ตอนที่ 96 คาดดาบยามดึก
เฉินเฟยได้ยินเสียงดังมาจากลานบ้านด้านข้าง เขาใช้มีดสั้นหยิบไผ่พันหิมะแล้วหันไปมองฉือเต๋อเฟิง
“ข้าเคยได้ยินชื่อมัน แต่ยังไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน”
ฉือเต๋อเฟิงมองไผ่พันหิมะในกล่องและขมวดคิ้วพูด “หากเป็นไผ่พันหิมะจริง ผลที่มีจะเป็นไปตามที่เขาพูด ไผ่พันหิมะนี้ลำค้ามาก คนธรรมดายากที่จะได้พบมัน”
เฉินเฟยพยักหน้าและห่อทั้งกล่องด้วยหนังกวาง เฉินเฟยติดสินใจว่าพอกลับไปที่สำนักแล้วจะลองไปถามเฟิงซิวผู่ดูว่ามันมีปัญหาหรือไม่
ในขณะเดียวกันเฉินเฟยก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉือเต๋อเฟิงฟัง
“นั่นดูไม่เหมือนวรยุทธ์เลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืออะไร?” เฉินแฟยถามเสียงต่ำ
ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาของซืออี้หนานหรือมือประหลาดนับสิบของซือหยวนไห่ พวกมันล้วนแตกต่างจากวรยุทธ์ทั่วไป นั่นทำให้เฉินเฟยอยากรู้อย่างยิ่ง
ฉือเต๋อเฟิงขมวดคิ้วพยายามนึกถึงตำราที่เคยอ่าน จากนั้นดวงตาเขาเป็นประกายขึ้น
“ในตำราโบราณมีบันทึกคนประเภทหนึ่งไว้ พวกเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อฝึกยุทธ์และไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ ในทางกลับกันคนเหล่านี้จะจับสิ่งแปลกประหลาดผนึกไว้ในร่างกายและควบคุมความประหลาดใช้ในการต่อสู้”
“ควบคุมความประหลาด?”
เฉินเฟยตกใจ สิ่งแปลกประหลาดกับมนุษย์เป็นสองด้านที่ตรงกันข้ามกัน ตราบใดที่สัมผัสกันผลลัพธ์สุดท้ายคือฝ่ายหนึ่งต้องตาย
ในเวลานี้มีใครบางคนสามารถจับสิ่งแปลกประหลาดมาผนึกไว้ในร่างกาย เรื่องนี้ค่อนข้างลมล้างความรู้ความเข้าใจของเฉินเฟย
“ใช่ ควบคุมความประหลาด แต่การตวบคุมสิ่งแปลกประหลาดมีจำกัด นอกจากข้อกำหนดของร่างกายแล้ว โดยทั่วไปจะมีอายุขัยไม่มาก” ฉือเต๋อเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
“เพราะสิ่งแปลกประหลาดหรือ?”
“ถูกต้อง!”
ฉือเต๋อเฟิงพยักหน้า “เพราะพวกเขาผนึกสิ่งแปลกประหลาดไว้ในร่างกายตัวเองและปล่อยมันเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู การใช้สิ่งนี้จะเป็นภาระต่อร่างกายนัก และพวกเขาไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ เนื้อแท้เป็นเพียงคนธรรมดา เช่นนั้นจะแบกรับความสูญเสียเช่นนี้ได้อย่างไร”
ฉือเต๋อเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าสุดท้ายสิ่งแปลกประหลาดเหล่านั้นจะฉีกร่างพวกเขาและกลืนกินเจ้าของร่าง”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว นี่เป็นเส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับ แต่เมื่อเฉินเฟยนึกถึงลักษณะของซืออี้หนานและซือหยวนไห่พวกเขาไม่ได้ดูทรุดโทรมแม้แต่น้อยโดยเฉพาะซือหยวนไห่ที่ดูค่อนข้างแก่ เขาไม่เหมือนคนที่กำลังจะตาย
ฉือเต๋อเฟิงนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่และอดยิ้มไม่ได้ “สิ่งที่ข้ารู้ล้วนมาจากตำรา ไม่แน่ว่าคนที่เขียนตำราอาจมีความรู้เพียงครึ่งเดียว บางทีวิธีควบคุมความประหลาดอาจพัฒนาขึ้นก็ได้”
เฉินเฟยพยักหน้าและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
สิ่งที่เฉินเฟยคิดในเวลานี้คือหากพบศัตรูแบบนี้ในอนาคต เขาจะจัดการอย่างไร
อีกฝ่ายปล่อยสิ่งแปลกประหลาดออกมาได้ ตามจริงแล้วสิ่งนี้ยังพูดได้ว่าไม่เท่าไหร่ เช่นมือประหลาดที่ซือหยวนไห่ปล่อยออกมา เฉินเฟยยังมีวิธีจัดการมัน
แต่การลากเข้าภาพลวงตาได้โดยไม่รู้ตัวไม่อาจเข้าใจได้เลย แม้ก่อนหน้านี้เฉินเฟยจะหมุนเวียนเคล็ดชำระใจและหลุดจากภาพลวงตาได้ แต่มันยังช้าเกินไป
วิธีของซืออี้หนานยังมีข้อจำกัดดังนั้นเฉินเฟยจึงเห็นจุดบกพร่อง แต่ถ้าเป็นนักควบคุมความประหลาดคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่านี้ล่ะ เฉินเฟยจะหลุดออกมาได้เร็วแบบนี้หรือไม่?
“จำเป็นต้องพัฒนาเคล็ดชำระใจเช่นกัน ต้องลองไปดูที่หอตำราสำนัก บางทีอาจได้รับอะไรบางอย่าง” เฉินเฟยคิดในใจ
ตกกลางคืน ลานบ้านเงียบสงบอีกครั้ง
เฉินเฟยนั่งสมาธิอยู่ในห้อง หมุนเวียนพลังเข้าใจต้นกำเนิดไปเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขามุ่งมั่นอยู่กับการบ่มเพาะ เมื่อรู้ว่าบ้านด้านข้างเป็นนักควบคุมความประหลาดเฉินเฟยจึงเริ่มระวังตัว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงจิตมุ่งร้ายก็ตาม
“ครั้งก่อนฉือเต๋อเฟิงบอกว่าพวกเขาเจอสิ่งแปลกประหลาดในระหว่างทางมาเมืองเซียนเมฆา ไม่รู้ว่าเวลานักควบคุมความประหลาดเจอสิ่งแปลกประหลาดจะใช้วิธีเหล่านั้นได้ดีหรือไม่”
เฉินเฟยคิดอยู่ในใจ ความคิดยังคงหมุนเวียนอยู่ในใจ แต่มันไม่ส่งผลต่อการฝึกวิชายุทธ์
ทันใดนั้นเฉินเฟยหยุดฝึกฝน ลืมตาขึ้นมองออกไปนอกบ้าน
เมื่อครู่นี้เฉินเฟยรู้สึกถึงลมปราณจากนอกบ้าน มันรวดเร็วมากและลมปราณยังเบาบางอย่างยิ่ง นั่นทำให้ผู้คนคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตา
เฉินเฟยขมวดคิ้ว ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ เปิดประตูและมองออกไปนอกบ้าน
ดวงจันทร์สว่างไสวดวงดาวดูเบาบาง ลานบ้านของเฉินเฟยค่อนข้างห่างไกลจากเมืองเซียนเมฆา ในเวลานี้ถนนด้านนอกจึงเงียบสงบ นอกจากเสียงร้องของแมลงบางชนิด โลกนี้จึงดูเงียบสงัด
เฉินเฟยเดินออกจากบ้านมองไปรอบด้าน ไม่พบอะไรผิดปกติ มีเพียงลมเย็นของคืนฤดูร้อนที่พัดผ่านและทำให้ผู้คนง่วงนอน
“ตึง!”
เฉินเฟยเดินโซเซล้มลงพื้นและส่งเสียงเหมือนหลับสนิท
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สองร่างปรากฏตัวที่ลานบ้าน มองเฉินเฟยซึ่งนอนสลบอยู่บนพื้น
“ศิษย์พี่หญิง ดูแล้วน่าจะเป็นนักหลอมโอสถธรรมดาเหมือนกัน”
ปี้หลันชำเลืองมองเฉินเฟย หลังจากใช้ธูปสวลายวิญญาณเล็กน้อย นักหลอมโสถระดับหลอมกระดูกตัวน้อยก็ล้มลงทันที อย่างไรแล้วธูปตัดวิญญาณก็มีผลน่าอัศจรรย์ซึ่งแม้แต่ระดับขัดเกลาอวัยวะภายในยังไม่อาจต้านทาน ดังนั่นนี่จึงเป็นเรื่องปกติ
ซือเสวี่ยชินไม่พูดและจ้องมองใบหน้าเฉินเฟย
ที่คฤหาสน์ตระกูลจ้าวในวันนี้ ซือเสวี่ยชินรู้สึกคุ้นเคยกับเฉินเฟยเล็กน้อย หลังส่งคนไปตรวจสอบก็พบว่าเฉินเฟยเป็นศิษย์สำนักกระบี่เริ่มดวงดาว
เมื่อนึกถึกระบี่เริ่มดวงดาว ซือเสวี่ยชินก็นึกถึงคนที่นางพบในคืนนั้นซึ่งอยู่ในระดับหลอมกระดูกเช่นกันและเกือบฆ่านางได้
นั่นเป็นช่วงเวลาที่ซือเสวี่ยชิยใกล้ชิดความตายมากที่สุด นางถือว่าอีกฝ่ายเป็นเหยื่อแต่สุดท้ายนางเกือบโดนเหยื่อฆ่าซะเอง เรื่องนี้ทำให้ซือเสวี่ยชินเกิดความประทับใจอย่างลึกซึ้ง
ผ่านไปหลายวันอาการบาดเจ็บที่หน้าอกก็ยังไม่ดีขึ้น ทุกครั้งที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านางต้องกัดฟันทนเจ็บ
“ใบหน้าเขาเป็นของจริงหรือปลอม?”
ซือเสวี่ยชินหันไปถามปี้หลัน นางไม่รู้วิธีปลอมตัวและมักจะใช้หน้ากากหนังมนุษย์ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถบอกได้ว่าคนอื่นปลอมตัวอยู่หรือไม่
ซึ่งตรงข้ามปี้หลาน การปลอมตัวนั้นยอดเยี่ยมจนมาถึงจุดที่มองครั้งเดยวก็รู้ว่าปลอมตัวมาหรือไม่
“หน้าจริง” ปี้หลานชำเลืองมองแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
ซือเสวี่ยชินจำใบหน้าในคืนนั้นได้ มันแตกต่างจากใบหน้าที่อยู่ตรงหน้านางอย่างสิ้นเชิงและรูปร่างยังไม่เหมือนกัน ในเวลานี้ซือเสวี่ยชินเพียงไม่มั่นใจว่าใบหน้าที่นางเห็นเป็นของจริงหรือไม่
“ศิษย์พี่หญิง ท่านจะทำอย่างไรกับเขา? จับเขามัดแล้วเอาไปทรมาณหรือไม่?” ปี้หลันถาม
“ไม่ต้อง ฆ่ามันซะ”
ซือเสวี่ยชินส่ายหน้าพูดอย่างเย็นชา แม้จะไม่มั่นใจว่าเป็นคนในตอนนั้นหรือไม่ แต่ในเมื่อเป็นคนของสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวและอยู่ในระดับหลอมกระดูก หากมีเรื่องบังเอิญมากมายเช่นนี้ก็ฆ่าทิ้งเสียดีกว่า
สำหรับการที่จะฆ่าผิดคนหรือไม่ ซือเสวี่ยชินเคยสนใจเรื่องนี้ที่ไหน?
“ได้!”
ปี้หลานยิ้มอย่างกระหายเลือดและกำลังจะเดินไปจับคอเฉินเฟยไว้ ปี้หลันว่าจะฆ่าเขาโดยการหักคอ นางชอบฟังเสียงตอนกระดูกคอหักมากที่สุด
มันช่างน่าหลงใหลนัก!
“พวกเจ้าฆ่าคนไม่เลือกหน้าได้อย่างไร!” เสียงคมชัดดังขึ้น ไม่รู้ว่าซืออี้หนานปรากฏตัวบนกำแพงลานบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ นางมองลงมาและพูดเสียงดัง
เฉินเฟยซึ่งแสร้งทำเป็นนอนหมดสติอยู่บนพื้นแทบกระอักเลือด ในเวลานี้เขากำลังคิดว่าหลังจากปี้หลานเข้ามาใกล้เขาจะฟันกระบี่ใส่ แต่คิดไม่ถึงว่าซืออี้หนานจะปรากฏตัวออกมา
“สาวน้อยจากที่ไหนกัน หน้าาตาน่ารักจริง มาให้พี่สาวดูใกล้ๆสิ”
ปี้หลันหยุดมือที่กำลังจะเอื้อมไปจับคอเฉินเฟย จากนั้นเงยหน้ามองซืออี้หนานด้วยรอยยิ้มน่ากลัว
“เจ้ายิ้มไม่ดี เจ้าเป็นคนเลว!”
ซืออี้หนานเม้มปาก ดวงตานางฉายแสงสีเงินแพรวพราว ปี้หลันซึ่งกำลังจะพุ่งไปหาซืออี้หนานหยุดนิ่งอยู่กับที่และค่อยๆหลับตาลง
ซือเสวี่ยชินมองซืออี้หนานอย่างประหลาดใจ จากนั้นดวงตานางก็เป็นกระหายเพราะได้เจอกับร่างควบคุมความประหลาดในที่แห่งนี้
สำนักกำลังตามหาร่างแปลกประหลาด ค้นหาทั่วเมืองเซียนเมฆาแต่ยังไม่พบแม้แต่คนเดียว ในเมืองห่างไกลก็ไปค้นหาแล้วเช่นกัน
ไม่คาดคิดว่าการมาที่นี่ในวันนี้จะได้มาเจอเรื่องน่าประหลาดใจเช่นนี้
ตราบเท่าที่ร่างแปลกประหลาดถูกนำกลับไปที่สำนัก สำนักต้องให้รางวัลนางแน่นอน ในเวลานั้นซือเสวี่ยชินจะมีโอกาสทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในและเป็นผู้แข็งแกร่งขัดเกลาทวาร
ปรับแต่งจิตกับปรับแต่งร่างกายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ชึก!”
ขณะที่ซือเสวี่ยชินคิดอยู่ในใจ แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นที่ลานบ้าน เฉินเฟยซึ่งหมดสติอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนในจุดหนึ่งแล้วใช้กระบี่แทงหน้าผากปี้หลัน
เนื่องด้วนความตายมาถึง ดวงตาปี้หลานจึงปิดสนิท ใบหน้าไม่แสดงอาการเจ็บปวดและจมอยู่ในภาพลวงตาอย่างสมบูรณ์
ซือเสวี่ยชินมองหรี่ตามองเฉินเฟย นางไม่ทันสังเกตเห็นการเสแสร้งของเฉินเฟยเมื่อครู่ มันน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ระดับหลอมกระดูกซ่อนพลังเลือดลมได้ลึกล้ำเช่นนี้เลยหรือ?
ตอนแรกเป็นร่างแปลกประหลาด จากนั้นพบว่าเฉินเฟยเสแสร้งจนนำมาสู่สถานการณ์นี้
“เจ้าคือคนในคืนนั้น!”
ซือเสวี่ยชินจ้องมองเฉินเฟยอย่างแน่วแน่ เสแสร้งพอกัน ร้ายกาจพอกัน ได้รับการปลูกฝังจากสักนักเดียวกัน และฐานฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อรวมเรื่องบังเอิญมากมายเข้าด้วยกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป
“ควบคุมนางได้หรือไม่”
เฉินเฟยไม่ตอบซือเสวี่ยชินและหันไปถามซืออี้หนาน
ฐานฝึกฝนปี้หลันไม่ได้อ่อนแอ นางอยู่ในระดับขัดเกลาไขกระดูกสูงสุดซึ่งเทียบได้กับกัวหลินซาน แต่มันก็เท่านั้น เพราะเมื่อครู่นางถูกเฉินเฟยฆ่าในกระบี่เดียว
แม้การลอบโจมตีจะทำตามที่เฉินเฟยคาดไว้เหมือนเดิม แต่มันคงไม่ราบรื่นเช่นนี้แน่นอน แต่ด้วยความช่วยเหลือของซืออี้หนาน ทุกอย่างจึงง่ายขึ้นมาก
“ข้าควบคุมไม่ได้ นางแข็งแกร่งเกินไป”
ซืออี้หนานส่ายหัวและพูด “ข้าช่วยเจ้าแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องในตอนบ่ายถือว่าจบกันไป ขอตัวลา”
พอซืออี้หนานพูดจบนางก็หันกลับเข้าไปในลานบ้าน
เฉินเฟยตกตะลึง นี่คือเด็กสารเลวใช่ไหม? แค่บอกว่าไปก็ไปเลย เจ้าช่วยข้าฆ่าคนของอีกฝ่ายแล้วนะ หากปล่อยไปแบบนี้ไม่กล้วว่าอีกฝ่ายจะกลับมาแก้แค้นหรือ?
ซือเสวี่ยชินแสดงสีหน้าเย้ยหยัน เพียงพริบตาเดียวนางก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเฉินเฟย เหวี่ยงมีดสั้นในมือใส่คอเฉินเฟย
“เคร้ง!”
เสียงปะทะดังขึ้น โล่กระบี่ดาวประดับราตรีแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างเฉินเฟยโดนแรงมหาศาลผลักไปกระแทกกำแพงลานบ้านจนตัวฝังอยู่ในกำแพง
“เป็นเจ้าจริงด้วย!”
เมื่อเห็นโล่กระบี่ดาวประดับราตรี ดวงตาซือเสวี่ยจึงระเบิดขึ้นความเกลียดชังออกมา เมื่อนางกำลังพุ่งไปด้านหน้าเพื่อฆ่าเฉินเฟย ฝ่ามือขาวซีดคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นและคว้าข้อเท้าซือเสวี่ยชินไว้