นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 80 - เรื่องวุ่นวายในหอสมุด
ถึงแม้ว่าเสียงเคาะของเขาจะไม่ได้ดังมากนัก แต่ด้วยความที่ทั้งหอสมุดนั้นค่อนข้างเงียบ มันจึงทำให้เสียงนั้นฟังดูกังวานก้องไปทั่วเลยทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าในหอสมุดแห่งนี้จะเป็นเขตปลอดเสียง แต่มันไม่ได้รวมถึงตรงเคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่ตรงนี้เลย
หญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่สะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด เธอค่อย ๆ ปิดหนังสือเสมือนนั่นลง และปัดมันออกไปข้าง ๆ โดยไม่คิดที่จะเงยหน้าขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว แน่นอนว่า เธอกำลังปรับอารมณ์ และสีหน้าท่าทางของตัวเองอยู่ เพราะตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมาในที่สุดนั้น รอยยิ้มพิมพ์ใจที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้ก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าแล้ว พร้อมกับเอ่ยทักทายอย่างอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการ..” เสียงของเธอหยุดลงตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยค รอยยิ้มนั้นหายไปในพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อเธอเห็นอย่างเต็มตาว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงกลายเป็นเย็นชาอย่างที่สุด “นายต้องการอะไร?”
ก่อนที่จะยื่นมือออกไปคว้าหนังสือเสมือนกลับมาเปิดอ่านอีกครั้ง เมินเฉยต่อเดวิดอย่างสิ้นเชิง อีกครั้ง!!
ความกังวลเดียวของเจ้าหน้าที่หญิงคนนี้ คือมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่ามาตรวจสอบการทำงานของเธอเท่านั้น และครั้งสุดท้ายมันก็เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้ระยะนี้เธอค่อนข้างจะตื่นตัวเลยทีเดียว การอ่านหนังสือที่ตามปกติแล้วหนังเรียนคนอื่น ๆ ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อมันไปแบบฟรี ๆ นี้ ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว มันเป็นผลประโยชน์ของการมานั่งทำงานอยู่ตรงนี้ แต่การที่เธอมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับหนังสือ ไม่สนใจสภาพรอบข้างเลยต่างหาก ที่มันอาจจะสร้างปัญหาขึ้นมา ถ้าถูกรบกวนระหว่างการอ่าน มันจะทำให้เธออารมณ์เสียเป็นอย่างมาก และเธอกลัวว่าจะหลุดปากอะไรไม่ดีออกไปโดยไม่ทันคิดมากกว่า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ถ้าคนที่เธอระบายอารมณ์ใส่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า
เดวิดยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการกระทำของเธอแม้แต่น้อย ปากของเขาเผยอยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ ๆ ออกไป “คุณแน่ใจนะ ว่าจะทำเป็นไม่สนใจผมแบบนี้? ในตอนนี้?” น้ำเสียงนั้นฟังเหมือนกำลังขู่เธออยู่เล็กน้อย
นั่นทำให้เธอยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยความโมโหโกรธา “แน่ใจ! แน่ใจมากด้วย! ฉันไม่สนใจนายแล้วมันจะเป็นอะไร?” คำพูดของเธอยาวพรืดออกมารวดเดียวทั้งหมด น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวกว่าที่เคย และเมื่อเห็นว่าเดวิดเงียบเสียงลงไป เธอก็ทรุดตัวลงนั่ง และให้ความสนใจกับหนังสือตรงหน้าอีกครั้ง ไม่สนใจกับเรื่องไร้สาระของเดวิดอีก
แต่เธอก็ต้องหูผึ่ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เดวิดกล่าวออกมา “ไม่เป็นไร! ผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่พวกคนที่อยู่ข้างหลังโน่น ผมไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าเขาจะว่าอะไรหรือเปล่า?”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองตามสัญชาตญาณทันที ปากก็ยังบ่นออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เขาเป็นใคร? ทำไมฉันจะต้องสน..” เป็นอีกครั้งที่เธอพูดไม่จบประโยค แต่คราวนี้ตาของเธอเบิกกว้างขึ้น ก่อนจะเริ่มทำตัวเป็นทางการทันที เก็บหนังสือเข้าไปในป้ายประจำตัวอย่างเรียบร้อย ยืดตัวนั่งหลังตรง รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้ง แม้ว่ามันจะดูออกว่าเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้ง แต่มันก็ทำให้เธอดูสวยขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกเขายืนกันอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหนแล้ว?” น้ำเสียงที่ถามออกมานั้นอ่อนหวานน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง
เดวิดยืนกอดอกซึมซับกับบรรยากาศของชัยชนะเล็ก ๆ นี้อยู่เงียบ ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
‘เฟรต้า’ หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันของตัวเองเอาไว้แน่น พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้หลุดปากพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่ของตัวเองออกมา หางตาของเธอยังเห็นว่าพวกเขายังยืนอยู่ที่เดิม มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะก่อเรื่องต่อหน้าพวกเขา
แม้ว่าจะกำลังกัดฟันอยู่ เธอก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานอีกครั้ง “เอาล่ะ ไม่ทราบว่าคุณต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ?”
“อืม! ต้องแบบนี้สิ ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย!” รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นกว่าเดิมมาก มันแสดงออกถึงการเยาะเย้ยอย่างเต็มที่
เดวิดไม่ได้เดินเข้ามาที่นี่เพื่อหาเรื่องยุ่งยากให้เธอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันคงต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว หากเขาจะสุ่มหาหนังสือที่ต้องการโดยไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง มันเป็นทางเลือกเดียวที่เขาเหลืออยู่แล้วเช่นกัน ที่ต้องเข้ามาขอคำแนะนำจากเธอ
ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจัง “ผมอยากหาหนังสือที่เกี่ยวกับปัญหาที่สไปรเยอร์ต้องเจอระหว่างการฝึก และวิธีการแก้ปัญหา เพื่อนผมน่าจะมีปัญหาในการฝึกฝนนิดหน่อย เลยวานให้ผมมาช่วยหาหนังสือไปให้เขา”
เจ้าหน้าที่สาวยังนั่งนิ่ง เหมือนกับเธอตัวแข็งไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าเธอกำลังกลั้นความขำเอาไว้อยู่ เพราะหลังจากนั้น เธอก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างรุนแรง จนต้องยกมือขึ้นมากุมท้องเอาไว้ทีเดียว
สีหน้าของเดวิดนั้นเหวอไปในทันที ไม่คิดว่ามันจะเกิดอะไรอย่างนี้ขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี? ‘ทำไมเธอถึงได้หัวเราะออกมา? มันไม่เหมือนกับการแกล้งทำเลยด้วย’
เขาได้แต่ยืนทำหน้าโง่ ๆ อยู่ตรงนั้น รอให้เธอใช้เวลาไปกับการหัวเราะอย่างเต็มที่ ซึ่งกินเวลาไปสักพักเลยทีเดียว
หลังจากที่ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองแล้ว เฟรต้าที่ยังหัวเราะคิก ๆ อยู่ก็เอ่ยออกมา “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ คุณพอจะระบุอาการของ ‘เพื่อน’ ให้ฟังชัด ๆ ได้หรือไม่?” หลังจากเน้นคำว่าเพื่อนออกมาอย่างชัด ๆ แล้ว เธอก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ ไม่ให้หลุดขำออกมาอีก
ถ้าเดวิดยังไม่รู้ตัวว่าเธอขำเรื่องอะไร เขาก็ควรจะเอาหัวไปโขกกำแพงเล่นได้แล้ว หลังจากที่พยายามทำหน้าตาให้เฉยเมยที่สุด เขาก็เอ่ยถามออกไป “คุณรู้ว่าผมใช้เพื่อนเป็นข้ออ้างอย่างนั้นหรือ?”
นั่นทำให้เธอหลุดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
หลังจากควบคุมตัวเองได้แล้ว เฟรต้าก็เอ่ยขึ้นมา “ถ้าจะหาข้ออ้างอะไร คราวหน้าก็ให้มันแนบเนียนกว่านี้หน่อย ‘เพื่อน’ เป็นข้ออ้างที่งี่เง่าที่สุดในโลกแล้ว” แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักต่อไปอีก เผยให้เห็นความสวยงามตามธรรมชาติออกมาอย่างเต็มที่ จริง ๆ แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักคนหนึ่งเลยทีเดียว ผมตรงยาวสลวยสีดำ ดวงตาคู่โตที่ดำขลับและมีประกายราวกับเป็นอัญมณี คิ้วยาวที่ดกดำราวกับวาดขึ้นมา ริมฝีปากที่เข้ารูป และรอยลักยิ้มที่น่ารักนั่น รวม ๆ แล้วใบหน้าของเธอนั้นสวยงามราวกับงานศิลปะชั้นดีชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว พอได้มองดูอย่างชัดเจน เดวิดก็ตะลึงไปไม่น้อยเหมือนกัน
เขาต้องกระแอมออกมาเพื่อแก้เขินเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสนใจข้ออ้างอะไรนั่นแล้วก็ได้ ถือว่าช่วยให้คุณสนุกไปครั้งหนึ่งก็แล้วกัน ได้โปรดชี้ทางให้ผมไปหาหนังสือที่ต้องการด้วยครับ ผมกำลังรีบอยู่พอสมควร” เขารีบขอร้องออกไปอีกครั้ง การถูกผู้หญิงสวย ๆ หัวเราะเยาะใส่ ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจ และน่าจะอยู่คุยต่อเลย
ยังมีเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ จากเฟรต้า “นี่มันก็นานแล้วที่ฉันไม่ได้หัวเราะอย่างนี้ ฉันจะให้รางวัลนายก็แล้วกัน บอกปัญหาออกมาตามตรง แล้วฉันจะบอกวิธิแก้ให้”
เดวิดลังเลอยู่ไม่น้อย ว่าเขาควรจะบอกออกไปตามความจริงหรือไม่ “ผมไม่แน่ใจว่าควรจะบอกคุณดีหรือไม่ แล้วอีกอย่าง ผมจะรู้ได้ยังไง ว่าคุณสามารถช่วยผมได้?”
เฟรต้ากลอกตาของเธอขึ้นมองเพดาน ก่อนจะมองหน้าเดวิดนิ่ง ๆ “ฉันอยู่ในสถาบันแห่งนี้มา 3 ปีแล้ว มั่นใจว่าเจอปัญหามามาก จนน่าจะครอบคลุมถึงสิ่งที่นายกำลังประสบอยู่แน่ ๆ ถ้าฉันเดาไปผิด นายเป็นนักเรียนใหม่ใช่มั้ย นั่นยิ่งทำให้ฉันมั่นใจ ว่าสามารถปัญหาของนายได้แน่”
เธอยังยกมือขึ้นตอบหน้าออกเพื่อแสดงความมั่นใจออกมาอีกครั้ง “แล้วฉันก็มีใบอนุญาตในการให้คำปรึกษาด้วย นายน่าจะรู้ ว่าตามปกติแล้ว การขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนด้วยซ้ำ”
สายตาของเดวิดยังคงสับสนอยู่ เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าควรจะเชื่อเธอดีหรือไม่ และในที่สุด เขาก็ตัดสินใจว่าจะลองเสี่ยงดู
.............
ห่างจากเคาน์เตอร์ที่เดวิดกับเฟรต้ากำลังคุยกันเยื้องไปทางด้านหลัง มีกลุ่มคน 5 คนกำลังนั่งปรึกษากันอยู่ตรงมุมนั้น เอ่ยปากพูดคุยกันบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว สายตาของทั้งหมดกำลังจ้องไปทางเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่นั่นเกือบตลอด
ชายวัยกลางคนที่มีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ กล่าวขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ พวกคุณพูดออกมาอย่ามั่นใจ ว่าเฟรต้าไม่เหมาะสมกับการทำหน้าที่ในหอสมุดนี้ ไม่ให้ความสนใจกับผู้ที่มาติดต่อ และไม่เคยให้คำแนะนำที่เหมาะสมเลย และขอให้ผมมาที่นี่เพื่อเป็นพยาน แต่!.” ความหมายที่ ‘ศาสตราจารย์กรีนสโตน’ กล่าวออกมานั้นชัดเจน แม้ว่ามันจะยังไม่จบประโยค เพราะสายตาของเขากำลังมองเฟรต้าที่พูดคุยอยู่กับเดวิดอย่างยิ้มแย้ม
หลังจากนั้น เขาก็ต่อประโยคของตัวเองอีกครั้ง “แต่จากสิ่งที่ผมเห็นในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีนะ ผมไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอย่างที่พวกคุณกล่าวเอาไว้เลย”
ก่อนที่จะจ้องไปยังผู้หญิงคนเดียวที่นั่งอยู่ในกลุ่ม “พวกคุณกำลังทำให้ผมเสียเวลามากรู้มั้ย? ปกติผมก็ไม่ได้มีเวลามากมายอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเสียมันไปแบบเปล่าประโยชน์เพราะพวกคุณอีก หรือพวกคุณคิดว่าคะแนนจีโนเล็กน้อยที่ส่งมาให้ผม มันจะสามารถทดแทนกันได้?”
‘คนเลวเอ้ย! 50,000 คะแนนจีโนแล้ว แกยังเรียกมันว่าเล็กน้อยอีกหรือไง’ สาวสวยเยาว์วัยคนนั้นได้แต่สาบแช่งอยู่ในใจเท่านั้น แต่ภายนอกกับรีบลุกขึ้นแสดงความเสียใจออกมาทันที “ศาสตราจารย์กรีนสโตน ฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นจริง ๆ ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรเหมือนกัน แต่คิดว่าเฟรต้าน่าจะสังเกตเห็นพวกเราแล้ว และกำลังแสดงละครให้พวกเราดูอยู่ ดูรอยยิ้มนั่นสิคะ มันดูเสแสร้งจะตายไป” สายตาของเธอที่จ้องไปทางเฟรต้านั้น เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เธอเป็นอีกคนที่ยื่นสมัครเพื่อทำงานในหอสมุดแห่งนี้ ตอนที่มันมีการเปิดรับสมัครขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่มีแค่เธอกับเฟรต้าเท่านั้น นักเรียนผู้หญิงทุกคนที่มีหน้าตาและบุคลิกดี ต่างก็สมัครเพื่อแย่งชิงตำแหน่งนี้กันทั้งนั้น และเฟรต้าก็โชคดีที่ได้ตำแหน่งนี้ไปครอง สาเหตุก็มาจากลักยิ้มที่น่ารัก และสร้างความประทับใจให้กับทุกคนเท่านั้นเอง ไม่ได้มีคุณสมบัติอื่นอะไรอีกเลย อย่างน้อย..ก็ในความคิดของ ‘เบรนด้า’