เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 19: เอลฟ์ตัวแสบที่ไม่อยากร้องไห้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 2 บทที่ 19: เอลฟ์ตัวแสบที่ไม่อยากร้องไห้
.
(หลายปีก่อนที่วอลสันและกลุ่มของเขาจะมาถึงเมืองเตกิตตัน)
ดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่ห่างไกลจากเมืองเมืองเตกิตตัน บนที่ราบสูงบอร์นทางตอนเหนือของทวีปตะวันตก
"ออเรเวีย บราติโออิลฟ์ จากนี้ไปเจ้าจะถูกลิดรอนสถานะอันสูงส่งของเจ้า เจ้าถูกไล่ออกไปตลอดกาล!" เจ้าชายที่ดูหล่อเหลาสวมกอดเจ้าหญิงรูปงามและตัดสินลงโทษหญิงสาวเอลฟ์ผู้นี้ด้วยชะตากรรมที่โหดร้ายของผู้ถูกเนรเทศ
ความรักที่แท้จริงระหว่างเจ้าชายรูปหล่อกับเจ้าหญิงแสนสวยได้ถูกขัดขวางโดยเจ้าหญิงเอลฟ์ผู้นี้
เพื่อขับไล่เจ้าหญิงแสนสวย หญิงสาวเผ่าเอลฟ์ได้พยายามใช้วิธีสกปรกมากมาย
ในโรงเรียนชนชั้นสูงของเหล่าเอลฟ์ นางได้กล่าวคำสบประมาททุกอย่างของนางให้เจ้าหญิงผู้งดงาม สร้างความลำบากตั้งแต่การสาดน้ำไปจนถึงการปล่อยข่าวลือที่เจ็บปวดเกี่ยวกับเจ้าหญิง แม้กระทั่งการกลั่นแกล้ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะโดนเช่นนี้ แต่นางก็ยังมีน้ำใจต่อผู้อื่นราวกับดวงจันทร์ที่สว่างไสว
คล้ายกับขั้วตรงข้ามของดวงอาทิตย์ เจ้าชายผู้สง่างาม
ส่วนตัวร้ายของทั้งคู่ก็คือเอลฟ์สาวผู้มีจิตใจสกปรก หยาบช้า เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เล่ห์เหลี่ยมและไร้ยางอาย
เจ้าหญิงผู้ใจดีได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ในท้ายที่สุดแม้แต่คนสนิทเพียงคนเดียวของนังจอมวางแผนก็หันหลังให้กับนาง
ในที่สุดหญิงชั่วเอลฟ์จอมวางแผนที่ทำร้ายทุกคน แม้แต่ญาติของนางเองก็ถูกคุมขังในที่สาธารณะ
ภายใต้การขอร้องอ้อนวอนของเจ้าหญิงผู้ใจดี เจ้าชายที่วางแผนที่จะตัดสินประหารชีวิตนังจอมวางแผนก็ได้เปลี่ยนใจ
แต่นางก็ถูกพรากอาวุธเอลฟ์ของนาง ถูกทำให้สวมปลอกคอทาสและถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรเอลฟ์ตลอดไป
หญิงสาวผมบลอนด์ที่ถูกหลายคนเรียกว่านังจอมวางแผนที่น่ารังเกียจ ก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความอับอายและยอมรับการพิจารณาคดีของคู่หมั้นเก่าของนาง
ทหารยามได้เข้ามาจับแขนของนางไว้
โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของการต่อต้านของนาง เจ้าชายใส่กุญแจปลอกคอทาสรอบคอของนางด้วยสีหน้าอันเต็มไปด้วยความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขา
หลังจากนั้น หญิงสาวเผ่าเอลฟ์คนนั้นก็ถูกลากตัวออกไปด้วยความสิ้นหวัง
___________________
(
บาเรลล่า
)
“...” ข้าแตะปลอกคอทาสของนางและยิ้มออกมาด้วยความเศร้า
นั่นมัน...คือเรื่องเจ็ดปีที่แล้ว
ข้าอายุยี่สิบสี่ปี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่นานพอสมควร
หลังจากนั้นข้าก็ถูกขับออกจากอาณาจักรเอลฟ์ภายใต้ข้ออ้างของ "การศึกษาในต่างประเทศ" และถูกขับออกมายังสถาบันการศึกษาที่ "ห่างไกล" แห่งนี้
อันที่จริง ข้ารู้ในใจว่านี่เกือบจะเหมือนกับโทษประหารชีวิต
เมื่อมองผิวเผิน ข้าก็ถูกเนรเทศออกมาด้วยฐานะทาสของเจ้าชาย
บาร์ลอน...วันเวลาที่ข้าเคยชอบเขาอย่างบ้าคลั่งได้ผ่านพ้นมานานแล้ว
มีคำสั่งเพียงไม่กี่คำสั่งที่ฝังอยู่ในปลอกคอของของข้า
ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำพฤติกรรมใดๆ ที่จะทำให้ข้าได้รับเงินและข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อต้าน แม้ว่าข้าจะเจอกับการกลั่นแกล้งอะไรก็ตาม หลังจากเรียนจบ ข้าจะ "เดิน" กลับบ้านเกิดคนเดียว
คำสั่งทั้งสามนี้ไม่มีความหมายเลย มันเสมือนเป็นการลงโทษของเจ้าชายต่อข้า
ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้หาเงิน นั่นหมายความว่าข้าจะสามารถใช้เงินที่พวกเขาให้มาเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้มันกำลังจะหมดลง
เจ้าชายทำเช่นนั้นเพื่อให้ข้ามีชีวิตที่ยากจนอยู่ข้างนอกและในเวลาเดียวกัน ก็เพื่อให้แน่ใจว่าข้าไม่มีเงินมากพอที่จะสร้างอิทธิพลในต่างแดนได้
แม้ว่าจะมีคนเสนอเงินให้ข้า แต่ข้าก็จะต้องปฏิเสธเพราะคำสั่งนี้
นอกจากนี้ ข้ายังเป็นเอลฟ์ที่สูญเสียอุปกรณ์เอลฟ์ของข้า ทั้งยังถูกตีตราว่าเป็นทาส ซึ่งถือว่าเป็นความอับอายอีก
ข้าแค่ต้องยอมรับมัน เพราะข้าไม่สามารถต่อต้านการกลั่นแกล้งได้
สุดท้ายคำสาปสุดท้ายคือให้ข้ากลับบ้านด้วยการเดินเท้า
อันที่จริงคำสาปนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย
เพราะคำสั่งขับไล่ของข้าจะไม่ถูกเพิกถอนถ้าข้าเดินกลับบ้านคนเดียว แม้ว่าข้าจะไม่หมดแรงจากการทำเช่นนั้น ข้าก็คงถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายระหว่างทางอยู่ดี
แน่นอนว่านักเรียนอย่างข้าที่เข้ามาในสถาบันการศึกษาต้องสร้างความปวดหัวให้กับสถาบันการศึกษาเป็นอย่างมาก แต่เพื่อจัดการกับเรื่องนี้ บาร์ลอนได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันเป็นอย่างมากเพื่อให้ข้าถูกลงโทษ
...ข้าเองก็คงเป็นคนสำคัญกับบาร์ลอนในแง่หนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ไม่กี่ปีก่อนข้ายังรู้สึกยินดีอยู่
ทว่าถึงจะมีบางอย่างผิดปกติไปในการลงโทษของข้า เขาก็ไม่คิดกังวลเลย
เพราะก่อนที่ข้าจะถูกเนรเทศมาที่นี่ ราชวงศ์เอลฟ์ได้ส่งกลุ่มสายลับมายังเมืองเตกิตตัน
ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนอะไร แต่พวกเขามีหน้าที่พิเศษที่เกี่ยวข้องกับข้า ซึ่งก็คือการฆ่าข้าอย่างลับๆ หากมีบางอย่างผิดปกติ
เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเจ้าหญิง บาร์ลอนพร้อมทำทุกอย่างที่เขาทำได้
...บาร์ลอน เดิมทีเจ้าเป็นคู่หมั้นของข้านะ
หลังจากที่นางปรากฏตัว เจ้าก็ไม่เคยยิ้มให้ข้าเลย
ข้าแค่ไม่อยากปล่อยให้เจ้าถูกเอาตัวไป
ในท้ายที่สุด ข้าก็ถูกคุณตัดสินให้เนรเทศและแม้แต่เพื่อนที่ดีที่สุดของข้าก็ทรยศตัวข้า
แม้แต่เจ้าบาร์ลอน คนที่ข้ารักมากที่สุดก็ทรยศข้าเช่นกัน
....ข้าขอโทษ บาร์ลอน ข้าจะไม่ทำตามคำสั่งของเจ้าแน่ แม้ว่าข้าจะต้องตายหรือจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานก็ตาม
ข้าจะมีชีวิตอยู่จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ข้าจะทำให้ชีวิตของข้ามีความหมาย
“นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าให้ความช่วยเหลือข้ากับเกรซสินะ?” วอลสันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไรกันล่ะ? รีบไปใส่ปลอกคอเลยนะ เจ้าวอลสันขี้โม้”
อันที่จริง ข้าไม่คิดจะให้เขาใส่จริงๆ หรอก
เขาเองก็ช่วยข้ามาเยอะแยะมากมาย
วันที่เจ้าดื่มกับข้า ฟังบทเพลงของข้า ฟังความคิดถึงบ้านเกิดของข้าและฟังคำพร่ำบ่นของข้ามากมาย
เจ้าและเกรซเป็นเสมือนสองสิ่งที่ข้าเหลืออยู่
“ยากจริงแฮะ ข้าไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าจะมีกลุ่มคนที่แฝงตัวคอยจับตาเจ้าอยู่ ซึ่งข้าก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเจอกับเรื่องเช่นนี้... อืม ดูลำบากมาก” หลังจากได้ยินเรื่องราวของข้า วอลสันก็ยิ้มและพูดออกมา
. .
“หือ?”
“เมล่อน ถ้าข้ากำจัดกลุ่มสายลับจากแดนอื่นเพื่อเมืองหลวง ข้าจะถูกมองว่าเป็นศัตรูหรือไม่?”
“ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นนายท่าน สิ่งที่นายท่านทำย่อมเป็นการทำเพื่อดินแดนแห่งนี้”
เดี๋ยวก่อน พวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน?
“ดีมาก งั้นบาเรลล่า”
“หือ?”
“เจ้าบอกว่าทันทีที่เจ้าพ้นจากสถานะทาส คนพวกนัน้จะตามหาตัวเจ้าใช่ไหม?”
"เอ่อ...ใช่..."
"งั้นเราก็ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยเถอะ ทะเลาะกันในร้านรังแต่จะทำให้การเก็บกวาดลำบาก" หลังจากพูดจบ วอลสันก็ยื่นมือมาหาข้า ฝ่ามือของเขากำลังจะจับมือข้าอยู่
"เดี๋ยวก่อน เจ้าคงจะไม่..."
“...มีความสุขกับไวน์ในมือต่อไปเถอะ” เกรซปรากฏตัวขึ้นมาข้างข้า
ไม่นานนักข้าก็ได้รู้
ดูเหมือนว่าทั้งสามคนนี้ที่อยู่เคียงข้างข้าตลอดเวลาที่ดูเหมือนคนธรรมดา...จะไม่ใช่คนธรรมดาเลยสักนิดเดียว