ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 692 เขตแดนปฐมตำนาน (ฟรี)
การตายของจักรพรรดินีแห่งจักวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์นั้นถือว่าเป็นหายนะของจักรวรรดิระดับสูงทั้งหมด แม้แต่เช่อเชี่ยก็หวาดกลัว และคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ซู่เสี่ยวไปจึงได้ถามต่อ
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น คนที่มาหยุดการตัดขาดนั้นมาจากจักรวาลอื่นที่เหนือกว่าจริงๆ อย่างงั้นหรอ”
เช่อเชี่ยพยักหน้า
“ใช่ พวกเราเรียกสิ่งนั้นว่าจักรวาลหลุดพ้น พวกเขาจะส่งตัวตนพิเศษมาเพื่อป้องกันการตัดขาด ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่จักวรรดิเซี่ยเหมิงก็ยังไม่อาจจะหาใครทัดเทียมได้”
จักรวรรดิเซี่ยเหมิง?!
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับตกใจนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้ เขาได้ยินคำกล่าวถึงจักวรรดินี้มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยสัมผัสกับจักรวรรดินี้จริงๆ สักที
โลกเดิมของเขาก็มีจักรวรรดิที่แข็งแกร่งจนรวบรวมทั้งแผ่นดินเอาไว้ได้ภายใต้ธงผืนเดียว และแผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างไม่รู้จบ และรู้จักกันไปทั่วโลกในนามของจักรวรรดิมองโกเลีย
ซึ่งจักรวรรดิระดับสูงอย่างเซี่ยเหมิงก็เป็นเช่นเดียวกับจักรวรรดิมองโกเลีย พวกเขามีความแข็งแกร่งในเขตแดนที่เหนือจ้าวภัยพิบัติขึ้นไป นั้นคือเขตแดนปฐมตำนาน
ซึ่งเหมือนกับจักวรรดิเซี่ยเหมิง แต่ถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจจะต่อต้านตัวตนจากจักรวาลหลุดพ้นได้
เช่อเชี่ยเริ่มเล่าต่อ
“การจะตัดขาดต้องอยู่เหนือเขตแดนปฐมตำนาน หรือก็คือเขตแดนเหนือตำนาน”
“แต่ความจริงแล้ว เมื่ออยู่ในเขตแดนปฐมตำนานเจ้าเองก็ตัดขาดได้แล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็ใช่ว่าเจ้าจะมีสิทธิ์ตัดขาด”
“หากว่าวันหนึ่งเจ้าเข้าสู่เขตแดนปฐมตำนานได้ ทุกย่างก้าวของเจ้าจะถูกตัวแทนจากจักรวาลหลุดพ้นจับตาดูอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เจ้าทำอะไรตามใจเด็ดขาด และพวกเขานั้นทรงพลังเกินกว่าที่เจ้าจะเข้าใจได้”
“จนถึงตอนนี้แม้ทุกคนจะรู้วิธีการ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำ และไม่มีบันทึกอะไรหลงเหลือเกี่ยวกับการตัดขาดไว้อีกเลย มีเพียงปากต่อปากเท่านั้น”
เช่อเชียอธิบายพร้อมกับจิบชาอย่างใจเย็น น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก
ซู่เสี่ยวไป่ถามต่อทันทีด้วยควาามสงสัย
“แปลว่าสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลหลุดพ้นแข็งแกร่งมากเลยงั้นหรอ? ไม่มีทางที่จะจัดการพวกมันได้เลยจริงๆ อย่างงั้นหรอ?”
แค่จะทำการตัดขาดก็ถึงกับต้องฆ่ากันให้ตาย และใครฝ่าฝืนตายสถานเดียว เป็นตัวตนที่เผด็จการไปแล้ว
เขตแดนภัยพิบัตินั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของพลังที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ และเขตแดนนี้ถูกตัวตนเหล่านี้กดขี่อย่างมาก
แม้สำหรับเขตแดนปฐมตำนาน ก็ยังเทียบไม่ได้กับตัวตนที่มาจากจักรวาลหลุดพ้น เรื่องนี้มันมากเกินไป
“ไม่เลยธรรมดาของจ้าวภัยพิบัติที่ไม่อาจจะต่อกรได้ พวกเขาคือตัวตนที่หลุดพ้นจากทุกสิ่ง ไม่มีอะไรผูกมัดพวกเขาทั้งจักรวาลดินแดนเกิดแหล่งพลังต้นกำเนิด นั้นหมายความว่าวิธีการที่ใช้ฆ่าจ้าวภัยพิบัตินั้นไม่สามารถใช้ได้กับตัวตนแบบนั้นเหตุผลที่พื้นที่เก่าแก่ยังคงอยู่มาได้ถึงตอนนี้ เพราะความตั้งใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการตัดขาด และตั้งมั่นอยู่ในเจตจำนงนี้”
เช่อเชียพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูขึงขังขึ้น
“ดังนั้นถ้าเจ้าเข้าใจแล้ว ว่าตัวตนจากจักรวาลหลุดพ้นแข็งแกร่งขนาดไหน เพื่อความอยู่รอดของพื้นที่เก่าแก่ต่อไป ก็จงอยู่ในเจตจำนงนี้ด้วย”
“ในทางกลับกัน เราก็ต้องอยู่ในกรงที่รอให้จักรวาลนี้หมดอายุขัยและตายไปพร้อมกัน แบบนี้ก็ไม่ต่างจากรอความตาย”
ซู่เสี่ยวไป่พบช่องโหว่ของเรื่องนี้และเถียงขึ้นทันที
เช่อเชี่ยยิ้มอย่างสมเพชก่อนที่จพูดขึ้น
“เจ้ามันไร้เดียงสา ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก”
“ทันทีที่มีคนพยายามจะตัดขาด จะไม่มีอะไรปกป้องเขาได้อีกต่อไป และในขณะเดียวกันตัวตนเหล่านั้นก็จะรู้ถึงการคงอยู่ของคนผู้นั้น และจะถูกสังหารในทันที”
“สรุปแล้ว การตัดขาดไม่มีวันเกิดขึ้นได้ และไม่มีทางฝ่าฝืนเจตจำนงนี้ได้”
สรุปแล้วไม่มีทางเลยที่สิ่งมีชีวิตในจักรวาลแห่งนี้จะตัดขาดได้ และต้องตกอยู่ใต้เงาของจักรวาลหลุดพ้น
นี้คือสิ่งที่เช่อเชียคิดเอาไว้นานแล้ว และต้องการจะห้ามปรามซู่เสี่ยวไป่ ให้ล้มเลิกความคิดที่จะตัดขาด
แต่มันกลับได้ผลตรงกันข้ามแทน
ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่ยิ่งอยากที่จะตัดขาดมากกว่าเดิมเสียอีก
ความเสี่ยงนี้พอที่จะทำให้ซู่เสี่ยวไป่ท้าทายมัน สำหรับเขาแล้วการเป็นอมตะเป็นความฝันที่เขาต้องการ
ในเมื่อคนก่อนหน้านี้ยังทำไม่ได้ นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ได้
เมื่อเช่อเชี่ยได้บอกทุกอย่างการประชุมครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง และทุกคนต่างแยกย้ายกันไป
ในการประชุมนี้ซู่เสี่ยวไป่ได้รับผลึกต้นกำเนิดมาจำนวนมากเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เขาจะเลิกบุกจักรวรรดิระดับสูงทั้งหมด และเมื่อรวมกับผลึกที่ได้มาจากการขายอาวุธสะเทือนดินแดน มันมากพอที่เขาจะเพิ่มระดับระบบครั้งใหญ่อีกครั้ง
“ระบบทำการเพิ่มระดับ”
“-พื้นที่การผลิตยักษ์เพิ่มระดับของอาวุธที่สร้างขึ้นได้ดีขึ้น-”
“-พื้นที่ออกล่าสัตว์อสูรได้จำนวนเงาเพิ่มเป็น 100 ล้านร่าง และได้ความสามารถเสริมใหม่ *กลยุทธ 4*-
“-*กลยุทธ 4* ทำให้เงาสามารถใช้ความสามารถของระบบบางอย่างได้เหมือนกับร่างต้น และเสริมพลังได้มากขึ้น-”
“-พื้นที่ฝึกฝนได้รับการเพิ่มระดับและปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเก่า ศิลากาลเวลาถูกซ่อมแซมมากขึ้นเป็น 97 จุด-”
แล้วความแข็งแกร่งของมู่เหลียงก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และใกล้เป็นจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 แบบเต็มตัว
แม้ว่าพลังจะเพิ่มขึ้นมาแล้วก็ตาม ซู่เสี่ยวไป่ก็ยังไม่หยุด และมีแผนการที่จะขยายอำนาจต่อไปในอนาคต
เขาได้ลงทุนไปกับการพัฒนาอาณาจักรหนึ่งปฐพีอย่างมาก ทำให้อาณาจักรดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เหล่าอัจฉริยะจากโลกของเขา ได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น และความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาทั้งหมดก็รวดเร็วจนเกินกว่าที่จะอธิบาย
ทุกวันจะมีจ้าวภัยพิบัติเกิดขึ้นตลอด
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้เกิดจากพื้นฐานที่ต่ำกว่าแล้วจะอ่อนแอ พวกเขาเพียงขาดทรัพยากรเท่านั้น หลังจากที่ซู่เสี่ยวไป่ได้จัดหาทุกอย่างให้พอเพียงกับความต้องการของทุกคน มันก็ได้สร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งขึ้น
ตั๋นไทไป่เฮ่านั้นภายใต้การสั่งสอนจากสองมังกรจากยุคเก่าแก่ ก็เติบโตขึ้นมาอย่างดี และก้าวหน้าอย่างมาก เธอสามารถเชี่ยวชาญวิชาระดับภัยพิบัติได้ง่ายดาย อีกทั้งมีความเข้าใจที่มากกว่าใครทั้งหมด และสามารถซ่อมแซมศิลากาลเวลาได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งมันทำให้ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกว่าตัวเองนั้นอ่อนด้อยกว่ามาก
“หือ…ทำไมลูกสาวของเราถึงบรรลุเส้นทางสู่สวรรค์นับพันได้ในเวลาสั้นๆ แบบนี้กันนะ”
ซู่เสี่ยวไป่แม้จะบ่นแต่ก็ลูบหัวของลูกสาวไปตลอด ด้วยความเอ็นดู และรู้สึกว่าเด็กน้อยตัวสูงขึ้นมาอีกแล้ว
กลายเป็นว่าตั๋นไทไป่เฮ่าได้สืบสายเลือดจากผู้กลับมาจุติ ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนนั้นมากกว่าคนทั่วไป และบ่งชี้ว่าเธอนั้นมาจากส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของซู่เสี่ยวไป่ที่มีระบบช่วยเหลือในการฝึก ทำให้เธอมีความเข้าใจที่เหนือกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นอย่างแปลกพิศดาน
สำหรับจื่อหยานผู้เป็นสหายของหลิงทิงหลังจากได้เลื่อนเขตแดนสู่เขตแดนภัยพิบัติเธอก็ปิดด่านฝึกฝนต่อเนื่องทันที และประกาศบอกทุกคนว่าหากเธอไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนภัยพิบัติขั้น 5 ได้เธอจะไม่ออกจากการฝึกฝน
เหล่าผู้รอดตายจากนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพเองก็ฝึกกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน เพื่อที่จะฟื้นฟูนิกายของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ซู่เสี่ยวไป่เองก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร และสนับสนุนพวกเขาไปจนสุดทาง