ตอนที่แล้วเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 5: บ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 7: ลมหายใจมังกร

เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 6: การจู่โจมมังกร


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

เล่มที่ 2 บทที่ 6: การจู่โจมมังกร

.

(

(เมล่อน)

)

"สวัสดีทุกท่าน ข้า ซึ่งเป็นองค์หญิงองค์ที่สองแห่งเมืองเตกิตตันจะอธิบายรายละเอียดการจู่โจม”

ผู้หญิงที่เดินออกมาตรงจุดศูนย์กลางมีอายุประมาณยี่สิบ และมีส่วนสูง 170 ซม. ผมยาวสีเงินของนางถูกมัดเป็นหางม้า

ตาขวาของนางสวมผ้าปิดตา ส่วนตาซ้ายของนางเป็นดวงตาสีฟ้าเปลือยเปล่า นางสวมเสื้อผ้าสีดำอ่อนใต้แจ็คเก็ตสีน้ำตาลและรองเท้าบูทจับคู่กับกางเกงสีน้ำตาล

เสื้อผ้าลำลองแบบนี้เป็นที่รู้จักในหมู่นักผจญภัยว่ามันไม่เหมาะกับการต่อสู้ มีเพียงมือใหม่เท่านั้นที่จะแต่งตัวแบบนี้...

แต่สัญชาตญาณของข้าบอกข้าว่าเจ้าหญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาหาเรื่องได้เลย

หลังจากขึ้นมาบนเวทีแล้ว เจ้าหญิงองค์ที่สองก็พูดถึงส่วนหนึ่งของแผนการที่ข้าไม่ไว้ใจมากที่สุด แผนนี้เป็นเหมือนกับข้อตกลงด้านเดียวที่ฝั่งพวกข้ามีแต่ต้องยอมรับเท่านั้น

"เราแค่ต้องการให้เจ้า..." นางขมวดคิ้วเมื่อพูด

“ขออภัยด้วยเจ้าหญิง ครั้งนี้ข้าเป็นผู้บัญชาการ ขอข้าอธิบาย”

ชายวัยกลางคนผู้สวมเสื้อคลุมสีม่วงหรูหราได้เดินขึ้นเวที ผมสีดำของเขาหวีอย่างเรียบร้อย ราวกับว่าเขาต้องการอวดคุณค่าของตนเองให้โลกรู้

"...ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่แต่แรก ' เจ้าควรจะขึ้นมา ' ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ " เจ้าหญิงที่ยืนอยู่บนเวทีเพียงครู่เดียวก็กระโดดลงจากเวทีทันที พร้อมกับบ่นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โรเวนเดเมย์เป็นผู้บัญชาการของภารกิจนี้ เชี่ยวชาญในการสร้างกระสุนหินโดยใช้เวทมนตร์ประเภทธาตุดิน และเป็นนักผจญภัยระดับ S ที่มีฉายาว่า "ไม้เวทมนตร์"... แต่พูดตามตรง ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขาเลย

แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะข้าอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งข่าวมักจะไปไม่ถึง เพราะด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นนักผจญภัยระดับ S มันย่อมมีข่าวเกี่ยวกับเขามากมายอยู่แล้ว

“นี่คือรองผู้บัญชาการการจู่โจม ฟิลลิปเร็กซ์ ซึ่งก็เป็นนักผจญภัยระดับ S เช่นกัน มาจากตระกูลเร็กซ์ที่โดดเด่น เขามีความรู้เกี่ยวกับเวทย์ไฟระดับสูงและความสามารถพิเศษของ”นักดาบเวทมนตร์" เป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะอย่างแท้จริง!"

“พวกเจ้าทุกคนจะคุ้มครองเราในระหว่างการจู่โจม นั่นคือจุดประสงค์ของการพาพวกเจ้ามา จงฟังคำสั่งของเราตลอด ข้าเชื่อว่าไม่มีใครในพวกเจ้าต้องการท้าทายขุนนางกันอยู่แล้ว”

เป็นชายหนุ่มผมสีทองที่กล่าวขึ้นมาแบบนั้น ชุดเกราะที่เขาสวมนั้นงดงามกว่าเสื้อคลุมของโรเวนเดเมย์ ซึ่งส่องแสงสีเงินด้วยโครงร่างสีทองพร้อมกับเครื่องประดับหลายชนิด

...นี่มันไม่เด่นเกินไปหน่อยเหรอสำหรับการต่อสู้?

แผนนี้ค่อนข้างแปลก กลุ่มนักผจญภัยมีหน้าที่ัจัดการมอนสเตอร์โดยรอบและตัวปัญหาจะถูกจัดการโดยนักผจญภัยระดับ S

สัญญานี้เน้นย้ำสิ่งต่างๆ ข้างต้นและรวมถึงการที่เราควรเชื่อฟังผู้บัญชาการ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

...เป็นเพราะเนื้อหาของสัญญาแบบนี้ ข้าจึงคิดว่านี่เป็นข้อตกลงด้านเดียว

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีรางวัลอื่นเลย นอกเหนือจากการแจกจ่ายของตามความเสียหายของแต่ละกลุ่มแล้ว นักผจญภัยระดับ B จะได้รับเงินเพียง 5 เหรียญทองในการเอาชนะซาลาแมนเดอร์ระดับ A โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่ามันไม่ยุติธรรม

ความเสียหายจะคำนวณยังไงกันเล่า? มันไม่ได้เขียนไว้อย่างละเอียดในสัญญา แต่มันบอกว่าผู้บัญชาการสามารถกำหนดได้ตามวิจารณญาณ นอกจากนี้ สัญญายังระบุว่ากลุ่มต่างๆ มีหน้าที่จัดการมอนสเตอร์ ส่วนเรื่องอื่นนักผจญภัยระดับ S จะจัดการกันเอง

หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถเอาของจากพวกมอนสเตอร์ได้เลยเหรอ? นอกจากนี้ การเรียกนักผจญภัยระดับ B มาจัดการเป้าหมายแรงค์ A เป็นการประเมินศัตรูต่ำเกินไปตามความรู้ของข้า

ส่วนผู้มอบหมายภารกิจนี้เป็นคนขุดแร่จากเหมืองที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางตะวันตก 12 กิโลเมตร พวกเขาไปขุดเหมืองจนกึ่งมังกรที่หลับใหลได้ตื่นขึ้นมาทำลายเหมือง จากรายงาน ดูเหมือนว่าจะเป็นซาลาแมนเดอร์ ประเภทกึ่งมังกร

มันแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่บินได้ที่นายท่านเคยอธิบายไว้ คุณมิราเบลล่าบอกข้าว่ามังกรที่เรียกกันโดยทั่วไปนั้นเป็นกึ่งมังกร มีหลายสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน แต่ละสายพันธุ์มีที่อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองและพวกมันถือเป็นสัตว์วิเศษ ข้าเคยเจอมาก่อนตอนที่ข้าอาศัยอยู่ในป่า

ทว่ายังคงมีสิ่งมีชีวิตภัยพิบัติบินได้ที่แตกต่างจากกึ่งมังกรพวกนี้ มันคือสายพันธุ์มังกรที่แท้จริง พวกมันมีช่วงชีวิตที่ยาวนาน สติปัญญาสูงส่งและพลังวิเศษตามธรรมชาติ เพียงแต่ว่าพวกมันไม่ค่อยได้ปรากฏเห็นและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานมานานแล้ว

...พวกมันจะทรงพลังแค่ไหนกันนะ? กึ่งมังกรนั้นหายากและทรงพลังอยู่แล้ว เมื่อพิจารณาจากค่าสถานะทั่วไปพวกมัน ก็เทียบเท่ากับการสู้กับสัตว์วิเศษที่ทรงพลังได้เลย เมื่อข้าเจอกับกึ่งมังกรครั้งแรก ข้าเกือบเอาตัวไม่รอด แต่ตอนนี้ข้าเตรียมพร้อมแล้ว

ข้าจะไม่ให้นายท่านรอคอยอย่าสงเสียเปล่า ข้าจะเตรียมของขวัญต้อนรับวันเกิดเขาให้ได้

การเอาชนะสัตว์ร้ายที่ทรงพลังพวกนี้คงจะมีวัตถุดิบและรางวัลให้ข้าแน่ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงอยากจะเข้าร่วม

ไม่ใช่ราชวงศ์หรือสมาคมของนักผจญภัยที่ส่งคำขอรับสมัคร แต่เป็นขุนนาง

...ข้ายอมรับคำขอโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ทว่าเมื่อข้าเห็นสัญญาของยามเช้าวันนี้...ที่บอกว่าข้าอาจไม่ได้รับรางวัล ดังนั้นข้าจะต้องคิดหาทางออกอื่น

ตอนแรกข้าหวังว่าจะได้วัตถุดิบจากซาลาแมนเดอร์ เพื่อเอาไปให้ช่างตีเหล็กทำเครื่องประดับหรือชุดเกราะ...บางทีข้าอาจจะให้กริชกับนายท่านได้

ในวัฒนธรรมและประเพณีบ้านเกิดของข้า เราให้ของขวัญเป็นกริชเพื่อเฉลิมฉลองวัยเติบโต

เหตุผลหนึ่งเพราะอันตรายของป่า ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือการหวังว่าพวกเขาจะกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่

ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาถึงสถานที่เป้าหมายในรายงานด้วยรถม้า

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ารู้สึกสงสัยมาก ข้ายังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย

...

...

ณ เหมืองเซียนสถานที่ของภารกิจ ตอนนี้มันไม่มีอะไรมากไปกว่าอาคารและซากปรักหักพังของคนงานเหมือง

"โอ้ววววว — [หินกระแทก]!"

"[ ดาบเปลวเพลิง]!"

เมื่อถูกโจมตีโดยหินที่ตกลงมาและดาบไฟอย่างต่อเนื่อง กิ้งก่าที่มีเกล็ดสีแดงก็ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ มันดิ้นรนโดยสะบัดร่างกายของมันเพื่อพยายามที่จะหลุดพ้น แต่ก็ไม่เป็นผล

นักผจญภัยตั้งกลุ่มสี่กลุ่มและดึงแขนขาของซาลาแมนเดอร์แต่ละข้างด้วยเชือกพิเศษ ในขณะเดียวกัน เวทมนตร์ทุกชนิดได้พุ่งโจมตีซาลาแมนเดอร์เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว พร้อมกับปิดกั้นการมองเห็นของมัน ในที่สุดซาลาแมนเดอร์ยาว 7 เมตรก็ล้มลงกับพื้นและส่งเสียงโหยหวนเป็นครั้งสุดท้าย

นักผจญภัยล้อมรอบศพและส่งเสียงตะโกนออกมา ดูเหมือนจู่โจมจะเป็นไปอย่างราบรื่น

ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง มิราเบลล่าก็พบว่าเมล่อนเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียว

นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเมล่อนในฐานะนักผจญภัย แม้ว่ารางวัลอาจน้อย แต่ก็ยังดีที่การจู่โจมสำเร็จ มันก็เหมือนทำงานง่ายๆ เพื่อหาเงินเท่านั้นเอง

จากสัญญาด้านเดียวที่พวกเขาทำกันมา ดูเหมือนว่าขุนนางจะได้วัตถุดิบทั้งหมดของซาลาแมนเดอร์ไป

น่าเสียดายนัก เมล่อนได้แต่คิดในใจ แต่จะให้ไปแย่งมาจากขุนนางก็คงไม่ได้

“ดีแล้วที่ไม่มีอันตรายเกิดขึ้นเนอะเมล่อน?” มิราเบลล่าไปปลอบใจเมล่อนที่กำลังเดินหาของตามเศษซากสิ่งก่อสร้าง

นางดูอารมณ์เสียพอสมควร

“เมล่อนไม่เป็นไรนะ ไว้มีครั้งต่อไปเราก็จะไปหาวัตถุดิบกัน...” ในฐานะผู้เป็นนักผจญภัยอาวุโส มิราเบลล่าจึงรู้สึกจำเป็นต้องรับผิดชอบในการสอนเมล่อน

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกคุณมิราเบลล่า” อย่างไรก็ตาม เมล่อนได้ขัดจังหวะนางทันที “ไม่มีใครรู้เลยเหรอ? กลิ่นในอากาศ...และแรงสั่นสะเทือนมากมาย... !”

เมล่อนยังคงอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการต่อสู้ ตอนนี้นางดูตึงเครียดมากในขณะที่มองไปรอบๆ และได้กลิ่นในอากาศ

มิราเบลล่าอยากจะทำให้เมล่อนสงบลง แต่หลังจากเห็นจุดที่เมล่อนมองไป ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสี

ซากปรักหักพังพลันปลิวว่อนไปทั่ว สัตว์เลื้อยคลานขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้น! เท้าของมันใหญ่กว่าซาลาแมนเดอร์ทั้งตัวเสียอีก!

นี่คือ...ขนาดของกึ่งมังกรทั่วไปใช่ไหม? ในขณะนั้นเอง คำถามก็ปรากฏขึ้นในใจของมิราเบลล่า

มีตำนานกล่าวว่ามังกรบางตัวอาศัยอยู่ด้วยกันกับกึ่งมังกร ซึ่งพวกกึ่งมังกรจะทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ของมังกร...

มิราเบลล่าไม่กล้าคิดต่อไป เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยและกำลังโกลาหลอย่างมาก

พื้นดินกำลังสั่นสะเทือน!

บางคนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ บางคนปลิวไปตามลมและพื้นดินก็กำลังแยกออก! ในขณะเดียวกัน เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นซาลาแมนเดอร์จำนวนมากก็ออกมาจากหลุมและเหยียบย่ำฝูงชน

ซาลาแมนเดอร์พวกนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ต้องการโจมตีนักผจญภัย แต่คงกำลังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ซาลาแมนเดอร์ที่หวาดกลัวพุ่งไปทางเมล่อนและมิราเบล แต่ก็หยุดก่อนที่จะสามารถจัดการกับพวกนางได้

เพราะพวกมันถูกเหยียบย่ำโดยกรงเล็บขนาดยักษ์ มันกระทืบฝูงซาลาแมนเดอร์จำนวนมากจนเรียบ

ร่างที่ใหญ่โตราวกับภูเขาเล็กๆ โผล่ออกมาจากพื้นพร้อมกับเสียงคำราม

"โฮกกกกกกกกกกกกกกก!"

___________________

"มอนสเตอร์!" แม้แต่เมล่อนที่มีสัตว์อสูรเป็นเพื่อนบ้านมาหลายปีในป่าแห่งนาคูลาก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวเมื่อได้พบกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้!

ร่างกายของมันทอดยาวกว่า 40 เมตรตั้งแต่หัวจรดเท้า ขนาดของมันใหญ่โตมโหฬาร ราวกับเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมอสหนา มันทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่น่ากลัวทุกครั้งที่วางเท้าลงบนพื้น

มันคือมังกร! มังกรตัวจริง! ใครจะคิดว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้อาศัยอยู่ในเหมืองแร่ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงเพียงไม่กี่ไมล์เท่านั้นกัน!?

ภัยคุกคามที่ไม่คาดคิดทำให้การเดินทางของสมาชิกประมาณห้าสิบคนต้องสลายไปทันที ครึ่งหนึ่งของพวกเขาติดอยู่ในรอยบุบที่มังกรสร้างขึ้นเมื่อมันคลานออกมาจากพื้นดิน ส่วนที่เหลือพยายามหนีจากมอนสเตอร์ที่ตื่นขึ้นมาและซาลาแมนเดอร์ที่กระจัดกระจายอยู่จำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก

เมื่อมังกรส่งเสียงคำรามออกมาอย่างรุนแรง สถานการณ์ก็เปลี่ยนจากเลวร้ายเป็นเลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะซาลาแมนเดอร์ทุกตนหยุดวิ่งอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าและหันไปพุ่งเข้าใส่นักผจญภัยราวกับว่าพวกมันได้รับคำสั่ง!

"บัดซบเอ้ย! นั่นมันบ้าอะไรกัน!?”

“ว้ากกก! อ๊ากกกกก!”

"ช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย!"

ซาลาแมนเดอร์กำลังจะกัดนักผจญภัยคนหนึ่ง แต่ก็ได้มีลำแสงสีเขียวพุ่งผ่านศีรษะของมันไป ผู้ปลดปล่อยหอกเรืองแสงคือหญิงสาวที่สง่างาม ดูมั่นใจตัวเองและมีเส้นผมสีขาวเรืองรอง

"โอ้! ขอบคุณเทพธิดา เจ้าหญิง!"

"วิ่ง! พวกเจ้าอยากจะเป็นมื้อค่ำของพวกมันหรือไงกัน?” เจ้าหญิงตอบโดยไม่ละสายตาจากศัตรู จากนั้นนางก็ดึงหอกออกมาทันทีและพุ่งเข้าหาซาลาแมนเดอร์อีกตัว

ในขณะเดียวกัน เมล่อนก็กำลังหลบซาลาแมนเดอร์พร้อมกับคว้าตัวกาบับและลอว์เรนซ์ไว้ในมือ เพื่อหนีออกจากสนามรบที่วุ่นวายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

"อยู่ที่นี่" เมล่อนพูดอย่างเคร่งเครียดกับทีมสี่คนที่นางพาหนีออกมาได้ "ข้าจะพยายามไปช่วยคนอื่น" จากนั้นนางก็ทิ้งพวกเขาและกลับไปที่สนามรบ

“ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร” นางคิดในใจ เมื่อเทียบกับประสบการณ์ของนางเองในการล่ามอนสเตอร์กับนายท่านในนาคูลา นางก็รู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้สิ้นหวังมากขนาดไหน มังกรแข็งแกร่งมาก ทั้งยังปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน นางยอมแพ้และขอถอนตัวทันที ถ้าไม่คนต่อไปที่ต้องตายก็คงเป็นนาง!

เจ้าหญิงผมขาวก็รู้ว่าวิกฤตครั้งนี้ยากจะแก้ไข นางพุ่งมาที่นี่และที่นั่นด้วยหอกของนาง โดยฆ่าซาลาแมนเดอร์ห้าตัวติดต่อกัน เมื่อเห็นสภาพหอกของนางที่แตกด้วยความเปราะบาง นางขมวดคิ้วและเดาะลิ้นของนางออกมา อาจเพราะการใช้มานาซ้ำๆ กระมัง ความทนทานของมันจึงลดลง

ในการเดินทาง "ปิกนิก" ครั้งนี้อยู่ใกล้กับปราสาทของกษัตริย์มาก นางจึงได้ร่วมภารกิจเพื่อมาเป็นตัวช่วย อย่างไรก็ตาม มังกรขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนจะสามารถควบคุมซาลาแมนเดอร์ได้เป็นสิ่งที่เกินความสามารถของนาง เนื่องจากนักผจญภัยระดับ B คงไม่อาจช่วยล่ามังกรได้อยู่แล้ว นางจึงต้องไตร่ตรองว่าควรจะอยู่ต่อเพื่อช่วยคนอื่นดีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะหยุดเคลื่อนไหวเพื่อกำลังตัดสินใจอยู่ มังกรตัวนั้นก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนางและส่งผลให้ซาลาแมนเดอร์จำนวนมากพุ่งเข้าใส่นางและขัดขวางนาง

นักผจญภัยบางคนตั้งกลุ่มเล็กๆ เพื่อคอยป้องกันและพยายามถอนตัวออกไป แต่พวกเขาก็ถูกฟิลลิปเร็กซ์ตะโกนใส่: "อยู่ที่ตำแหน่งของเจ้า ตรึงซาลาแมนเดอร์พวกนั้นไว้ซะ! เจ้าลืมสัญญาของข้าและคิดท้าทายตระกูลเร็กซ์งั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินคำสั่งที่ไร้เหตุผลของขุนนางหนุ่ม สมาชิกนักผจญภัยแต่ละคนก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"ใช่แล้วขอรับท่าน! ด้วยชื่อเสียงในการฆ่ามังกร ท่านจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลแทนพี่ชายของท่านเป็นแน่!” โรเวนเดเมย์พูดด้วยเสียงดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน

"ใช่แล้ว!" ฟิลลิปเร็กซ์กล่าวอีกว่า "ข้าในฐานะทายาทของเร็กซ์ จะให้รางวัลพวกเจ้าทุกคนเมื่อเรื่องนี้จบลง! ตอนนี้จงมุ่งไปข้างหน้า! คุ้มกันข้า!"

เมื่อได้ยินคำพูดเยินยอของโรเวนเดเมย์ ฟิลลิปเร็กซ์ก็เริ่มฝันกลางวัน เมื่อมังกรถูกฆ่า เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษและกลายเป็นทายาทหลักของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของมังกรเองก็เป็นสมบัติล้ำค่า กระดูกและเกล็ดมังกรเป็นวัสดุที่ล้ำค่าที่สุด หายากที่สุด ช่างเป็นอนาคตที่สดใสและสวยงามอะไรขนาดนี้!

“ไอ้งั่งงี่เง่านั่น!” เจ้าหญิงตะโกนออกมา นางรู้ว่าฟิลลิปเร็กซ์กำลังทำให้ทุกคนไปฆ่าตัวตายหมู่ เพราะกระทั่งนางเองก็ยังไม่สามารถกำจัดซาลาแมนเดอร์จำนวนมากขนาดนี้ได้เลย!

ในเวลาเดียวกัน นางก็เห็นซาลาแมนเดอร์ "บิน" ไปหานักผจญภัยและพุ่งชนเข้ากับโรเวนเดเมย์และฟิลลิปเร็กซ์ การชนนั้นทรงพลังมากจนคนแรกหมดสติไป ในขณะที่คนหลังได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

* ฟิ้วววว *

เสียงบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามา

เด็กสาวกิ้งก่าลงจอดต่อหน้านักผจญภัยที่สับสนพร้อมกับ "กำไลป้องกัน" ที่ติดตั้งอยู่บนแขนขาของนาง และยังมีดินปืนพร้อมกับกระสุนจำนวนมาก

“ขอโทษที นายท่านบอกข้าว่าอย่าใช้ 'กำไลป้องกัน' ในที่สาธารณะ ดังนั้นข้าจึงพยายามหลีกเลี่ยงการใช้มัน แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวาน ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” ในขณะที่นางสารภาพอย่างเงียบๆ นางก็ก้าวไปหามังกรและซาลาแมนเดอร์ไม่กี่ก้าว จากนั้นนางก็กระซิบชื่อเอ่ยชื่อทักษะเวทมนตร์เพียงอย่างเดียวที่นางมี: "[ เสริมแรงทางกายภาพ ]"

นางได้เรียนรู้ทักษะระดับพื้นฐานนี้เมื่อนางอายุ 11 ปี แม้ว่าผลของมันจะมีเล็กน้อย แต่นางก็เข้าใจอย่างแน่นอนว่ามันเป็นพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวของนางที่นางจะสามารถเพิ่งพามันได้ ดังนั้นนางจึงไม่เพียงแต่ฝึกฝนมันซ้ำๆ แต่พยายามทลายขีดจำกัดด้วย ในวันหนึ่ง นางก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในร่างกายของนาง เนื่องจากนางไม่สามารถอธิบายความแตกต่างได้มากนัก นางจึงไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร

“เจ้ากิ้งก่า...จงเชื่อฟัง... คำสั่งของข้า...” ฟิลลิปเร็กซ์ที่นอนลงกับพื้นตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและดวงตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

เมล่อนไม่สนใจเขาและจดจ่ออยู่กับมังกรที่กำลังคำราม นางลดตำแหน่งลง ยกมือขึ้นตรงหน้าอกและงอนิ้วเข้ามาด้านในเล็กน้อย ในขณะที่นางตรวจสอบสนามรบและรอช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี ผิวของนางก็กำลังพ่นควันจางๆ สีขาวออกมา!

“ข้าลืมเรื่องพื้นฐานไปเลย นายท่านบอกว่าจงอย่าฟังคำพูดของคนโง่โดยเด็ดขาด” เมล่อนคิด

“แถมข้ายังเป็นทาสของนายท่าน ไม่มีทางหรอกที่ข้าจะคุกเข่าและเชื่อฟังคำพูดของผู้อื่น!”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด