ตอนที่ 95 พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน
ความหนาวเย็นจากฝ่าเท้าไหลขึ้นสู่หน้าผากเฉินเฟย ในเมืองเซียนเมฆายังมีสิ่งแปลกประหลาดอีกหรือ? หากแม้แต่ที่นี่ยังอยู่ลำบาก แล้วข้าจะไปซ่อนตัวในสำนักไหนได้?
ทันใดนั้นเฉินเฟยคว้ามือฉือเต๋อเฟิง ร่างกายสั่นไหวและรีบวิ่งออกไปจากลานบ้าน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว การตอบสนองฉือเต๋อเฟิงผิดแปลกไปราวกับหลงกลสิ่งแปลกประหลาด
ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยอย่างประหลาดใจ แต่เขาไม่ขัดขืนเพราะเชื่อว่าเฉินเฟยจะไม่ทำร้ายตัวเอง
เฉินเฟยพาฉือเต๋อเฟิงกระโดดข้ามกำแพงลานบ้านมาที่ตรอก มีเสียงต่างๆดังมาจากระยะไกล ทุกอย่างเหมือนเป็นปกติ
เฉินเฟยขมวดคิ้ว ภาพรอบตัวดูปกติ ตอนแรกเฉินเฟยคิดว่าจำเป็นต้องใช้วิธีอื่นเพื่อออกจากลานบ้าน ตอนนี้กลับออกมาได้อย่างง่ายดาย
แต่การอยู่ที่นี่ยังไม่ปลอดภัย เฉินเฟยลากฉือเต๋อเฟิงไปบนถนน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาทำให้ความตึงเครียดในใจเฉินเฟยลดลง
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉือเต๋อเฟิงอดถามไม่ได้เมื่อเห็นเฉินเฟยขมวดคิ้วแต่ไม่ได้เคลื่อนไหวต่อ
“เจ้ารู้สถานการณ์ของลานบ้านด้านข้างใช่ไหม?” เฉินเฟยมองรอยคล้ำใต้ตาฉือเต๋อเฟิง หรือสิ่งนี้อาจเกิดจากสิ่งแปลกประหลาด?
“รู้เล็กน้อย ไม่กี่วันก่อนข้าเป็นคนบอกเจ้าเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?” ฉือเต๋อเฟิงเหมือนโดนเฉินเฟยหลอก ขนเขาลุกชันเล็กน้อย
“บ้านด้านข้างไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ แล้วที่นั่นมีเด็กได้อย่างไร” เฉินเฟยกระซิบ
“ข้าไม่รู้เรื่องนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะถามพวกเขาในเวลานั้น” ฉือเต๋อเฟิงส่ายหัว หากไม่ใช่ญาติแล้วจะถามเรื่องสภาพครอบครัวผู้อื่นได้อย่าวไร หากคนอื่นไม่รู้คงคิดว่ากำลังวางแผนร้ายบางอย่าง
“อืม!”
เฉินเฟยพยักหน้า ทันใดนั้นเขารู้สึกแปลกๆ ในขณะที่เคล็ดชำระใจหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความจริงปรากฏขึ้นในใจ
เฉินเฟยมองผู้คนที่เดินไปมารอบตัว ผู้คนเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติเหมือนมองไม่เห็นปัญหา แต่เฉินเฟยเคยได้ยินการสนทนาของคนเหล่านี้มาก่อน
เฉินเฟยเคยเห็นการกระทำและการสนทนาของคนเหล่านี้เพียงครั้งเดียว มันเกิดขึ้นตอนที่เฉินเฟยออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลจ้าว
“ไม่ นี่เป็นของปลอม!”
เฉินเฟยหันไปมองฉือเต๋อเฟิง เคล็ดชำระใจหมุนเวียนจนถึงขีดสุด ทุกสิ่งรอบตัวเริ่มช้าลง
ดวงตาเฉินเฟยสอดส่องภาพโดยรอบอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นฉือเต๋อเฟิงผู้คนรอบตัวเขาหรือแม้แต่ภาพรอบด้าน ทั้งหมดที่ปรากฏล้วนไม่ใช่ของจริง
“ทำลาย!”
เฉินเฟยตะโกนเสียงดัง ทำนิ้วกระบี่ด้วยมือขวาและแทงไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน
“ครืด...เพร้ง...”
ภาพด้านหน้าเขาพังทลาย สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเฉินเฟยยังคงเป็นฉือเต๋อเฟิง นิ้วกระบี่ของเฉินเฟยหยุดห่างจากฉือเต๋อเฟิงเพียงหนึ่งฉื่อ
ฉือเต๋อเฟิงผงะกับการกระทำของเฉินเฟย เขาเอนหลังโดยไม่รู้ตัวและมองเฉินเฟยอย่างสับสน
เฉินเฟยมองไปรอบตัว เขายังคงอยู่ในลานบ้าน ความรู้สึกไม่ใช่ความจริงรอบตัวหายไป
“โอ๊ย...เจ็บจัง...”
เสียงร้องของเด็กดังขึ้น แม้จะพูกระงับไว้แต่เฉินเฟยยังได้ยินทั้งหมด เฉินเฟยกระโจนข้ามกำแพงร่อนลงที่ลานบ้านด้านข้าง มองแวบแรกเห็นเด็กผู้หญิงขนาดครึ่งตัวกำลังกุมหัวด้วยความเจ็บปวด
เฉินเฟยหรี่ตาลง ถอยเท้าขวาหนึ่งก้าว ชายคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเด็กหญิงตัวเล็กพร้อมจับคอนางไว้
“เข้าใจผิด สหายน้อย นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”
ฝ่ามือเย็นเฉียบปรากฏต่อหน้าเฉินเฟย ใบหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่มือของคนมีชีวิตแต่เป็นของคนตาย หรือแม้กระทั่งเป็นมือสิ่งแปลกประหลาด
มีดสั้นเล่มหนึ่งปรากฏในมือเฉินเฟย เขาฟันใส่มือประหลาดทันใด
“สหายน้อย มีอะไรค่อยๆพูดกันเถอะ พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ!”
ทันใดนั้นฝ่ามือแบบเดียวกันมากกว่าสิบปรากฏขึ้นต่อหน้าเฉินเฟย ฝ่ามือเย็นเหล่านั้นจับไปทั่วร่างเฉินเฟย
ก่อนที่ฝ่ามือจะทันแตะตัว เฉินเฟยรู้สึกเจ็บไปทั่วผิวหนัง เฉินเฟยขมวดคิ้ว หากยืนกรานจะลงมือหรือแม้แต่ใช้ห้ากระบี่ แน่นอนว่าเขาสามารถทะลวงฝ่ามือเหล่านี้ไปทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือแม้กระทั่งฆ่านางได้
แต่เฉินเฟยกลัวว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน มือประหลาดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งดี ไม่ใช่เพียงมีความเย็นของสิ่งแปลกประหลาด แต่ยังมีพิษแฝงไว้ด้วย ที่เฉินเฟยรู้ได้เพราะได้กลิ่นคาวหวานจากมัน
“ปัง!”
โล่กระบี่ดาวประดับราตรีถูกปลดปล่อย มีดสั้นปะทะกับมือประหลาด เฉินเฟยใช้แรงส่งตัวเองลอยไปด้านหลังจนมาถึงกำแพงลานบ้าน มองลงที่เด็กหญิงตัวเล็กและชายชราที่จู่ๆก็ปรากฏตัว
“ท่านปู่ ข้าปวดหัว เขาเป็นไม่ดี ท่านปู่ทุบตีเขาเลย!” ซืออี้หนานกุมหัว บนแก้มอ้วนท้วนเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาดูเหมือนเด็กวัยสิบขวบ ในขณะนี้นางกำลังมองซือหยวนไห่ทั้งน้ำตา
“ปู่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใช้พลังของเจ้าหลอกคนอื่น สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องตลก” ซือหยวนไห่มองหน้าซืออี้หนาน แม้หัวใจเขาจะปวดร้าวแต่ยังคงตำหนิอย่างรุนแรง
“ข้าเพียงหยอกเล่นเท่านั้น”
ซืออี้หนานพูดอย่างไม่เต็มใจ “นอกจากนี้เขายังร้ายกาจมาก เขาจะมาทุบตีข้า!”
ซืออี้หนานพูดพลางชี้นิ้วก้อยใส่เฉินเฟย แววตานางเต็มไปด้วยการฟ้อง
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉือเต๋อเฟิงกระโดดขึ้นไปบนกำแพง มองเฉินเฟยอย่างสงสัย ในพริบตานั้นฉือเต๋อเฟิงยังไม่ทันตอบสนอง พอขึ้นมาก็เจอเหตุการณ์แบบนี้
“สหายน้อย ข้าต้องขอโทษด้วที่ทำให้เจ้าเสียเวลาและเกือบเจอเกิดหายนะ หวังว่าเจ้าจะอภัยให้” ซือหยวนไห่มองเฉินเฟย โค้งคำนับเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงต่ำ
ซืออี้หนานมองปู่ด้วยหน้าบูดบึ้ง เมื่อรู้ว่าปู่จริงจังนางจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก หลังจากมองเฉินเฟยซืออี้หนานก็ไปหลบอยู่ข้างหลังซือหยวนไห่
“เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น!”
สีหน้าเฉินเฟยมืดมน เขาถูกลากเข้าไปในภาพลวงตาโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นสิ่งที่เฉินเฟยไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ต้องรู้ว่าแม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญกับซือเสวี่ยชิน แต่เคล็ดชำระใจของเฉินเฟยยังต้านทานภาพลวงตาของนางและทำให้ตัวเองกลับมามีสติได้ นั่นเป็นผลให้ในเวลานี้เขาไม่ได้สังเกต
จะพูดว่าไม่สังเกตก็ไม่ได้ เคล็ดชำระใจเตือนเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นเฉินเฟยคงไม่ถามคำถามแบบนั้นกับฉือเต๋อเฟิง
คาดว่าจิตใต้สำนึกพบอันตราย ดังนั้นจึงให้เฉินเฟยดำเนินต่อไปจนกระทั่งทำลายภาพลวงตาได้
แต่จุดนี้ใช้เวลานานเกินไป บางครั้งการต่อสู้ใช้เวลาเพียงเสี้ยววิ ในความเป็นจริงในเวลานั้นเฉินเฟยอาจกำลังเหม่อลอยอยู่ แต่การเหม่อลอยนี้มากพอที่จะให้คนอื่นฆ่าเฉินเฟยแล้ว
“สหายน้อยลงมาเถอะ ข้าจะอธิบายให้ฟัง พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ”
ซือหยวนไห่เห็นท่าทางเตรียมพร้อมของเฉินเฟยจึงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดว่าที่นี่คงไม่มีอะไรจึงหันไปทำอย่างอื่น แต่คิดไม่ถึงว่าหลานสาวตัวเองจะไปลากคนอื่นเข้าไปในภาพลวงตา
แต่ซือหยวนไห่ต้องประหลาดใจที่เฉินเฟยสามารถทำลายภาพลวงตาและเกือบจะจับตัวหลานสาวของเขาได้ เขาสัมผัสได้ว่าเฉินเฟยอยู่ในระดับหลอมกระดูกเท่านั้น
ด้วยระดับบ่มเพาะนี้ หากพูดตามเหตุผลแล้วไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจพบภาพลวงตาที่ซืออี้หนานสร้างขึ้น พูดได้เพียงว่าเมืองเซียนเมฆาเป็นสถานที่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอย่างแท้จริง แม้แต่เพื่อนบ้านธรรมดายังซ่อนได้ลึกถึงเพียงนี้
หากเฉินเฟยรู้ว่าซือหยวนไห่กำลังคิดอะไรอยู่เขาคงกลอกตาใส่แน่นอน พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนตัวจริงคือเพื่อนบ้านที่เฉินเฟยไม่ได้คิดถึงต่างหาก
“หากท่านพูดเช่นนั้น ข้าจะลองฟังดู”
เฉินเฟยลังเลครู่หนึ่งและตัดสินใจรักษาให้อยู่ระยะปลอดภัย แม้อีกฝ่ายจะดูไม่มีพิษมีภัย แต่เฉินเฟยไม่ต้องการเอาความปลอดภัยตัวเองไปผูกติดกับความคิดคนอื่น
โดยเฉพาะกับอีกฝ่ายที่มีความสามารถในการลากคนเข้าสู่ภาพลวงตา เฉินเฟยจึงระวังตัวยิ่งขึ้น
ซือหยวนไห่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มช่วยไม่ได้ ดึงซืออี้หนานจากด้านหลังออกมาและพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ขอโทษซะ ลากคนเข้าภาพลวงตาโดยไม่มีเหตุผล แม้อีกฝ่ายจะฆ่าเจ้ามันก็เป็นเรื่องปกติ ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าอย่าเล่นแบบนี้ หากปู่มาช้ากว่านี้เจ้าคงตายไปแล้ว!”
“ท่านปู่ ข้าขอโทษ” ซืออี้หนานไม่เคยเห็นซือหยวนไห่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน น้ำตานางจึงเริ่มไหลออกมา
เฉินเฟยมองน้ำตาซืออี้หนานซึ่งกลั่นตัวเป็นก้อนน้ำแข็งและตกลงพื้น ดวงตาเขาเบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว ฉือเต๋อเฟิงที่อยู่ด้านข้างเป็นเช่นเดียวกัน แม้เขาจะมีประสบการณ์มากมายแต่ก็เพิ่งเคยเห็นแบบนี้เป็นครั้งแรก
“ไม่ต้องขอโทษข้า ไปขอโทษเขา!”
ซือหยวนไห่รู้สึกปวดใจ แต่เขามั่นใจว่าซืออี้หนานต้องจำเรื่องราวในครั้งนี้แน่นอน เมืองเซียนเมฆาไม่เหมือนเมืองเล็กๆที่พวกเขาสามารถทำตามใจได้
ในเมืองเซียนเมฆามีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย การยั่วยุคนอื่นตามใจชอบเป็นการรนหาที่ตาย ซือหยวนไห่ไม่ต้องการให้หลานสาวตายด้วยการเล่นตลกเช่นนี้ นั่นจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดที่สุด
“ข้าขอโทษ!”
ซืออี้หนานมองเฉินเฟยและโค้งคำนับขอโทษ
คนที่ไม่รู้มาเห็นภาพเข้าคงคิดว่าเฉินเฟยรังแกคนอื่น ท้ายที่สุดแล้วเด็กอายุสิบขวบจะขอโทษผู้ใหญ่เองได้อย่างไร
“สหายน้อย เราไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ”
ท่าทางเฉินเฟยผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลังได้รับคำขอโทษของซืออี้หนาน ซือหยวนไห่มองเฉินเฟยและพูด “อี้หนานเกิดมาพร้อมกับร่างกายพิเศษ นางสามารถทำในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ นางยังเด็กและโง่เขลา ชอบมใช้สิ่งนี้แกล้งคนอื่น แท้จริงแล้วนางไม่ได้มีเจตนาร้าย หวังว่าสหายน้อยจะให้อภัย”
ซือหยวนไห่พูดพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นมือประหลาดขาวซีดโผล่ออกมาและค่อยๆ เคลื่อนของสิ่งนั้นไปตรงหน้าเฉินเฟย
ฉือเต๋อเฟิงมองมือประหลาดนั้น ดวงตาเขาแทบถลนออกมา นี่มันวิชาลับอะไร ทำไมฝ่ามือนี้ถึงดูไม่เหมือนของคนมีชีวิตเลย
“นั่นคือไผ่พันหิมะ เมื่อสวมแล้วจะต้านทานภาพลวงตาได้ในระดับหนึ่ง หวังว่าเจ้าจะรับไว้” ซือหยวนไห่พูดเสียงเบา
เฉินเฟยมองไผ่พันหิมะในกล่อง เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะรับกล่องมาด้วยมีดสั้น กุมมือโค้งคำนับให้ซือหยวนไห่แล้วกลับไปที่บ้านของตน
เมื่อเห็นแบบนั้นฉือเต๋อเฟิงจึงรีบกระโดนตามกลับไป
“ท่านปู่ เขาขี้ขลาดจัง ไม่กล้าลงมาคุยกับเราด้วยซ้ำ” ซืออี้หนานดึงมุมเสื้อซือหยวนไห่และพูดด้วยเสียงต่ำ
“นั่นเป็นความรอบคอบ ในโลกนี้คนฉลาดเท่านั้นที่จะมีชีวิตยืนยาว” เมื่อนึกถึงไผ่พันหิมะของตัวเองซือหยวนไห่ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เขาตบตูดซืออี้หนานไปอีกที
“โอ๊ย!”
ซืออี้หนานคิดไม่ถึงว่าปู่จะตีนางอีก นั่นทำให้นางหลั่งน้ำตาร้องไห้ดังยิ่งกว่าเดิม