ตอนที่ 98 ลูกปัดเก็บปราณหยวน
เมื่อครู่นี้ซือเสวี่ยชินเพียงเสแสร้งเท่านั้น โดยเฉพาะการจงใจแสดงให้เห็นการคุกคามของประกายแสง หากนางเจอคนอื่นกลอุบายนี้คงทำสำเร็จ
น่าเสียดายที่ซือเสวี่ยชินมาเจอกับกัวหลินซาน
กัวหลินซานไม่กลัวแม้แต่การจุดเทียนขาวล่อสิ่งแปลกประหลาด แล้วเขาจะกลัวหัวหดเมื่อเผชิญกับซือเสวี่ยชินที่กำลังบาดเจ็บได้อย่างไร
กัวหลินซานทำลายตันเถียนซือเสวี่ยชินด้วยหนึ่งฝ่ามือ ทำให้นางกลายเป็นคนธรรมดาแล้วจับมามัด
ในระหว่างการมัดจี้หยกชิ้นอันหนึ่งบนแขนซือเสวี่ยชินเกิดการสั่นไหว กัวหลินซานรีบถอดมันออกอย่างรวดเร็ว ตามที่เขารู้แล้ว ไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่นั่นก็เป็นพลังที่ซือเสวี่ยชินควบคุม
“ศิษย์น้อง เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากยุ่งอยู่สักพัก กัวหลินซานเดินมาตรงหน้าเฉินเฟย ยื่นจี้หยกอันนั้นให้และถามอย่างสงสัย
“ศิษย์พี่กัว อาจารย์ไม่ได้ท่านมาหาข้าหรือ?” เฉินเฟยมองกัวหลินซานอย่างสงสัยเช่นกัน
“ไม่ใช่ สองสามวันนี้อาจารย์ไม่ได้อยู่ในสำนัก ข้ามีความสุขที่ทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในได้จึงมาหาเจ้า”
กัวหลินซานเกาหัวอย่างสับสน เขาเคยได้ยินที่ตั้งบ้านของเฉินเฟยในเมืองเซียนเมฆาเช่นกัน แต่เพียงพริบตาเดียวเขาก็ลืมมันและจำได้คร่าวๆเท่านั้น วันนี้วิ่งไปมาหลายรอบถึงได้มาเจอ
เฉินเฟยมองกัวหลินซานอย่างตกตะลึง ปรากฎว่าเขามาที่นี่เพื่อแบ่งปันความสุข แต่โชคดีที่กัวหลินซานมาไม่เช่นนั้นวันนี้ซือเสวี่ยชินคงหนีไปได้
จากความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายในวันนี้ หากไม่กักตัวซือเสวี่ยชินไว้ที่นี่ ในวันข้างหน้าคงได้สู้กันแบบไม่รู้จบ
ที่สำคัญคือเฉินเฟยอ่อนแอกว่าซือเสวี่ยชินมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือของซือหยวนไห่จึงเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย หากเฉินเฟยเผชิญหน้ากับซือเสวี่ยชินคนเดียวเขาคงไม่โชคดีแบบนี้
สุดท้ายแล้วท่าร่างซือเสวี่ยชินในสถานะปกติดีกว่าเฉินเฟยมาก ต่อให้เขาอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น เกรงว่าเขาต้องอยู่ภายในสำนักกระบี่แรกเริ่มตลอดไปจนกว่าทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน
“ศิษย์พี่ วันนี้ท่านช่วยชีวิตข้าแล้ว”
เฉินเฟยนั่งลงบนพื้น มองกัวหลินซานแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ระหว่างเจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้”
กัวหลินซานอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ตั้งแต่วันที่เฉินเฟยเต็มใจไปล่อสิ่งแปลกประหลาดด้วยกัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจึงกลายเป็นมิตรภาพเป็นตายอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เองกัวหลินซานจึงแทบรอไม่ไหวที่จะมาแบ่งปันความสุขที่ตัวเองทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในกับเฉินเฟย
แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้มาช่วยเฉินเฟยกำจัดซือเสวี่ยชินโดยไม่ได้ตั้งใจ มันต้องเป็นประสงค์ของเทพแน่นอน
หลังจัดระเบียบลานบ้านที่รกไปหมด ครอบครัวซือหยวนไห่ได้พาเขากลับไปพักผ่อน ส่วนเฉินเฟยกลับไปที่บ้านตัวเองและปลุกฉือเต๋อเฟิงที่หลับอยู่ขึ้นมา
กัวหลินซานยังจับตามองอเสวี่ยชินอยู่ แม้ตอนนี้ฐานฝึกฝนของซือเสวี่ยชินจะถูกทำลายแต่เขายังไม่กล้าประมาท และกังวลอย่างยิ่งว่าซือเสวี่ยชินจะฆ่าตัวตาย นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
เฉินเฟยใช้ยารักษาแผลและฝึกฝนตลอดทั้งคืนเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
สมแล้วที่พลังเจ้าใจต้นกำเนิดเป็นวิชายุทธ์ภายในสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์สำหรับฝึกฝน แต่ยังมีผลสำหรับการรักษาด้วย เดิมทีร่างกายเฉินเฟยแทบพังทลาย แต่รักษาตัวเพียงหนึ่งคืนอาการบาดเจ็บของเขาก็กลับมาคงที่
ตามทิศทางนี้ เฉินเฟยใช้เวลาเพียงสองสามวันก็จะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีผลที่ตาม
ราตรีล่วงลับดวงอาทิตย์ขึ้นตาม เมื่อเฉินเฟยและคนอื่นกำลังพิจารณาว่าจะส่งซือเสวี่ยชินไปที่สำนักหรือรอให้คนมารับตัวนางไป ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“อาจารย์!”
กัวหลินซานลุกขึ้นไปเปิดประตู เมื่อเห็นใครคนนั้นเขาก็ตะโกนอย่างประหลาดใจ
ตอนที่กัวหลินซานออกมาเมื่อคืน เฟิงซิวผู่ยังไม่อยู่ในสำนักและออกไปหลายวันแล้ว
เฟิงซิวผู่พยักหน้า เดินเข้าไปในบ้าน
เฉินเฟยรีบลุกขึ้นทำความเคารพเฟิงซิวผู่
เฟิงซิวผู่พยักหน้า ชำเลืองมองความยุ่งเหยิงในลานบ้านและอาการบาดเจ็บสาหัสของเฉินเฟย เขาพูดพร้อมขมวดคิ้ว “ดูเหมือนอาจารย์จะมาช้าไปหนึ่งก้าว”
“อาจารย์ยังไม่ได้มาสาย พวกเราจับปีศาจสาวคนนั้นได้แล้ว” กัวหลินซานพูดอย่างตื่นเต้นขณะที่กำลังปิดประตูลานบ้าน
“จับได้แล้ว?”
เฟิงซิวผู่หลาดใจเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นเพราะรูปลักษณ์เฉินเฟยในเวลานี้ดูไร้เรี่ยวแรง คาดว่าเมื่อคืนคงบาดเจ็บมากกว่านี้ สถานการณ์นี้นับว่ายังโชคดีที่ไม่ตาย
ตัดสินจากข้อมูลที่เฉินเฟยส่งมาให้ คนคนนั้นอยู่ในระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน ส่วนเฉินเฟยอยู่ในระดับหลอมกระดูก ต่อให้ท้าทายสวรรค์แค่ไหนเขาก็จำเป็นต้องวิ่งหนี
“ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากคนข้างบ้าน”
เฉินเฟยถอนหายใจและอธิบายสั้นๆ
เฟิงซิวผู่ประหลาดใจเมื่อได้ยินวิธีการของซือหยวนไห่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นนักควบคุมความประหลาดเช่นนี้
“พาข้าไปดูคนสำนักเพลิงเทพผู้นั้น” เฟิงซิวผู่พูดเสียงทุ้ม
หลังจากเฟิงซิวผู่กลับมาที่สำนักในตอนเช้านี้ เมื่อเห็นข้อความของเฉินเฟยเขาก็รีบตรงดิ่งมาทันที โชคดีที่ไม่ได้เกิดผลลัพธ์ไม่อาจแก้ไขได้
เดินเข้าไปในห้องหนึ่ง ซือเสวี่ยชินถูกมัดอยู่บนพื้น ในเวลานี้ซือเสวี่ยชินตื่นแล้ว เมื่อได้ยินเสียงคนมานางก็ไม่ได้เคลื่อน เพียงแค่มองไปไกลอย่างว่างเปล่า
ฐานฝึกฝนถูกทำลายและยังถูกจับไว้ที่นี่ ซือเสวี่ยชินได้มาถึงจุดจบแล้ว ดังนั้นซือเสวี่ยชินจึงไม่สนใจสิ่งใดอีกและต้องการฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
แต่โชคไม่ดีที่ซือเสวี่ยชินถูกกัวหลินซานควบคุมไว้ ในเวลานี้นางจึงฆ่าตัวตายไม่ได้
การมัดที่ยุ่งเหยิงของกัวหลินซานใช้งานได้จริง
“อาจารย์ เราจะทำอย่างไรกับปีศาจสาวคนนี้ดี?” เฉินเฟยหันไปมองเฟิงซิวผู
“ข้าจะพานางไปที่สำนักกระบี่เซียนเมฆา” เฟิงซิวผู่คิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบด้วยเสียงทุ้มลึก
สำนักเพลิงเทพทรงพลังและสามารถแข่งขันกับสำนักกระบี่เซียนเมฆาเป็นเวลาหลายปีโดยไม่ถูกกำจัดจนสิ้นซาก ความยากในการรับมือนั้นเหนือจินตนาการ
และสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวไม่จำเป็นต้องทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นหากสำนักเพลิงเทพมุ่งเป้ามาที่สำนักกระบี่เริ่มดวงดาว สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวคงเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่
ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนมากจากที่อื่นมาถึงเมืองเซียนเมฆา สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวได้รับโอกาสในการพัฒนาเช่นกัน นั่นจึงเป็นธรรมดาที่สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวไม่ต้องการให้ปัญหาดังกล่าวมาถึงตัวเองในเวลานี้
“เรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับ อย่าบอกโลกภายนอกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการหาเรื่องเข้าตัว” เฟิงซิวผู่เตือน
“อาจารย์ไม่ต้องกังวล”
เฉินเฟยทั้งสองพยักหน้า เมื่อพบสัตว์ประหลาดเช่นสำนักเพลิงเทพ หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง
“ระวังตัวด้วย”
เฟิงซิวผู่พยักหน้า คว้าตัวซือเสวี่ยชินบนพื้นหายไปในพริบตา เฟิงซิวผู่ต้องการโยนปัญหานี้ไปให้สำนักเซียนเมฆา ในขณะเดียวกันยังไปรับประโยชน์บางอย่างกลับมา
สำนักกระบี่เซียนเมฆาไม่เคยตระหนี่ในเรื่องนี้
เฉินเฟยในระดับหลอมกระดูกยังอ่อนแอเกินไป หากพบกับใครบางคนในระดับขัดเกลาอวัยวะภายในเขาจะตกอยู่ในอันตราย ในเวลานี้โลกมีแต่ความวุ่นวาย เฟิงซิวผู่จึงตัดสินใจไปสำนักกระบี่เซียนเมฆาเพื่อรับสิ่งดีดีมาให้เฉินเฟย
เฟิงซิวผู่จากไป เฉินเฟยและคนอื่นได้มาคุยกันเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกันได้ไปหารือกับซือหยวนไห่และตัดสินใจย้ายออกจากที่นี่
เมื่อคืนมีการเคลื่อนไหวมากมาย หากตรวจสอบอย่างละเอียดอาจพบกับเงื่อนงำบางอย่าง
ในช่วงกลางดึกเมื่อวาน ซือเสวี่ยชินถูกภาพลวงตาของซืออี้หนานสอบสวน พบว่าซือเสวี่ยชินมาที่นี่ด้วยความตั้งใจของตัวเองและไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับคนระดับสูง
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นต้องออกจากไปเช่าที่อยู่ใหม่
ให้ฉือเต๋อเฟิงเปลี่ยนรูปลักษณ์ ไปหาคนกลางและเช่าลานบ้านสองแห่ง
เนื่องจากอยู่ใกล้ใจกลางเมืองเซียนเมฆามากกว่าเดิมมันจึงมีราคาแพงขึ้น โชคดีที่ตอนนี้เฉินเฟยมีทรัพย์สินบางส่วน ในขณะเดียวกันเฉินเฟยได้ออกเงินทั้งหมดให้เพื่อเป็นการขอบคุณซือหยวนไห่สำหรับความเมตตาเมื่อคืนนี้
“พวกเราควรจ่ายเงินค่าเช่าเอง” ซือหยวนไห่มองเฉินเฟยแล้วพูด
“หากเมื่อคืนไม่มีผู้อาวุโส ผู้เยาว์คงตายไปแล้ว เงินเล็กน้อยนี้ไม่ถือว่าเป็นอะไร”
พอพูดจบเฉินเฟยก็หยิบไผ่พันหิมะออกมาแล้วส่งให้ซือหยวนไห่ “ผู้อาวุโสโปรดรับสิ่งนี้คืนด้วย”
“ไม่มีเหตุผลที่ต้องรับของคืน สหายน้อยเก็บเอาไว้เถอะ” ซือหยวนไห่โบกมือด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองผลักให้กันไปมา จนสุดท้ายเฉินเฟยก็ยอมเก็บไว้ หากสุภาพมากเกินไปมันจะกลายเป็นน่าเกลียด
เงินที่เก็บไว้ถูกใช้ไปมากมาย แต่เฉินเฟยตัดสินใจแล้วว่าเมื่อกลับไปที่สำนักในอีกไม่กี่วัน เขาจะไปแลกสูตรโอสถทะยานเนินเขา
อันที่จริงก่อนหน้านี้เฉินเฟยมีความคิดว่าจะพยายามย้อนสูตรโอสถทะยานเนินเขาด้วยตัวเอง
ความปรารถนาที่ต้องการชนะและประสบความสำเร็จทำให้เฉินเฟยดื้นรั้นในเรื่องนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มีสถานการณ์ให้ใช้เงินมากเกินไป เฉินเฟยจึงตัดสินใจที่ว่าจะแลกเปลี่ยนสูตรโอสถทะยานเนินเขาและเริ่มขายโอสถทะยานเนินเขา
แต่จำนวนโอสถทะยานเนินเขาที่ขายไม่อาจเทียบกับโอสถเหนือสามัญได้
ไม่ใช่ว่ามีคนซื้อน้อยหรือราคาสูง แต่เฉินเฟยไม่สามารถรวบรวมสมุนไพรได้เพียงพอเหมือนในเวลานี้
โอสถเหนือสามัญมีแหล่งสมุนไพรมากมายเพราะสมุนไพรเล่านั้นล้วนมีอายุธรรมดา แต่โอสถทะยานเนินเขามีข้อกำหนดอายุขั้นต่ำ
เช่นเดียวกับโอสถเส้นลมปราณที่สมุนไพรหลักต้องมีอายุยี่สิบปี สำหรับสมุนไพรหลักของโอสถทะยานเนินเขาจำเป็นต้องมีอายุอย่างน้อยสิบปี สมุนไพรส่วนเสริมอย่างอื่นล้วนมีข้อกำหนดเรื่องอายุเช่นกันแต่ไม่เหมือนสมุนไพรหลักที่จำเป็นต้องมีอายุสิบปี
เนื่องด้วยข้อกำหนดอายุของสมุนไพรจึงทำให้โอสถทะยานเนินเขามีราคาแพง
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการซื้อสมุนไพรของฉือเต๋อเฟิง ไม่ก็ต้องไปหาจากสมาคมนักหลอมโอสถ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเฉินเฟยแล้วการแลกเปลี่ยนสูตรโอสถทะยานเนินเขามีแต่ข้อดีไร้ซึ่งข้อเสีย
เขาพักฟื้นอยู่ในเมืองเซียนเมฆาอย่างสงบสุข
อาการบาดเจ็บของเฉินเฟยหายเป็นปกติ ในเวลาเดียวกันเฉินเฟยยังไม่ละทิ้งการฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสาม แม้อาการบาดเจ็บจะยืดเยื้อแต่เขายังมีฝีมืออยู่บ้าง
เดิมทีเฉินเฟยต้องการสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสามก่อนจะกลับสำนัก แต่เฟิงซิวผู่ส่งข่าวมาว่าเขาจัดการเรื่องซือเสวี่ยชินแล้วจึงเรียกเฉินเฟยทั้งสองกลับไป
เฉินเฟยทั้งสองไม่รอช้า หลังจากรีบมาถึงประตูสำนักพวกเขาก็ตรงไปที่ลานบ้านเฟิงซิวผู่
“อาจารย์ พวกเราขอเข้าพบ!” กัวหลินซานพูดเสียงดัง
“เข้ามา” เสียงเฟิงซิวผู่ดังขึ้น
เฉินเฟยทั้งสองเข้าไปในลานบ้านและเห็นเฟิงซิวผูนั่งอยู่หน้าโต๊ะหิน ในขณะนี้เขากำลังเล่นกับลูกปัดสีเหลืองอยู่
“รับไป!”
เฟิงซิวผู่มองเฉินเฟย ด้วยการโยนเบาๆลูกปัดได้มาถึงเฉินเฟย เฉินเฟยรับไว้โดยไม่รู้ตัวและหันไปมองเฟิงซิวผู่อย่างสงสัย
“ลูกปัดเก็บปราณหยวน”
เฟิงซิวผู่หยิบถ้วยชาบนโต๊ะหินขึ้นมาจิบและพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้โชคดี ข้าได้รับสิ่งนี้มาจากสำนักกระบี่เซียนเมฆา มันน่าจะช่วยเรื่องการบ่มเพาะของเจ้าได้”
“เยี่ยมไปเลยศิษย์น้อง!” กัวหลินซานพูดอย่างประหลาดใจ
เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะมองลูกปัดในมือ รูปร่างหน้าตาธรรมดาเหมือนกับไข่มุกที่อยู่ในหอย