เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 24: นางร้ายที่ตกหลุมรักสามัญชน
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 2 บทที่ 24: นางร้ายที่ตกหลุมรักสามัญชน
.
(
(บาเรลล่า)
)
เนื่องจากข้ายังมีชั้นเรียนในตอนเช้า เมื่อคืนก่อนข้าจึงไม่ได้อยู่ที่【บ้านสุนัข】แทนที่จะได้ทานมื้อเย็นกับวอลสัน ข้าก็ต้องเลือกกลับไปหอพักทันที
แต่มีเพียงคาบเรียนเดียวในช่วงเช้าและยังเหลือเวลาอีกมากก่อนอาหารกลางวัน ดังนั้นข้าจึงเลือกที่จะไปที่สนามฝึกซ้อมหมายเลข 7 ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมที่ใช้ในการฝึกความสามารถในการยิงเป้า
...ความจริงแล้วมีปัญหาเล็กน้อยอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือความเสียหายที่ลูกธนูของ 【อพอลโล】 พุ่งออกมานั้นสูงเกินไป เมื่อใดที่ข้าใช้มันยิงตุ๊กตาฝึกในสนามฝึก เป้าหมายจะปลิวพุ่งว่อนไปทั่วสนามเลย
อนิจจา ช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน
ข้าฉีดพลังเวทย์มนตร์เข้าไปในอุปกรณ์เวทย์มนตร์ธาตุดินที่อยู่ข้างๆ ข้าและเป้าหมายใหม่ๆ ก็เริ่มถูกสร้างขึ้นบนสนามทดสอบ
ระยะยิงนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับ [นักธนู] เท่านั้น แต่ยังมี [นักเวทย์] และนักสู้โจมตีระยะไกลคนอื่นๆ ที่มาที่นี่เพื่อฝึกฝนความแม่นยำของพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เป้าหมายจะถูกทำลาย
【อพอลโล】 สุดยอดมาก ข้าชอบมันมาก
ข้าไม่ได้ฝึกทักษะการยิงธนูมาเป็นเวลานานแล้ว ฝีมือของข้าจึงค่อนข้างถูกสนิมเกาะอยู่
ตอนที่ข้ายังอยู่ในบราติโอ ข้าเป็นนักธนูที่สามารถยิงทะลุช่องว่างของรูบนเข็มด้ายได้
ทว่ายามนี้ข้ากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อกลับไปสู่ระดับที่ข้าเคยเป็น
อย่างไรก็ตาม พลังเวทของข้าหมดลงเนื่องจากการซ่อมแซมเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงนั่งอยู่ข้างสนามเพื่อพักผ่อน
ซึ่งข้าก็ไม่ลืมที่จะไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟข้างๆ
"นั่นนางจริงๆ เหรอ..."
“นางแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากได้อาวุธเอลฟ์กลับมาเหรอ?”
เหตุผลที่ความแข็งของข้าก้าวระโดดอย่างกะทันหัน ข้าบอกพวกเขาไปว่าเป็นเพราะข้าพบอาวุธเอลฟ์ที่หายไปครั้งหนึ่งของข้า สาเหตุที่บอกไปเช่นนี้เพราะวอลสันต้องการเก็บทุกเรื่องที่เขาทำไปเป็นความลับ ตอนที่ข้ากำลังฝึกทักษะการยิงธนูของข้า ข้าก็ได้ใช้ลูกศรที่ทางสถาบันจัดหามาให้ คนที่ใช้ธนูสามารถรับลูกศรได้ฟรีสูงสุด 30 ลูกทุกวัน
ข้าไม่ต้องการที่จะใช้ลูกธนูอันไร้ที่สิ้นสุดของ【อพอลโล】เพราะข้าพยายามทำตัวให้ไม่เด่นอยู่ อันที่จริง ข้าชอบชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย แต่มันอาจสร้างปัญหาให้กับวอลสัน หากมีข่าวลือเกี่ยวกับข้าในสถาบันขึ้นมา
ตอนนี้ข้ามีอาวุธเอลฟ์ใหม่...หมายความว่าตอนนี้ข้ามีอาวุธเอลฟ์สองชิ้นหรือเปล่านะ? แต่หนึ่งในนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ข้าแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ข้าก็จำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
หลังจากดื่ม【น้ำนม】ที่วอลสันให้ข้าแล้ว ข้าก็สามารถใช้ทักษะการสร้างจิตวิญญาณเอลฟ์กับ【อพอลโล】ได้สำเร็จใช่ไหมนะ?
【น้ำนม】
สามารถทำให้เอลฟ์มีอาวุธเอลฟ์มากกว่าหนึ่งชิ้น... ข้านึกไม่ออกเลยว่าของชิ้นนี้จะมีค่าขนาดไหน
หากเกิดสงครามขึ้นเพราะเจ้าสิ่งนี้ ข้าก็จะไม่แปลกใจเลย
ข้าหยิบ【น้ำนม】และลูกศรที่วอลสันให้มาออกจากถุง【กระเป๋าเก็บของ】และดื่มมัน
"โอมมมมมมม ข้าขอ──ให้เจ้าทำสัญญากับข้า [สร้างจิตวิญญาณ ]"
ทันทีที่ข้าร่ายคาถาเสร็จ ลูกศรในมือของข้าก็ส่องแสงและเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมัน
ความตื่นเต้นพลันปรากฏในใจของข้า ข้าใส่ลูกศรนี้ลงใน [กระเป๋า] ของข้าก่อนที่คนอื่นจะเห็นมัน
การเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองให้กลายเป็นอาวุธเอลฟ์เป็นกรณีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
“ตอนนี้ข้าเหมือนดั่งเอลฟ์ที่ถูกเลือกโดยพระเจ้าไม่มีผิด” ข้าจิบเครื่องดื่มลงไปในลำคอ
ในตำนานของเอลฟ์ เคยมีวีรบุรุษเอลฟ์ในตำนานอยู่มากมาย
พวกเขาแตกต่างจากเอลฟ์ธรรมดาที่สามารถมีอาวุธเอลฟ์ได้เพียงชิ้นเดียว ผู้กล้าเอลฟ์ในตำนานได้รับความไว้วางใจให้ทำภารกิจพิเศษ เพราะเขาได้รับเลือกจากเทพเจ้า
หลังจากผ่านการทดสอบที่ยิ่งใหญ่มากมาย ผู้กล้าเอลฟ์ในตำนานก็สามารถได้รับอาวุธเอลฟ์ชิ้นที่สอง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ามีอาวุธเอลฟ์อยู่ในครอบครองสามชิ้น ฮิฮิ
บางทีวอลสันอาจเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หรือเปล่านะ?
บางทีวันหนึ่งเขาอาจจะพ่นคำทำนายอะไรบางอย่างออกมาและให้ภารกิจพิเศษกับข้า
ไม่ว่าต้นกำเนิดที่แท้จริงของเขาคืออะไร เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่...
【กระเป๋าเก็บของ】ที่วอลสันมอบให้ข้าเป็นไอเท็มสุดพิเศษที่ทำให้ข้าสามารถจัดเก็บไอเท็มได้ โดยไม่คำนึงถึงแนวคิดเรื่องขนาด
...เกรซและเมล่อนที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ตอนแรก ข้าคิดว่าเกรซมักจะหายตัวไปไหนไม่รู้ในเวลากลางคืนโดยใช้เวทย์ซ่อนตัว แต่หลังจากคืนนั้นที่ข้าได้รับการช่วยเหลือจากชะตากรรมอันเลวร้ายของข้า นางก็สารภาพกับข้าว่านางสามารถใช้เวทย์เคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ
เจ้าต้องรู้ก่อนนะว่าการใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายต้องใช้นักเวทย์หลายคนในการวาดวงเวทย์ อีกทั้งยังต้องร่ายคาถาเป็นเวลานานมาก
ในทางกลับกัน เกรซดันสามารถใช้คาถาเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ! การใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายเพื่อต่อสู้เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!
เมล่อนที่เป็นทาสของวอลสันก็ไม่ใช่ตัวตนที่ธรรมดาเลยสักนิดเดียว
ข้าไม่เคยเห็นความสามารถของนาง แต่ข้ารู้สึกได้ว่านางแข็งแกร่งและทรงพลังมาก
พวกเขาทั้งสามไม่เคยพูดถึงภูมิหลังของพวกเขากับข้ามาก่อน ที่จริงข้าอยากจะได้ยินมันอยู่นะ
มันคงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหม?
ถึงแม้เราจะเพิ่งเจอกันไม่นาน แต่ข้าก็อยากรู้เรื่องพวกเขามากกว่านี้...แถมวอลสันเองก็ยังช่วยเหลือข้าตั้งมากมาย
บางทีในอนาคตข้าคงจะถามเรื่องนี้กับวอลสัน...หรือไม่ก็เกรซ
ไม่ต้องห่วง ข้าจะเก็บเป็นความลับอย่างดี
เมื่อข้าพอใจกับประสิทธิภาพการฝึกของข้า เมล่อนก็มาอยู่ข้างข้า
อ่า คิดถึงนาง นางก็มาหาเลย
"คุณบาเรลล่า"
“วอลสันบอกให้เจ้าเรียกข้าแบบนั้นใช่ไหม!? อย่าไปฟังเขาสิ! ข้าชื่อออเรเวียนะ!”
บาร์เรลล่า... นั่นคือสิ่งที่วอลสันเรียกข้า
เขาบอกว่าเขาเรียกข้าอย่างนั้นเพราะข้าเหมือนยัยถังเบียร์ที่ชอบดื่มไวน์ในปริมาณมาก
...พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ตอนที่ข้ายังอยู่ในบราติโอ เนื่องจากข้าต้องการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้เป็นหนึ่งในสตรีขุนนางที่สง่างามของอาณาจักร ข้าจึงได้แต่ดื่มไวน์ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ที่นี่ ข้าสามารถดื่มไวน์ได้ในปริมาณมากโดยไม่ต้องสนใจภาพลักษณ์
...ข้าชอบร้องเพลง ชอบดื่ม แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถทำได้มาก่อน
ตอนนี้ข้ามีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง
แต่สิ่งเหล่านี้มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าเลย วอลสัน...
ข้าไม่เกลียดเลยสักนิดเวลาที่เจ้าเรียกข้าว่าบาเรลล่า... ข้าออกจะชอบนิดๆ ด้วยซ้ำ
“...คุณออเรเวีย”
“สหายข้าจะเรียกข้าว่าออเรก็ได้”
“... คุณออร่”
“อืม มีอะไรงั้นหรือ?”
“นายท่านบอกให้ข้านำสิ่งนี้มาให้”
เมล่อนส่งขวดหนึ่งมาให้
ขวดนี้มีผลฉนวนกันความร้อนและยังเป็นสิ่งที่ผลิตโดยวอลสัน
เมื่อข้าเปิดขวด ข้าก็ได้รับการต้อนรับด้วยกลิ่นไอความร้อนและกลิ่นหอมของไวน์
ไวน์อุ่น!
"แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นไวน์แบบไหน แต่มันช่างหอมนัก!" ข้าอุทานออกมา
“นายท่านบอกว่าอากาศหนาว เขาเลยเตรียมเครื่องดื่มร้อนไว้ให้เรา” เมล่อนกล่าว
ปรากฎว่าเขาให้ทุกคนสินะ.... ช่างน่าเสียดายชะมัด
"จะว่าไปแล้ว เมล่อนกับเกรซกำลังดื่มอะไรอยู่เหรอ?" ข้าเอ่ยถาม
“ของข้าเป็นชาผลไม้ ส่วนของคุณเกรซเป็นชานมสด”
โอ้ ชาผลไม้เป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงทั่วไป ส่วนชานมสดเป็นสิ่งประดิษฐ์โดยวอลสัน
แต่ชาผลไม้ของวอลสันคงต้องพิเศษมากเลยใช่ไหม? ข้าคิดงั้นนะ
ฝีมือการทำอาหารและทำไวน์ของเขาน่ะน่าทึ่งมากเลยล่ะ
“เอ๊ะ? เมล่อน เจ้าชอบชาผลไม้มากเลยเหรอ?”
ชานมสดเป็นเครื่องดื่มโปรดของเกรซ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเกี่ยวเครื่องดื่มที่เมล่อนชอบ
...วอลสันผู้แสนใจดีคงเตรียมเครื่องดื่มที่เมล่อนชอบมาให้สินะ?
“อืม... นายท่านเข้าใจความชอบของข้าเป็นอย่างดี...” แก้มของเมล่อนแดงเล็กน้อย
แม้ว่ากิ้งก่าสาวจะเป็นนักรบที่ทรงพลังมาก แต่เมลjอนก็เป็นสตรีที่น่ารักมากเช่นกัน
...ดูจากความสัมพันธ์ของวอลสันกับนางแล้ว วอลสันก็คงไม่ได้ปฏิบัติต่อนางในฐานะทาสเช่นกัน
ที่สำคัญกว่านั้น วอลสันทำตัวดีกับนางมาก
ข้าเข้าใจแล้วล่ะ กระทั่ง... ข้าเห็นว่าความรู้สึกของเมล่อนที่มีต่อวอลสันไม่ใช่แค่ความจงรักภักดีของทาสธรรมดาๆ ที่มีต่อเจ้านายของนาง
ความรู้สึกของนางที่มีต่อวอลสันเหมือนกับเกรซ
"ไม่เอาน่า เจ้าจะกลับไปที่【บ้านสุนัข】แล้วเหรอ?" ข้าเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ข้าต้องไปช่วยนายท่าน ร้านกำลังจะเปิดแล้ว”
“ยังไงข้าก็ไม่มีคาบเรียนแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไปช่วยด้วย” ข้ากล่าว
ดังนั้นข้ากับเมล่อนจึงออกจากสนามฝึกซ้อมไปด้วยกัน
ในฤดูใบไม้ร่วง อากาศค่อนข้างหนาว
ทันใดนั้น ลมหนาวก็พัดมาเหนือผมทำให้ตัวข้าสั่นด้วยความหนาวเย็น
ข้ากระชับเสื้อโค้ทขนสัตว์ของข้าให้แน่นขึ้น
...เสื้อคลุมที่ห่อหุ้มร่างกายของข้าก็เป็นของวอลสันเช่นกัน
ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณที่ข้าได้รับจากเขาอย่างไร
แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาแค่ต้องการตอบแทนความเมตตาของข้าที่ช่วยเขาแก้ไขความสัมพันธ์ของเขากับเกรซ แต่...เขาก็ช่วยข้าไว้เช่นกัน
ตอนนั้นข้าล้มเลิกถึงเรื่องราวในอนาคตไปแล้ว
แต่หลังจากที่เขาช่วยข้าไว้อย่างนั้นเมื่อเดือนก่อน ข้าก็ดูเหมือนจะเห็นแสงสว่างอีกครั้ง
แสงแห่งความหวังของอนาคต
เขาไม่ว่าอะไรข้าเลยที่ข้าได้ทำเรื่องเลวร้ายกับสตรีนางอื่น เนื่องด้วยความอิจฉา
แม้ว่าข้าจะชดใช้ทั้งหมดไป ข้าก็คงไม่อาจลบล้างบาปเก่าที่ข้าได้ก่อไว้ด้วย
แต่... เขายังคงทำทั้งหมดนั้นเพื่อข้า เพราะข้าเป็นสหายของเขา
...ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมทั้งเกรซและเมล่อนถึงตกหลุมรักวอลสัน
ใช่ ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้เลย
เพราะในตอนนี้... ข้าก็กำลังประสบกับมันเช่นกัน
เขาช่วยข้าไว้ราวกับเป็นผู้กล้า
ผู้กล้าที่ช่วยนางเอกในเทพนิยาย มันเหมือนกับเรื่องราวในนิทานกำลังเกิดขึ้นกับข้า
อืม แต่อนาคตสาวงามก็คงจะมอบร่างกายให้กับผู้กล้า
แต่ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้ ซึ่งน่าเสียดายนัก
ข้าเป็นเพื่อนของวอลสัน เพื่อนที่คุยกับวอลสันได้ทุกเรื่อง
เป็นเช่นนี้ต่อไป แค่เป็นเช่นนี้ต่อไปก็พอ... ข้าไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต
ถ้าเกิดข้าก้าวข้ามความสัมพันธ์ไป มันจะถือว่าเป็นการทรยศต่อเกรซหรือไม่?
...ถ้าเป็นข้าในอดีตก่อนที่จะถูกเนรเทศ ข้าคงจะพยายามใช้ทุกอย่างทั้งหมดเพื่อแย่งชิงความรักและความสนใจของวอลสัน ในขณะที่ทำลายชื่อเสียงและชีวิตของเกรซโดยไม่สนใจ
แต่ยามนี้
วอลสัน วอลสัน เจ้าช่างเป็นคนบาปหนาจริงๆ
“คุณออเร วันนี้จะดื่มกับนายท่านอีกไหม?” เมล่อนเอ่ยถาม
อันที่จริงข้าเข้าใจคำถามที่ซ่อนลึกลงไปเบื้องหลังคำถามของนางดี
เพราะข้าเคยทำให้วอลสันเมาทุกวัน วอลสันจึงมักจะลำบากเสมอที่ต้องประสบพบเจอกับอาการเมาค้าง
เมล่อนคงไม่ชอบสินะ
“ข้าก็อยากอยู่หรอก แต่ข้าคงไม่คิดจะให้เขาดื่มมากไป เพราะงั้นข้าขอดื่มคนเดียวก่อนดีกว่า” ช่วงนี้ข้าแกล้งทำเป็นเมา
...ข้าไม่คิดจะพยายามกอดวอลสันด้วยการอ้างว่าเมาอย่างแน่นอน
แต่ในบางครั้งข้าก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้
มือมันไปเอง
ตามปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะไม่มีภรรยาหลายคน แต่ขุนนางและชนชั้นสูงล้วนมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติ
ตัวอย่างเช่นบิดาของข้าที่แต่งงานกับผู้หญิงสองคน นอกจากมารดาของข้า
คนอย่างวอลสันที่มีทั้งพลังอำนาจและความแข็งแกร่งก็คงจะไม่ต่างกัน
บางทีนะ... ถ้าโชคดีข้าอาจจะได้เป็นหนึ่งในภรรยาของเขาก็เป็นได้