ตอนที่ 97 เจ็บทั้งคู่
ชั้นน้ำแข็งขยายขึ้นบนข้อเท้าซือเสวี่ยชินจากฝ่ามือขาวซีด ในเวลาไม่นานน้ำแข็งได้ลามมาถึงเข่า
ซือเสวี่ยชินโกรธจนขีดสุดและกำลังจะใช้เลือดลมผลักกรงเล็บออกไป ทันใดนั้นภาพซ้อนทับปรากฏขึ้นต่อหน้าซือเสวี่ยชินซึ่งนางได้เห็นเจ้าสำนักกำลังเดินมาหา
เฉินเฟยซึ่งตัวฝังอยู่ในกำแพงเห็นซือเสวี่ยชินเปลี่ยนไป โดยเฉพาะดวงตานางที่เริ่มปิดลง
“เร็วเข้าท่านปู่ นางดิ้นรนรุนแรงมาก!”
เสียงซืออี้หนานดังตามมา เสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล
ในขณะเดียวกันกรงเล็บประหลาดคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนคอซือเสวี่ยชินและบีบแน่นขึ้น กรงเล็บประหลาดอีกอันถือคมมีดส่องประกายมาจากระบะไกลและพุ่งตรงเข้าหัวซือเสวี่ยชิน
เฉินเฟยออกแรงทั่วร่างดันตัวเองออกจากกำแพง ถอยเท้าขวาหนึ่งก้าวและไปปรากฏตัวต่อหน้าซือเสวี่ยชินโดยถือกระบี่ยาวไว้
หมุนเวียนเคล็ดชำระใจสุดกำลัง โลกทั้งใบหยุดนิ่งชั่วขณะ พลังทั่วร่างกายเฉินเฟยขยายตั้งแต่ปลายเท้าไปจนถึงปลายแขน กระบี่ยาวในมือแทงออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี
ห้ากระบี่!
“เคร้ง!”
เสียงอาวุธปะทะกันดังขึ้น กระบี่ยาวในมือเฉินเฟยแทงเข้ากับดาบโค้ง ปลายดาบปะทะกันจนกระทั่งนิ้วบิดหัก
“พลั่ก!”
ซือเสวี่ยชินเตะหน้าอกเฉินเฟย เฉินเฟยกระอักเลือดออกมาเต็มปากกระเด็นถอยหลังไปชนกำแพงบ้านอย่างแรง
กำแพงลานบ้านพังทลาย เฉินเฟยอยู่บนลานบ้าน
“พรู่ด!”
เฉินเฟยไม่กล้ารอช้า เขาลุกขึ้นยืนทันทีและกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่งจนใบหน้าซีดเซียว
หากเฉินเฟยไม่ใช้โลกกระบี่ดาวประดับราตรีผ่อนแรงลูกเตะนี้ เกรงว่ามันจะไม่ง่ายเหมือนการอาเจียนเลือด กระดูกหน้าอกจะถูกทำลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และอวัยวะภายในอาจถูกบดขยี้
เมื่อเทียบระดับหลอมกระดูกกับขัดเกลาอวัยวะภายใน ทั้งสองระดับต่างกันมากเกินไป มันไม่ใช่ว่าจะสู้ข้ามระดับได้เพียงแค่ต้องการข้ามระดับ
ซือเสวี่ยชินใช้ดาบโค้งปิดทางด้วยสีหน้าเย็นชา กรงเล็บประหลาดที่คอและข้อเท้าถูกทำลายนานแล้ว น้ำแข็งบนตัวถูกทำลายเช่นกัน
หากเสวี่ยชินหนีจากภาพลวงตาได้ไม่ทันเวลา นางคงตายไปแล้ว
สองครั้ง ครั้งก่อนนางเกือบตายเพราะประเมินอีกฝ่ายต่ำไป ครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีผู้ช่วย และผู้ช่วยยังแข็งแกร่งมาก
นี่เป็นเพราะนางมีสมบัติเล็กน้อยอยู่กับตัวจึงตื่นขึ้นได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นหากเป็นนักยุทธ์ขัดเกลาอวัยวะภายในคนอื่นคงได้ตัวเย็นแน่นอนเมื่อเผชิญกับการโจมตีผสานเช่นนี้
“อี้หนาน!”
ซือหยวนไห่กอดร่างหลานสาว ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล เขาคำนวนผิดไป เขาแค่อยากเอาใจเฉินเฟยจึงยอมมาช่วย เพราะสิ่งที่เฉินเฟยแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้คุ้มค่ากับการลงทุน
ในขณะเดียวกันยังถือเป็นตอบแทนสำหรับความประมาทของซืออี้หนานในช่วงบ่าย แต่คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ซืออี้หนานถึงกับถูกสะท้อนกลับมาจนหมดสติไป
“ผู้เฒ่า เจ้าอยู่เฉยดีกว่าแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เมตตา!”
ซือเสวี่ยชินชำเลืองมองซือหยวนไห่อย่างเย็นชา จากนั้นมองเฉินเฟยและค่อยๆเดินเข้าไปหา ตราบเท่าที่เฉินเฟยกล้าวิ่งนางจะโจมตีทันที
ตอนอยู่บนภูเขานางโดนเฉินเฟยลอบโจมตีก่อนจึงทำให้ไล่ตามไม่ทัน
ในเวลานี้อาการบาดเจ็บซือเสวี่ยชินดีขึ้นครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่ว่าท่าร่างเฉินเฟยจะดีแค่ไหนซือเสวี่ยชินก็มั่นใจว่าสามารถฆ่าเฉินเฟยในลานบ้านแห่งนี้ได้
เม็ดเหงื่อเริ่มปรากฏบนหน้าผากเฉินเฟย เฉินเฟยอยากจะหนีใจแทบขาด เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้การวิ่งหนีไม่ใช่เรื่องน่าอาย
แต่ในเวลานี้แรงกดของซือเสวี่ยชินทั้งหมดตกอยู่ที่เฉินเฟย ตราบใดที่เฉินเฟยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาต้องเผชิญต่อจากนั้นอันตราย
แต่ถ้าไม่ขยับ ซือเสวี่ยชินจะเดินเข้ามาใกล้จนพื้นที่ทั้งหมดถูกบีบอัดเล็กลงและสุดท้ายเฉินเฟยต้องตาย ในเวลานี้เลือกได้เพียงจะตายเร็วหรือช้า
เคล็ดชำระใจของเฉินเฟยหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง หัวใจกระสับกระส่ายของเขาสงบลง เฉินเฟยคิดหาวิธีหลบหนีมากมายแต่แล้วก็ปฏิเสธทั้งหมด
ช่องว่างระหว่างทั้งสองมากเกินไป บางครั้งการใช้วิธีบางอย่างก้ไม่อาจลดช่องว่างนี้ได้
“สหายน้อย จากนี้ข้าจะใช้สิ่งต้องห้ามขังนางไว้ เจ้ายังใช้กระบี่ได้อยู่หรือไม่?”
เสียงซือหยวนไห่ดังข้างหูเฉินเฟย เฉินเฟยไม่พูดตอบ เพียงสอดด้ามกระบี่เข้าไปในแขนเสื้อข้างซ้าย เมื่อดึงมันออกมาอีกครั้งกระบี่เล่มใหม่ก็ปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นภาพนี้ซือเสวี่ยชินถึงกับมองอย่างว่างเปล่า นางมองไม่ออกแม้แต่น้อยว่ามันคือวิชาเก็บกระบี่ประเภทใด
“ผนึก!”
ทันใดนั้นซือหยวนไห่ตะโกนเสียงดังและบีบมือปิดไว้ ต่อมามีฝ่ามือหนาทึบปรากฏขึ้นด้านหลังเขา มองแวบแรกจะเห็นไม่ต่ำกว่าร้อยมือ บรรยากาศเย็นเยือกอบอวลไปทั่วลานบ้าน
ครู่ต่อมามือประหลาดเหล่านี้ได้หายไปและปรากฏบนร่างซือเสวี่ยชิน พลังหยินและความเย็นเยือกกระจายไปทั่วร่างซือเสวี่ยชิน บนหน้าผากซือเสวี่ยชินมีน้ำค้างแข็งปรากฏขึ้นเล็กน้อย ครู่ต่อมาทั้งร่างของซือเสวี่ยชินถูกแช่แข็งไว้
ใบหน้าซือหยวนไห่แก่ขึ้นทันใด เขาล้มลงกับพื้นทันที
อายุขัยหมดลง นี่เป็นสุดยอดกระบวนท่าที่จะใช้เมื่อเดินพันด้วยชีวิตและความตายเท่านั้น ซือหยวนไห่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการพลิกผันมากมายขนาดนี้เมื่อเขาลงมือช่วยเพียงครั้งเดียว
บอกได้ว่าเมืองเซียนเมฆาปลอดภัยกว่าที่อื่นมาก แต่หากเจออันตรายมันจะอันตรายกว่าที่อื่นเช่นกัน
แต่ในเวลานี้ซือหยวนไม่มีเวลาให้เสียใจ ตั้งแต่ซืออี้หนานลงมือจนถึงช่วงที่ซือเสวี่ยชินเห็นดวงตาซืออี้หนาน ซือหยวนไห่รู้แล้วว่าตัวเขาไม่มีทางเลือกมากนัก
ซือเสวี่ยชินจะตายหรือครอบครัวเขาจะมีชีวิตรอดต่อไป
เฉินเฟยหายใจเข้าลึก เขาที่กำลังตกใจไปปรากฏตัวตรงหน้าซือเสวี่ยชิน กระบี่ยาวในมือแทงออกไปด้านหน้าทีละชุ่น[1]
ใบกระบี่ส่องแสงแพรวพราว เส้นเลือดบนหน้าผากเฉินเฟยปูดโนนขึ้น เนื้อแขนขวาสั่นระริก ผิวหนังเริ่มแตกเพราะไม่อาจต้านทานการออกแรงสุดกำลังของกล้ามเนื้อได้
เลือดเริ่มไหลซึมจากรูขุมขนทั่วร่าง เพียบพริบตาเดียวเฉินเฟยเหมือนกลายเป็นมนุษย์เลือดซึ่งเห็นแล้วต้องตกตะลึง
หกกระบี่!
สิ่งนี้เกินขีดจำกัดร่างกายในปัจจุบัน ใช้เพียงครั้งเดียวจะถึงขีดจำกัด เมื่อเทียบกับความสิ้นหวังของห้ากระบี่ หกกระบี่เป็นสิ่งที่เฉินเฟยใช้มันด้วยชีวิตตัวเอง
“แกรกแกรกแกรก...”
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย น้ำแข็งบนตัวซือเสวี่ยชินเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ประกายแสงส่องจากบนหัวซือเสวี่ยชิน น้ำแข็งเย็นเยือกละลายลงเหมือนเผชิญกับแสงแดดร้อน
ดวงตาซือเสวี่ยชินจ้องมองที่เฉินเฟย รูม่านตานางเปลี่ยนเป็นสีดำในบางครั้ง เคล็ดชำระใจของเฉินเฟยหมุนเวียนถึงขีดสุดเพื่อต่อต้านการล่อลวงของนาง
แต่พื้นฐานหกกระบี่คือการควบคุมร่างกายถึงขีดสุดด้วยเคล็ดชำระใจ ในขณะนี้เคล็ดชำระใจถูกแทรกแซงจากพลังภายนอก หากเป็นเพียงห้ากระบี่เฉินเฟยยังคงใช้มันได้ แต่ด้วยการใช้หกกระบี่ซึ่งถึงขีดจำกัดจึงทำให้การคเลื่อนไหวกระบี่สั่นคลอน
เฉินเฟยกัดฟันและพบว่าตัวเองไม่อาจควบคุมการเคลื่อนกระบี่ในมือได้ พลังที่รวบรวมไว้บนกระบี่ทำให้กระบี่ส่งเสียงดัง
น้ำแข็งบนตัวซือเสวี่ยชินยังคงละลายอย่างต่อเนื่อง เมื่อประกายแสงนั้นปรากฏต่อหน้าเฉินเฟย เฉินเฟยก็เสียร่องรอยการหมุนเวียนเคล็ดชำใจในดวงตา
เฉินเฟยสาปแช่งอย่างบ้างคลั่งในใจ ตอนที่เจอซือเสวี่ยชินเมื่อไม่กี่วันก่อนยังทำให้นางตกที่นั่งลำบากอยู่ หากในเวลานั้นนางเป็นเช่นนี้ เฉินเฟยคงไม่มีแม้แต่โอกาสทำร้ายนางด้วยซ้ำ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เฉินเฟยจึงสงสัยว่าซือเสวี่ยชินครอบครองสมบัติไว้
“ตึง!”
เฉินเฟยหมุนเวียนเคล็ดชำระใจด้วยการอาศัยความทรงจำในสภาพแวดล้อมปกติแล้วแทงกระบี่ออกไป
เสียงแตกหักดังขึ้น เฉินเฟยฟื้นคืนความแจ่มชัดกลับมาและพบว่าใบกระบี่ในมือแตกหักเหลือเพียงด้ามกระบี่ที่ถือไว้เท่านั้น
ในเวลานี้แขนขวาของเสวี่ยชินที่เชื่อมต่อกับกระดูกสะบักหายไป นางยืนพิงมุมกำแพงด้วยร่างโชกเลือดและจ้องมองเฉินเฟยอย่างเกลียดชัง
แขนถูกระเบิดอย่างสมบูรณ์ แม้วหลังจากนี้จะเชื่อมใหม่ได้แต่ความแข็งกร่งจะได้รับผลกระทบอย่างมาก เกรงว่าแม้แต่ระดับขัดเกลาอวัยวะภายในที่นางเป็นอยู่คงได้ปิดประตูลงและไม่มีโอกาสได้ทะลวงระดับอีกต่อไป
“พรูด”
เฉินเฟยอยากจะเดินไปฆ่าซือเสวี่ยชิน แต่ทันใดนั้นเลือดได้ไหลออกมาเต็มปากและร่างกายเกิดสั่นเทา
หกกระบี่สำหรับเฉินเฟยตอนนี้เป็นภาระมากเกินไป มันหนักมากจนเฉินเฟยแทบหมดแรงโดยเฉพาะในตอนท้ายที่เคล็ดชำระใจได้รับผลกระทบ นั่นเป็นผลให้การเคลื่อนไหวกระบี่ไม่มั่นคงซึ่งทำให้อาการเฉินเฟยแย่ลงไปอีก
“ข้าจะจำพวกเจ้าไว้ มันยังไม่จบแค่นี้แน่!”
ซือเสวี่ยชินยืนขึ้นอย่างโงนเงน ตำแหน่งบาดแผลนางมีประกายส่องแสง แผลขนาดใหญ่ไม่มีเลือดไหลออกมา
ซือเสวี่ยชินเหลือเพียงแขนซ้าย นางลอยไปยังแขนขาดของตนแล้วหยิบแขนนั้นขึ้นมา หันไปมองมองเฉินเฟย กับคนอื่นอย่างไม่พอใจ เมื่อกำลังจะจากไป
“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์น้องเล็กอยู่หรือไม่?” ทันใดนั้นเสียงดังมาจากข้างนอก ใบหน้าเฉินเฟยสดใสขึ้นทันที นั่นคือเสียงของกัวหลินซาน
“ศิษย์พี่กัว ข้าอยู่นี่” เฉินเฟยตะโกนเสียงดัง เฉินเฟยไม่คิดเลยว่ากัวหลินชานจะมาในเวลานี้
แม้เฉินเฟยจะส่งนกพิราบส่งสารกลับไปในตอนกลางวัน แต่มันไม่ได้บันทึกที่อยู่ของเฉินเฟยไว้ เฉินเฟยไม่คิดเลยว่ากัวหลินซานจะหาเขาเจอ
ใบหน้าซือเสวี่ยชินที่เดิมทีซีดอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนของกัวหลินซานดวงตานางก็ยิ่งสิ้นหวังเข้าไปอีก นี่เป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว อีกฝ่ายยังมีคนมาช่วยอีกหรือ
ซือเสวี่ยฉินไม่กล้ารอช้า ประกายแสงไหลไหลอย่างบ้าคลั่ง ซือเสวี่ยชินวิ่งออกไปนอกลานบ้าน
“ศิษย์พี่กัว หยุดนาง!”
เฉินเฟยไม่มีความสามารถในการไล่ตาม ดังนั้นจึงได้แต่ตะโกนเสียงดัง
กัวหลินซานสับสนเล็กน้อย แต่พอเห็นใครบางคนวิ่งออกไปกัวหลินซานจึงเข้าไปหยุดไว้ทันที เมื่อเห็นว่าเป็นสาวสวยแขนขาด กัวหลินซานถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ศิษย์พี่กัว นางเป็นปีศาจสาวจากสำนักเพลิงเทพ ระวังตัวด้วย!” เสียงเฉินเฟยยังดังขึ้นต่อ
ทันใดนั้นท่าทางกัวหลินซานก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง เขามองซือเสวี่ยชินที่อยู่ในสนามโดยเฉพาะประกายแสงจากร่างกายซือเสวี่ยชินทำให้กัวหลินซานรู้สึกถึงภัยคุกคาม
“ปล่อยข้าไปซะ อย่าบังคับให้ต้องตกตายด้วยกัน!” ซือเสวี่ยชินมองกัวหลินซานอย่างเย็นชา
“ปล่อยเจ้าให้โง่น่ะสิ!”
กัวหลินซานเสียงดัง ร่างกายขยายขึ้นเล็กน้อยและพุ่งไปอยู่ตรงหน้าซือเสวี่ยชิน ดาบกว้างฟันโดนดาบโค้งที่ซือเสวี่ยชินยกขึ้นมาป้องกัน
ในเวลาต่อมาซือเสวี่ยชินกระเด็นไปชนกำแพงลานบ้านและล้มลงหมดสติไป
กัวหลินซานกระพริบตาปริบ เขาคิดว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่น่าเศร้า ไม่คิดเลยว่าจะจบลงง่ายเช่นนี้
เมื่อเห็นผลลัพธ์นี้เฉินเฟยจึงรู้สึกผ่อนคลายและล้มตัวลงพื้น สุดท้ายก็จับนางไว้ได้