างให้ลอยขึ้นไปในอากาศทันที เสี่ยวจินมองมาที่ผม ก่อนที่จะบินตามราชามังกรออกไปทันทีเหมือนกัน

ปล่อยให้ผมยืนเหม่อลอยอยู่กับที่ด้วยสายตาอันว่างเปล่า ในหัวตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่อย่างเดียว มู่จือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากเธอเลยเหมือนกัน หลังจากที่อยู่ในสภาพแบบนั้นอย่างยาวนาน ในที่สุดผมก็ถอนหายใจออกมา ‘สิ่งที่ราชามังกรกล่าวออกมานั้นถูกต้องอย่างที่สุด มันมีเวลาอีกถึง 2 วัน! แม้ว่ามันอาจจะไม่เพียงพอ แต่ก็ต้องทำให้มันเต็มที่ ไม่ใช่มามัวแต่นั่งโอดครวญอยู่อย่างนี้ อย่างน้อย ๆ แล้วฉันก็เป็นมหาเมธีเวทย์ ยังมีความสามารถสู้อย่างเต็มที่ได้ สามารถสู้จนถึงที่สุด จนลมหายใจสุดท้ายของตัวเองได้ และมันคงจะดี ถ้าชีวิตของฉันจะสามารถใช้ลากราชามารให้ตายตามไปด้วยกันได้ ฉันยังสามารถใช้เวทย์มนต์ด้วยไฟชีวิตได้อยู่นี่’

“จางกง นายเป็นยังไงบ้าง” เสียงของมู่จือเต็มไปด้วยความห่วงใย

ผมระบายลมหายใจยาวออกมาอีกครั้ง “สิ่งที่ราชามังกรกล่าวออกมานั้นถูกต้องแล้ว และฉันก็ได้คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วด้วย มู่จือ เธอไม่ต้องกังวลอะไรให้มากไปหรอก แต่ฉันมีเรื่องต้องขอให้เธอช่วยหน่อยนะ”

เธอรีบตอบกลับมา “พอมาเลย ถ้าทำได้ ฉันจะทำอย่างเต็มที่แน่นอน”

ผมมองหน้าของเธออยู่อย่างเนิ่นนาน ดึงตัวของเธอมากอดเอาไว้แน่น พยายามสัมผัส และเก็บความรู้สึกแบบนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด การได้อยู่กับคนรักไปตลอดการ แต่ดูเหมือนภาระหน้าที่ที่มันหนักอึ้งอยู่บนบ่า จะไม่ยอมให้ผมทำตามความต้องการของตัวเองได้เลย ชีวิตผมไม่ได้เป็นแค่ของผมคนเดียวอีกต่อไปแล้ว มันต้องใช้เพื่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในโลกใบนี้

ผมกระซิบบอกเธอเบา ๆ “เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะไปรอทำศึกกับราชามารและลูกสมุนของเขาอยู่บนกำแพงเมือง เธอต้องคอยช่วยอยู่ดูแลความปลอดภัยของพี่ใหญ่จ้านหู่กับคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เข้าใจหรือไม่ ยกเว้นว่าป้อมแห่งนี้จะถูกตีจนแตก และต้องหนีออกไปเท่านั้น ไม่อย่างนั้น เธอต้องไม่ออกจากที่นี่ไปเด็ดขาด รับปากกับฉันได้มั้ย?”

“แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งสามจะไม่เหลือแม้แต่ร่างกายให้ทำพิธี แต่พวกเราก็ไม่ควรที่จะละเลยการเสียสละอย่างใหญ่หลวงของพวกเขาไป ฉันอยากจะให้เธอหาที่ ๆ เหมาะสม สร้างเป็นหลุมศพขึ้นมาให้กับพวกเขาทั้งหมดอย่างสมเกียรติหน่อย..มู่จือ..ฉันรักเธอมากเลยนะ แต่ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้กลับมาจริง ๆ ก็อย่าคิดถึงฉันมากเกินไปเลย ลืมฉันไปให้เร็วที่สุดเถิด”

แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าที่ไหล่ของตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเธอที่หลั่งไหลออกมาอย่างมากมายไปหมดแล้ว แต่ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นออกมาสักนิดเดียว เธอน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังต้องรับผิดชอบอยู่ในตอนนี้ดี มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ

“มู่จือ ฉันต้องไปแล้ว ยังต้องเตรียมตัวเองสำหรับการต่อสู้ที่มาถึงในอีก 2 วันให้ได้มากที่สุด เธออยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ ฉันจะพยายามรอดกลับมาให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม”

มู่จือกอดผมเอาไว้แน่นกว่าเดิมขึ้นไปอีก เหมือนกับว่าจะไม่ยอมให้ผมนั้นจากเธอไปไหน ตัวของเธอนั่นสั่นเทิ้มไปหมดแล้ว

“ไม่เอาน่ามู่จือ อย่าทำแบบนี้สิ ทำตามที่ฉันบอกเอาไว้นะ” ผมค่อย ๆ ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของเธอ พยายามไม่มองหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นมากนัก รีบหันให้เธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ส่งตัวเองให้พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด