ตอนที่ 93 สงบสุขรุ่งเรือง
พลังภายในเฉินเฟยหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้รู้สึกถึงการเสียดทานที่พลังภายในวิ่งผ่านเส้นลมปราณ วันนี้มันเบาลงมากจนแทบสัมผัสไม่ได้
เฉินเฟยยิ้มมุมปาก พูดได้อย่างเดียวว่าสิ่งที่ได้รับคุ้มค่ากับเงินสามร้อยตำลึงที่จ่ายไป
เฉินเฟยหยุดความคิดของตัวเองและมุ่งความสนใจทั้งหมดกับพลังเข้าใจต้นกำเนิด ด้วยความสงบของจิตใจ พลังภายในจึงหมุนเวียนเร็วขึ้นทำให้ร่างเฉินเฟยสั่นเล็กน้อย
สามชั่วยามผ่านไปในพริบตา ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่าง เฉินเฟยลืมตาพ่นล่มหายใจออกยาวและอดยิ้มไม่ได้
ก่อนหน้านี้แม้ว่าเฉินเฟยจะฝึกพลังภายในอย่างหนักจนนอนดึก แต่สุดท้ายร่างกายเขายังมีขีดจำกัดที่ต้องแบกรับ โดยปกติหลังจากฝึกฝนนานกว่าหนึ่งชั่วยามเฉินเฟยต้องพักผ่อนและทำไปสิ่งอื่นก่อน
การหมุนเวียนพลังเข้าใจต้นกำเนิดสุดกำลังเป็นเวลาสามชั่วยามในวันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สิ่งสำคัญคือหลังจากหมุนเวียนมาสามชั่วสาม เส้นลมปราณของเฉินเฟยยังไม่รู้สึกอึดอัด หลังพักผ่อนสักครึ่งชั่วยามคาดว่าจะฝึกต่อได้
“เพิ่มเวลาฝึกเกือบสองเท่า”
เฉินเฟยพูดกับตัวเอง ด้วยผลแบบนี้เฉินเฟยคาดว่าเขาคงไม่สามารถทิ้งโอสถเส้นลมปราณนี้ได้
“ทำไมไม่แลกสูตรโอสถกับสำนักแล้วหลอมใช้เองล่ะ?”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจแต่เฉินเฟยปฏิเสธมันทันที โอสถเส้นลมปราณนี้ให้ผลดีมาก แต่กลุ่มเป้าหมายมีขนาดเล็กเกินไป
ไม่ใช่ว่ามันไร้ประโยชน์สำหรับนักยุทธ์คนอื่น แต่นักยุทธ์หลายคนไม่ยอมใช้เงินซื้อมันเพราะโอสถเหนือสามัญหรืออย่างอื่นมีประโยชน์มากกว่า สามร้อยตำลึงต่อเม็ด จำนวนนี้สามารถซื้อโอสถทะยานเนินเขาได้ถึงสามเม็ด
หากเฉินเฟยต้องการหาเงินจากโอสถเส้นลมปราณ นอกจากใช้มันด้วยตัวเองในวันข้างหน้า คาดเดาได้เลยว่าคงแทบขายไม่ออก
และสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมโอสถเส้นลมปราณนั้นไม่ถูก ดังนั้นกำไรที่ได้จึงมีล็กน้อย
การกินโอสถเส้นลมปราณทุกวันไม่ใช่ภาระใหญ่สำหรับเฉินเฟย ท้ายที่สุดเขาสามารถทำเงินได้มากกว่าหนึ่งพันตำลึงต่อวัน เพียงแต่ความเร็วในการเก็บเงินจะช้าลง การเก็บให้ถึงห้าหมื่นตำลึงอาจต้องใช้เวลานานขึ้น
ครึ่งชั่วยามต่อมา ฉือเต๋อเฟิงกลับมาพร้อมกับถุงสมุนไพรขนาดใหญ่ เฉินเฟยเห็นว่าขอบตาฉือเต๋อเฟิงเหมือนจะดำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
“เจ้าควรควบคุมตัวเองสักหน่อย”
เฉินเฟยมองฉือเต๋อเฟิงอย่างขบขัน เฉินเฟยยอมรับเลยว่าหอแดงมัวเมานั้นยอดเยี่ยม มันทำให้เฉินเฟยซึ่งเคยเป็นคนธรรมดาในชาติก่อนที่เพลิดเพลินได้ยากค่อนข้างติดใจ
แต่ไม่ว่าจะติดใจแค่ไหนมันก็ไม่เหมือนกับฉือเต๋อเฟงที่ไปทุกวันจนตอนนี้ร่างกายเหมือนจะแตกสลาย
“ข้ารู้ ช่วงนี้ใช้เงินมากกเกินไป ต้องเก็บออมไว้ก่อนแล้วค่อยไปใหม่” ฉือเต๋อเฟิงยิ้มจนเห็นฟันเหลืองของเขา
เฉินเฟยยิ้มกว้าง เมื่อเขากำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงเด็กเล่นดังมาจากข้างบ้าน
เมื่อเห็นท่าทางเฉินเฟย ฉือเต๋อเฟิงจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “สองสามวันก่อนมีครอบครัวหนึ่งย้ายเข้ามาอยู่ติดกับเรา คนค่อนข้างน้อย พวกเขายังไปเยี่ยมเพื่อนบ้านรอบด้านและมอบของบางอย่างให้”
“มาจากไหน?”
เมื่อวานเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่พอได้ยินเสียงข้างบ้านในเวลานี้ เฉินเฟยสามารถจินตนาการถึงภาพแห่งความสุขและสนุกสนานกับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ ใบหน้าเขาจึงเริ่มแสดงรอยยิ้ม
“พวกเขาไม่ได้บอกแน่ชัด เพียงบอกว่าหนีมาจากที่อื่น”
ฉือเต๋อเฟิงส่ายหัว “ได้ยินมาว่าตอนมาที่นี่ก็เจอสิ่งแปลกประหลาดเช่นกัน กองคาราวานสูญเสียคนไปจำนวนมากและพวกเขารอดตายจากหายนะครั้งนั้น”
เฉินเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่าสิ่งแปลกประหลาด เขานึกถึงสิ่งแปลกประหลาดที่เจอในตอนนั้นทันทีโดยเฉพาะสิ่งแปลกประหลาดที่เจอเมื่อสองวันก่อน
“คนข้างบ้านดูไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะเจ้าบ้านที่ผิวดูแย่เป็นพิเศษ คงกลัวกันมากจริงๆ” ฉือเต๋อเฟิงพูดเสียงต่ำ
เฉินเฟยพยักหน้า เงยมองฉือเต๋อเฟิงแล้วถาม “ที่ผ่านมามีสิ่งแปลกประหลาดเยอะเช่นนี้หรือ?”
“จะมีมากขนาดนี้ได้อย่างไร ตอนนี้มีสิ่งแปลกประหลาดมากจนกองคาราวานเล็กไม่สามารถออกจากเมืองได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย”
ฉือเต๋อเฟิงนั่งบนเก้าอี้ รินชาให้พวกเขาและพูดต่อ “มันเหมือนกับอำเภอผิงหยินก่อนหน้านี้ บนภูเขาไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ทั้งเมืองถูกสิ่งแปลกประหลาดกลืนกิน สุดท้ายอาจเป็นเพราะความวุ่นวายในโลก ยิ่งวุ่นวายสิ่งแปลกประหลาดยิ่งเยอะ”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว “เกี่ยวข้องกันหรือ?”
“ข้าไม่รู้เช่นกัน แต่มีบันทึกอยู่ในตำราที่ข้าอ่านว่าเมื่อผู้คนตกที่นั่งลำบากสิ่งแปลประหลาดจะเพิ่มขึ้นมาก หากเป็นสมัยที่สงบสุขรุ่งเรืองจะไม่มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น”
ฉือเต๋อเฟิงเงยหน้าดื่มชาในถ้วย มองเฉินเฟยแล้วพูดเสียงต่ำ
เฉินเฟยพยักหน้า เขาไม่ถามอะไรอีกและออกไปกินข้าวเช้ากับฉือเต๋อเฟิง หลังจากนั้นเฉินเฟยกลับไปที่ลานบ้านและเริ่มหลอมโอสถเหนือสามัญ
ในช่วงไม่กี่วันนี้เฉินเฟยวางแผนอยู่ในเมืองเซียนเมฆาจนกว่าจะสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสามแล้วค่อยกลับไปยังสักนัก
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฉินเฟยส่งโอสถที่หลอมเสร็จให้เฉือเต๋อเฟิง
“จริงด้วย ช่วงที่ผ่านมาเจ้าให้ข้าติดตามสมาคมว่ามีภารกิจใดเหมาะกับเจ้าใช่ไหม?” ฉือเต๋อเฟิงรับโอสถมาและพูดขึ้น
“มีภารกิจที่เหมาะสมแล้วหรือ?”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว เนื่องจากฉือเต๋อเฟิงต่องไปสมาคมนักหลอมโอสถเพื่อซื้อขวดโอสถ เฉินเฟยจึงบอกให้เขาติดตามเรื่องนี้ด้วย
เนื่องจากสมาคมนักหลอมโอสถยังมีข้อกำหนดภารกิจสำหรับนักหลอมโสอถชั้นล่าง นั่นคือหากยังต้องการอยู่ในสมาคมจำเป็นต้องแบ่งภารกิจไปทำ
หากทำภารกิจไม่สำเร็จเป็นเวลาสองปีติดต่อกันจะถูกไล่ออกจากสมาคม แน่นอนว่ามีกรณีพิเศษที่สามารถทำเรื่องยกเว้นได้
เฉินเฟยคิดว่าหากมีภารกิจที่เหมาะสมก็จะทำให้บางส่วนสำเร็จ นอกจากแก้ปัญหาเรื่องรับภารกิจแล้วยังได้รับค่าผลงาน เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็นำมาแลกสูตรโอสถได้
ในสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวมีสูตรโอสถให้แลกเช่นกัน แต่สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวไม่ใช่สำนักโอสถ สูตรโอสถจำนวนมากโดยเฉพาะสูตรโอสถที่เป็นเอกลักษณ์ของสมาคมอาจไม่มีอยู่ในนั้น
“มีภารกิจหลอมโอสถเสริมความงาม ให้ความสำคัญกับนักหลอมโอสถระดับแปดก่อน” ฉือเต๋อเฟงนึกถึงเรื่องนี้
“โอสถเสริมความงาม?” เฉินเฟยประหลาดใจเล็กน้อย โอสถชนิดนี้หลอมไม่ยาก หากคำนวนตามระดับคาดว่ามันอาจยากกว่าโอสถเลือดลมเล็กน้อย
“อืม โอสถเสริมความงาม รางวัลที่ได้ไม่น้อยเลย หากมีเวลาเจ้าลองไปดูเถอะ”
“ได้!” เฉินเฟยพยักหน้า
ฉือเต๋อเฟิงออกไป เฉินเฟยเดินออกจากลานบ้านด้วยรอยยิ้ม ฟังเสียงหัวเราะจากข้างบ้าน
ก่อนอื่นเฉินเฟยไปซื้อโอสถเส้นลมปราณที่ร้านขายโอสถ จากนั้นไปที่สมาคนักหลอมโอสถ
“คุณชาย ท่านไม่ได้มาที่นี่นานเลย” ฉินจิ้งหลันมองเฉินเฟยและพูดอย่างประหลาดใจโดยมีร่องรอยความขุ่นเคืองในแววตา
“ช่วงนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น” เฉินเฟยยิ้มกว้าง รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้
“คุณชายต้องการอะไรหรือ?” ฉินจิ้งหลันโค้งคำนับเล็กน้อย
“ข้าอยากรู้เกี่ยวกับภารกิจ”
ทั้งสองพูดคุยกันจนมาถึงโต๊ะรับรอง เฉินเฟยชี้ภารกิจบนกระดานตรงหน้า “มีความต้องการพิเศษสำหรับภารกิจโอสถเสริมความงามหรือไม่ ไม่อย่างนั้นโอสถเสริมความงามไม่น่าจะยากสำหรับนักหลอมโอสถส่วนใหญ่”
“คุณชายหลักแหลมนัก เป็นความจริงที่การหลอมโอสถเสริมความงามธรรมดาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ครั้งนี้เป็นการหลอมด้วยสมุนไพรอายุห้าสิบปี จำเป็นต้องระวังอย่างยิ่ง”
“ห้าสิบปี?”
เฉินเฟยเลิกคิ้ว นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ
เนื่องจากสมุนไพรที่ใช้ในโอสถเสริมความงามนั้นมีอยู่ทั่วไป นั่นจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่าสภาพแวดล้อมที่สมุนไพรเติบโตนั้นอยู่เต็มภูเขาและที่ราบ ในขณะเดียวกันเนื่องจากมันหลอมได้ง่าย ราคาขายปกติจึงค่อนข้างต่ำ
แต่หากอายุของสมุนไพรเพิ่มขึ้นเป็นห้าสิบปี ฤทธิ์โอสถเสริมความงามต้องพุ่งสูงขึ้นแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้วคุณสมบัติสมุนไพรมีความสำคัญต่อฤทธิ์โอสถ
เช่นเดียวกับโอสถทะยานเนินเขา นักยุทธ์สามารถฝึกฝนได้ดีหลังจากกินมันเนื่องจากสมุนไพรที่ต้องใช้ในโอสถมีกำหนดอายุขั้นต่ำ โอสถเส้นลมปราณเป็นเช่นเดียวกัน
ไม่เคยได้ยินว่าสมุนไพรอายุห้าสิบปีจะถูกนำมาใช้หลอมโอสถเสริมความงาม แต่ตราบเท่าที่มีเงินมาพอ หลายสิ่งอย่างอาจกลายเป็นสิ่งพิเศษได้
“เช่นนั้นข้าขอรับภารกิจนี้”
สมุนไพรอายุห้าสิบปีมีค่าอย่างยิ่ง วิธีหลอมต้องทำอย่างละเอียด แต่เฉินเฟยได้ฝึกโอสถเสริมความถึงระดับณู้แจ้งแล้ว ต่อให้ใช้เสมุนไพรร้อยปีเฉินเฟยก็หลอมได้อย่างสมูบรณ์
“คุณชาย มีนักหลอมโอสถไม่น้อยที่รับภารกิจนี้ ในเวลานั้นคาดว่าจะมีการแข่งขัน” ฉินจิ้งหลันด้านหลังบอกเตือน
เฉินเฟยพยักหน้า ภารกิจนี้ให้ค่าผลงานห้าร้อยคะแนนซึ่งค่อนข้างใจกว้าง
ภายใต้สายตาไม่เต็มใจของฉินจิ้งหลัน เฉินเฟยเดินออกจากสมาคมกลับไปยังลานบ้าน
เสียงหัวเราะของเด็กๆจากบ้านด้านข้างหายไป กลายเป็นเสียงอ่านตำราแทน
เฉินเฟยไม่สนใจและกลับไปที่ห้อง
ภารกิจโอสถเสริมความงามมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ในช่วงไม่กี่วันนี้เฉินเฟยยังคงมุ่งความสนใจอยู่กับพลังเข้าใจต้นกำเนิด
เฉินเฟยนั่งสมาธิ กลืนโอสถเส้นลมปราณและฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิด
สามวันผ่านไปในพริบตา ในช่วงสามวันนี้เฉินเฟยฝึกการหลอมโอสถตอนช่วงเช้า ส่วนตอนบ่ายและตอนเย็น เวลาที่อยู่นอกเหนือจากการบ่มเพาะประจำล้วนหมดไปกับการฝึกพลังเข้าใจ้ต้นกำเนิดขั้นสาม
[วิชายุทธ์: พลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสาม(2589/6000)]
ความชำนาญพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสามอยู่ในช่วงกลาง ต้องใช้เวลาอีกสี่ห้าวันถึงจะฝึกฝนสำเร็จ จากนั้นเขาสามารถไปหาเฟิงซิวผู่เพื่อเรียนพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสี่ได้
เมื่อสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสาม คุณสมบัติแรกกำลังมหาศาลจะถูกปลุกขึ้น ในเวลานั้นพลังต่อสู้ของเฉินเฟยจะก้าวหน้าไปอีกขั้น
การพยายามอย่างต่อเนื่องเช่นนี้และยังเห็นได้ผลลัพธ์ทำให้เฉินเฟยทำต่อไป
ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของพลังเข้าใจต้นกำเนิด เฉินเฟยเริ่มรู้สึกถึงพลังภายในที่เพิ่มเร็วขึ้น ในเวลานี้ความเร็วนี้ยังไม่ชัดเจนนัก แต่มันเป็นเรื่องจริง
เฉินเฟยตั้งตารอการสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสี่มากขึ้นเรื่อยๆ มันจะผลักดันเขาที่เพิ่งเข้าระดับหลอมกระดูกให้ทะลวงขัดเกลาไขกระดูกได้อย่างไร?