ตอนที่ 11 : จินเหนียงทำอาหาร (อ่านฟรี)
องค์หญิงฟู่ลู่แม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากคืนองค์ชายน้อยให้บ่าวที่ดูแลและไปหาเฉียวจินเหนียงเพียงลำพัง
ในระหว่างการล่าฤดูใบไม้ผลิ สมาชิกในจวนหวังจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันที่พระราชวัง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันนี้เฉียวจินเหนียงอยู่ในที่พักเพียงลำพัง และแม่ครัวก็ไม่ทำอาหารให้เธอ
พวกเขาทำแม้กระทั่งปิดเตาเลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการทำอาหารให้เฉียวจินเหนียง
อิ๋งเถาพูดด้วยความโกรธ “สาวใช้และบ่าวพวกนี้ช่างเหิมเกริมนัก! พวกนางคงได้ยินมาว่าคุณหนูมาจากชนบท ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยินยอมที่จะทำอาหารให้พวกเรา พี่หงหลิง พวกเราควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
หงหลิงก็ไม่พอใจเช่นกัน “คนเหล่านี้ช่างขาดระเบียบวินัยจริงๆ แต่ข้ามันคงจะสายเกินไปหากพวกเรารอให้นายหญิงกลับมาจัดการ ตอนนี้คุณหนูคงจะหิวแล้ว!”
“เราไปที่งานเลี้ยงเพื่อรายงานเรื่องนี้กับนายหญิงเลยดีไหมเจ้าคะ? นายหญิงดีกับคุณหนูมาก ท่านต้องกลับมาทวงความยุติธรรมให้คุณหนูอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกนางพูดด้านนอกจินเหนียงก็กล่าวว่า "ไม่ต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากขนาดนั้นหรอก พวกเจ้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันนี่ใช่ไหม ขอข้าไปดูที่ครัวก่อนว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้าง แล้วเดี๋ยวข้าจะทำอาหารให้พวกเจ้ากินกัน”
นัวหมี่เบิกตากว้างขณะที่เธอพูดอย่างร่าเริงว่า “ดียิ่งเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ทานอาหารฝีมือคุณหนูนานแล้วเจ้าค่ะ”
ในทางกลับกัน สาวใช้คนอื่นพยายามหยุดเฉียวจินเหนียง แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ
เฉียวจินเหนียงเข้าไปในครัวและขอให้นั่วหมี่จุดไฟให้
แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงแค่ที่พักชั่วคราว แต่ก็ยังคงที่พักของจวนหวัง มีการปลูกผักตามฤดูกาลมากมาย รวมถึงมีการเลี้ยงไก่และเป็ดที่นี่ด้วย
เฉียวจินเหนียงขอให้นั่วหมี่เชือดไก่ ตอนที่นั่วหมี่กำลังจะสับไก่ สาวใช้คนอื่นๆมีท่าทีหวาดกลัว หงหลิงและสาวใช้คนอื่นๆเติบโตในจวนหวัง พวกเขาจะไปเคยเห็นฉากแบบนี้ได้ที่ไหนกัน?
เมื่อองค์หญิงฟู่ลู่เดินทางมาถึง นางก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นสาวใช้ของเฉียวจินเหนียงกำลังเชือดไก่
“นี่ นี่ นี่…”
เมื่อเฉียวจินเหนียงเห็นว่าองค์หญิงฟู่ลู่มาถึง นางจึงถามว่า “องค์หญิง งานเลี้ยงของราชวงศ์กำลังจะเริ่มขึ้นไม่ใช่หรือเพคะ? ทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้ล่ะเพคะ”
องค์หญิงฟู่ลู่กล่าวว่า “การล่ายังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย ดังนั้นอาหารเย็นวันนี้คงจะไม่อร่อยแน่นอน เดิมทีเมื่อพวกเขาจับเหยื่อได้ในวันพรุ่งนี้ พวกเราก็จะได้กินเนื้อกวางย่าง ซึ่งรสชาติมันดีมาก”
“แล้วเจ้าล่ะ? ทำไมถึงต้องลงมือเข้าครัวเอง? เจ้าโดนคนในจวนหวังเกลียดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เฉียวจินเหนียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “องค์หญิง ท่านอยากมาร่วมทานอาหารเย็นกับพวกหม่อมฉันไหมเพคะ? ถ้าพระองค์ต้องการ หม่อมฉันจะทำไก่ขอทานห่อใบบัวที่มีชื่อเสียงให้พระองค์ได้ลองชิมเพคะ”
“ไก่ขอทาน?” องค์หญิงฟู่ลู่ตกตะลึง
นั่วหมี่เกือบน้ำลายไหล “ไก่ขอทานที่คุณหนูทำเป็นอะไรที่ห้ามพลาดเลยนะเพคะ!”
องค์หญิงฟู่ลู่พูดขึ้น “ข้าเป็นนักชิมที่มีชื่อเสียงในฉางอัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีอาหารจานใดที่ข้ายังไม่เคยลิ้มลอง”
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า “วิธีที่ทางใต้ใช้ในการทำไก่ขอทานนั้นแตกต่างจากที่อื่น เราไม่รีดเลือดหรือถอนขนไก่ออก ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรมของหม่อมฉันได้ปรับปรุงสูตรอาหารเล็กน้อย พวกท่านจะแช่ไก่ในไวน์ข้าว แล้วทาด้วยน้ำผึ้ง หลังจากนั้นนำมาห่อด้วยใบบัว 2-3 ชั้น แล้วคลุมด้วยโคลนแดงและเกลือ ก่อนนำไก่ไปวางในหลุมดินแล้วจุดไฟบนพื้นด้านบน”
เฉียวจินเหนียงกล่าวในขณะที่ห่อไก่ด้วยใบบัว
เมื่อเห็นเฉียวจินเหนียงทาโคลนลงบนตัวไก่ องค์หญิงฟู่ลู่ก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “มันจะยังกินได้อยู่หรือ”
เฉียวจินเหนียงยิ้ม "ได้สิเจ้าคะ"
เฉียวจินเหนียงนวดแป้งและคลึงเส้นบะหมี่ให้มีขนาดเท่ากัน
จากนั้นเธอก็ใส่ไก่อีกตัวลงในหม้อตุ๋นและต้มน้ำซุปไก่ หลังจากนั้นเธอก็เทน้ำจำนวนมากลงในหม้อและใส่บะหมี่ลงไปเมื่อน้ำเดือด
องค์หญิงฟู่ลู่รออยู่ด้านนอก และเมื่อฟืนไหม้ได้ประมาณ1เค่อ นางก็ได้กลิ่นหอมรุนแรงลอยออกมา
กลิ่นนี่ช่างชวนให้น้ำลายสอจริงๆ
เฉียวจินเหนียงหยิบเส้นบะหมี่ออกมา แจกจ่ายให้เท่ากันใส่ชามหกชาม จากนั้นเทน้ำซุปไก่ลงในชาม และโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย
“เฉียวจินเหนียง เจ้าแค่ทำบะหมี่ธรรมดาๆชามเดียวให้ข้าชิมงั้นหรือ?”
องค์หญิงฟู่ลู่ไม่เคยกินบะหมี่ธรรมดาๆแบบนี้มาก่อน
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า “องค์หญิง ทำไมท่านไม่ลองชิมดูก่อนล่ะเพคะ? ไก่ขอทานก็เสร็จแล้วเช่นกันประเดี๋ยวหม่อมฉันจะลองนำมันออกมาให้พระองค์ได้ลองชิมนะเพคะ”
เมื่อเห็นว่าโคลนจับตัวกลายเป็นก้อน องค์หญิงฟู่ลู่ก็รู้สึกคลื่นไส้
“ต่อให้วันนี้ข้าจะต้องกระโดดลงสระบัว ข้าก็จะไม่ขอกินไก่ขอทานของเจ้าอย่างแน่นอน!”
“ดูสิ มันถูกหุ้มด้วยโคลนแบบนั้น เจ้าคิดว่ามันจะสกปรกแค่ไหนกัน!”
เฉียวจินเหนียงเพียงแค่ยิ้ม “ถ้าพระองค์ไม่ชอบงั้นก็ลืมมันไปซะเถอะเพคะ”
เฉียวจินเหนียงกวักมือเรียกสาวใช้ให้มานั่งทานอาหารร่วมกัน แต่หงหลิงไม่กล้านั่งทานอาหารร่วมกับเธอเฉียวจินเหนียงกล่าวว่า "ที่หลินอัน เราไม่ได้มีกฎมากมายนักระหว่างนายกับบ่าว นั่วหมี่เองก็กินอาหารโต๊ะเดียวกับข้ามาตลอด
“นอกจากนี้ ข้าอยากให้พวกเจ้าช่วยลองชิมฝีมือการทำอาหารของข้าด้วย เพราะข้าไม่ได้เข้าครัวทำอาหารมานานแล้ว”
องค์หญิงฟู่ลู่ตรัสว่า “ข้า องค์หญิง ยังไม่รังเกียจที่จะนั่งกับพวกเจ้า แล้วทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่นั่งลงอีกล่ะ? พวกเจ้ากำลังดูถูกข้างั้นเหรอ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงหลิงและสาวใช้คนอื่นก็ได้แต่นั่งลง
หลังจากที่เฉียวจินเหนียงเปิดเปลือกโคลนออก กลิ่นหอมก็ตลบอบอวล นางล้างมือ ลอกใบบัวออก แล้วใช้มีดเฉือนไก่ที่มีกลิ่นหอมของใบบัวออกมา
กลิ่นหอมของใบบัวได้ซึมลึกเข้าไปในเนื้อไก่
องค์หญิงฟู่ลู่ชิมบะหมี่แล้วอุทานว่า “โอ้ บะหมี่นี่อร่อยและชุ่มฉ่ำจริงๆ เจ้าทำมันได้อย่างไร? บะหมี่ธรรมดาๆ แบบนี้จะอร่อยขนาดนี้ได้ยังไง”
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า “แค่ใส่ไข่ลงไปตอนนวดแป้ง องค์หญิง ท่านอยากลองชิมน่องไก่ไหมเพคะ?”
ต่อให้ไก่จะมีกลิ่นหอมมาก แต่เมื่อพิจารณาว่าก่อนหน้านี้มันถูกปกคลุมไปด้วยโคลน องค์หญิงฟู่ลู่ก็อยากจะกล่าวปฏิเสธ
แต่แล้วเธอก็หันไปเห็นนั่วหมี่มองไปที่น่องไก่อย่างกระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่านางอยากจะทานมันจริงๆ
เฉียวจินเหนียงหั่นน่องไก่เป็นชิ้นเล็กๆให้องค์หญิงฟู่ลู่
ในฐานะองค์หญิง นางยังคงทานมันด้วยความสง่างาม หลังจากทานเสร็จ เธอก็เม้มปากเบาๆ แล้วพูดว่า
“หนังก็กรอบ เนื้อไก่ก็นุ่มชุ่มฉ่ำ ซ้ำยังมีกลิ่นหอมของใบบัวในตัวไก่ เจ้าไก่นี่อร่อยมากจริงๆ แตกต่างจากไก่ที่ข้าเคยได้ทานมาอย่างสิ้นเชิง ไก่พวกนั้นเนื้อของมันเหนียวมาก!”
เฉียวจินเหนียงมอบน่องไก่ทั้งชิ้นให้องค์หญิงฟู่ลู่ “ยังมีอีกเยอะเพคะ ถ้าพระองค์ทรงชอบ”
“ฮ่าฮ่า ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาบอกว่านางถูกทาสเลี้ยงดูมา นางแม้กระทั่งทำอาหารให้สาวใช้กินด้วยหรือนี่ ช่างต้อยต่ำอะไรเช่นนี้!”
เสียงแหบพร่าของผู้หญิงคนนึงที่พูดจาเสียดสีเฉียวจินเหนียงก็ดังขึ้น
สาวใช้ของเฉียวจินเหนียงต่างรู้สึกโกรธ
เฉียวจินเหนียงถามนั่วหมี่ว่า “เจ้าอิ่มแล้วหรือยัง”
นั่วหมี่พยักหน้า
“งั้นก็ไปจับผู้หญิงที่นินทาข้าคนนั้นกับพวกคนครัวและบ่าวรับใช้ที่ไม่ยอมทำอาหารให้พวกเรามา จากนั้นส่งพวกนางไปให้ท่านแม่หลังจากที่ท่านกลับมา”
เฉียวจินเหนียงไม่เคยเป็นฝ่ายที่ต้องกล้ำกลืนคำสบประมาท
องค์หญิงฟู่ลู่ตบไหล่เฉียวจินเหนียงและพูดว่า “ข้ารู้สึกเสียใจแทนเจ้าจริงๆ เจ้าเป็นถึงลูกสาวของท่นาหวังแต่เจ้ากลับต้องมีชีวิตที่ยากลำบากถึงสิบแปดปี หนำซ้ำเมื่อเจ้ากลับมา เจ้าก็ยังต้องมาถูกเหล่าคนรับใช้รังแกอีก
“ถ้าเจ้าทนชีวิตในจวนหวังไม่ได้ เจ้าสามารถไปหาข้าที่วังได้นะ ข้าสามารถรับเจ้าไปอยู่ด้วยกันได้!”
“ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง” เฉียวจินเหนียงยิ้ม "สำหรับความกรุณาที่มีให้หม่อมฉัน"
องค์หญิงฟู่ลู่กล่าวว่า “แน่นอน ข้าเป็นองค์หญิงที่ดีที่สุดในราชวงศ์ถังแล้ว เพื่อตอบแทนมื้อค่ำที่เจ้าทำให้ข้าในวันนี้ พรุ่งนี้ข้าจะล่ากระต่ายมาให้เจ้า!”
“หม่อมฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะเพคะ” เฉียวจินเหนียงยิ้ม “หม่อมฉันเลยวัยที่จะชอบกระต่ายไปแล้วเพคะ”
องค์หญิงฟู่ลู่ประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้หรือว่ากระต่ายย่างเป็นอาหารอันโอชะ”
เฉียวจินเหนียง: “…”
องค์หญิงฟู่ลู่กล่าวว่า “เสด็จพี่รัชทายาททำกระต่ายย่างเก่งมาก พรุ่งนี้ข้าจะขอให้พระองค์ย่างกระต่ายให้เจ้า”
เฉียวจินเหนียง: “…”
เฉียวจินเหนียงพลันนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธอออกไปเที่ยวกับหมอนั่นในเทศกาลเชงเม้งเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาต้องติดอยู่บนภูเขาด้วยกันเพราะฝนตกหนัก
ตาโง่นั่นบอกว่าการจับปลาในตอนนั้นอันตรายเกินไป ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะจับกระต่ายมาเพื่อย่างให้เธอกินแทน
แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอเกิดปีกระต่าย เขาจึงปล่อยกระต่ายนั่นและหันมา "กิน" เธอในถ้ำแทน...
เมื่อเฉียวจินเหนียงนึกสิ่งนี้ได้ ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อ