ตอนที่ 91 เจ้าจับมันไม่ได้
“เจ้ากำลังบอกว่าเจี่ยจิ่นตงโกหกหรือ?” หลินเฉียนตู้ขมวดคิ้ว
“ศิษย์ไม่ได้โกหก เมื่อวานข้าใช้เทียนขาวล่อสิ่งแปลกประหลาดจริง” เมื่อได้ยินคำพูดเฉียนหลินตู้ เจี่ยจิ่นตงขมวดคิ้วพูดอย่างนิ่งเฉย
“ข้าไม่ได้บอกว่าศิษย์คนนี้โกหก เพียงบอกว่าศิษย์ทั้งสองของข้าใช้เทียนขาวล่อสิ่งแปลกประหลาดเช่นกัน พวกเขาควรได้รับความชอบนี้ด้วย” เฟิงซิวผู่ส่ายหัว
“แอบอ้างความชอบ ถือเป็นความผิดร้ายแรง!”
ผู้ดูแลโถงความสำเร็จพูดเสียงทุ้ม ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว แต่กลับมีคนสองกลุ่มปรากฏออกมา ต้องมีฝ่ายหนึ่งโกหก หรืออาจโกหกทั้งสองฝ่าย เนื่องด้วยความจริงที่มีการสูญเสียงลดลงเรื่องนี้จึงไม่อาจบอกปัด
“พวกเจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?” เฉียนหลินตู้มองเฉินเฟยและคนอื่น
เจี่ยจิ่นตงไม่พูด เขาเดินไปหาเฉินเฟยแล้วมองขึ้นลง เมื่อสัมผัสได้ถึงลมปราณเฉินเฟยที่อยู่ในระดับหลอมกระดูก เขาจึงขมวดคิ้วและหันไปมองกัวหลินซาน
“กัวหลินซาน ข้าจำได้ว่าท่าร่างไม่ใช่จุดแข็งของเจ้า หากต้องการล่อสิ่งแปลกประหลาดออกไป ด้วยท่าร่างของเจ้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”
“ข้าไม่ได้ทำ ความชอบส่วนใหญ่สำหรับเรื่องนี้เป็นของศิษย์น้องเฉิน ข้าเพียงนำทางให้”
กัวหลินซานพูดด้วยรอยยิ้ม ท่าร่างเขาอยู่ในระดับปานกลาง หากท่าร่างของเขาโดดเด่นพอ เมื่อคืนนี้เขาคงล่อสิ่งแปลกประหลาดคนเดียวแทนที่จะพาเฉินเฟยไปเสี่ยงด้วย
“เขา?”
เจี่ยจิ่นตงมองเฉินเฟยอย่างคิดไม่ถึง หากกัวหลินซานบอกว่าเมื่อไม่นานนี้ท่าร่างของตัวเองพัฒนาขึ้น เจี่ยจิ่นตงพอจะเชื่ออยู่บ้าง ท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์ของกัวหลินซานนั้นไม่เลว ก่อนหน้านี้เพียงมุ่งเน้นอยู่กับพลังเข้าใจต้นกำเนิดเท่านั้น
นี่เป็นวิธีฝึกฝนของศิษย์ภายในส่วนใหญ่เช่นกัน พวกเขาจะมุ่งเน้นการฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิดและให้วิชาอื่นเป็นส่วนเสริม ตราบเท่าที่ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น การเรียนรู้ท่าร่างระดับสูงจะง่ายขึ้น
“ข้าเอง!” เฉินเฟยกุมมือ
“เจ้าจะพิสูจน์อย่างไร!” เจี่ยจิ่นตงมองเฉินเฟยอย่างสงสัย
“เจ้าต้องการให้ข้าพิสูจน์อย่างไร?”
เฉินเฟยอดไม่ได้ที่ยิ้ม “แล้วเจ้าจะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากำลังสงสัยข้าหรือ!”
เจี่ยจิ่นตงหัวเราะเสียงดัง มองไปรอบด้านแล้วชี้ไปนกตัวเล็กที่อยู่ห่างโถงความสำเร็จหลายสิบหมี่ “เจ้าเห็นนกตัวนั้นไหม เจ้าคิดว่าข้าต้องใช้เวลาแค่ไหนในการจับมัน?”
ทุกคนหันไปมอง เห็นนกตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังจิกกินหนอนบนพื้นนอกโถงความสำเร็จ
ต้องวิ่งจากตรงนี้ไปโดยไม่ให้นกแตกตื่น หากท่าร่างไม่ดีพอนกจะแตกตื่นและบินหนีไป แน่นอนว่าเขาสามารถไปอย่างเงียบๆแล้วจับมันทันที แต่นั่นไม่มีความหมายอะไร
“ข้าคิดว่าเจ้าจับนกตัวนั้นไม่ได้!” เฉินเฟยมองนกตัวนั้นแล้วหันไปหาเจี่ยจิ่นตง
“ข้าคิดว่าเจ้าจับมันไม่ได้เช่นกัน” กัวหลินซานหัวเราะเสียงดังจากด้านข้าง
“เช่นนั้นจงดูให้ดีว่าข้าจะจับมันได้หรือไม่!”
เจี่นจิ่นตงหัวเราะออกมาจนลืมหายใจ เขาหรี่ตาลงชำเลืองมองเฉินเฟยแล้วหันไปมองนองโถงความสำเร็จ งอร่างกายลงเล็กน้อย ครู่ต่อมาเจี่ยจิ่นตงก็พุ่งออกไป
เจี่ยจิ่นตงมาอยู่ตรงหน้านกในไม่กี่ก้าว นกสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจึงกระพือปีกบินหนีนที
เจี่ยจิ่มตงยิ้มกว้างและกำลังยื่นมือขวาไปจับนก เพียงแต่เจี่ยจิ่นตงยังไม่ทันยื่นมือออกไป ทันใดนั้นมีมือหนึ่งยื่นนำเจี่ยจื่นตงหนึ่งก้าวและจับนกตัวนั้นไว้
เจี่ยจิ่นตงตกใจรีบหันไปมอง พบว่าเป็นเฉินเฟยนั่นเอง
เจี่ยจิ่นตงตกตะลึงและใช้มือขวาจับเฉินเฟยโดยไม่รู้ตัว แต่พอเล็บแตะลงไปก็ไม่มีร่างเฉินเฟยอยู่ตรงหน้าอีก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นเฉินเฟยอยู่ในโถงความสำเร็จและมองเขาจากระยะไกล
ดวงตาเจี่ยจิ่นตงเบิกกว้าง อีกฝ่ายอยู่ในระดับหลอมกระดูกไม่ใช่หรือ นี่มันความเร็วท่าร่างอะไรกัน ทำไมถึงดูเหมือนระดับหลอมกระดูกเท่านั้น
ไม่ใช่เพียงเจี่ยจิ่นตง คนอื่นในโถงความสำเร็จต่างประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเฉินเฟย
เจี่ยจิ่นตงไม่ได้เห็นทั้งหมด แต่พวกเขาเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน ตั้งแต่เฉินเฟยเริ่มก้าวออกไปจนกระทั่งจับนกกลับมา
แม้ว่าเจี่ยจิ่นตงจะนำไปก่อนและเฉินเฟยยังชะลอตัวชั่วขณะ แต่เฉินเฟยยังไปถึงที่หมายเร็วกว่าเจี่ยจิ่นตง การเคลื่อนไหวนี้ได้ทำลายความเข้าใจของเจี่ยจิ่นตงอย่างสมบูรณ์
เฉียนหลินตู้มองเฉินเฟยอยู่หลายครั้งแล้วหันไปมองเฟิงซิวผู่ ศิษย์คนนี้มีคสามสามารถแน่นอน ทักษะท่าร่างดีมาก เพียงแต่ฐานฝึกฝนต่ำไป อายุเท่านี้แต่ยังอยู่ในระดับหลอมกระดูก ช่างน่าเสียดายนัก
เฟิงซิวผู่ไม่แสดงสีหน้า เขารู้เรื่องท่าร่างเฉินเฟยก่อนแล้ว แต่พอได้เห็นอีกครั้งในวันนี้ก็พบว่าท่าร่างของเฉินเฟยเหมือนจะพัฒนาขึ้นเล็กน้อย เพิ่งผ่านมาได้กี่วันเอง?
เฉินเฟยปล่อยนกในมือ มองเจี่ยจิ่นตงที่เดินกลับมา
“ตอนนี้พิสูจน์ได้หรือยัง?” เฉินเฟยยิ้ม
“เจ้าจงใจระงับฐานฝึกฝนไว้!” เจี่ยจิ่นตงต้องมองเฉินเฟย เขารู้สึกว่าตัวเองโดนถูกหลอก ทำไมระดับหลอมกระดูกถึงได้ว่องไวเช่นนี้
หากมีแรงกับเวลาขนาดนั้น เจ้าไม่อาจไปเพิ่มฐานฝึกฝนดีกว่าหรือไม่ อีกฝ่ายต้องระงับฐานฝึกฝนเพื่อเยาะเย้ยเขาแน่!
“เฉินเฟยอยู่ในระดับหลอมกระดูกและไม่ได้ระงับฐานฝึกฝนตัวอง” เฉียนหลินตู้ด้านข้างพูดขึ้น
เจี่ยจิ่นตงหันไปมองเฉียนหลินตู้อย่างไม่อยากเชื่อ เฉียนหลินตู้พยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาเจี่ยจื่นตงเบิกกว้าง เฉินเฟยคนนี้เป็นตัวประหลาดแบบใด เจ้าฝึกฝนท่าร่างอย่างไรกันแน่ เจ้าจัดเวลาบ่มเพาะบ้างหรือไม่?
เฟิงซิวผู่ไม่สนใจและปล่อยให้ลูกศิษย์ฝึกฝนด้วยตัวเองเช่นนี้หรือ?
เจี่ยจิ่นตงมีความคิดมากมายอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญกับสิ่งหนึ่ง นั่นคือท่าร่างเฉินเฟยเร็วมาก เร็วยิ่งกว่าเขาเสียอีก
หากต้องล่อสิ่งแปลกประหลาดจริง โอกาสที่เฉินเฟยจะทำเสร็จมีมากกว่าเขาอย่างไม่ต้องสังสัย
ศิษย์คนอื่นที่มาโถงความสำเร็จพร้อมกับเจี่ยจิ่นตงเพื่อเป็นพยานให้ ในเวลานี้พวกเขาเริ่มสับสนและไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ไม่ว่าจะมองอย่างไรศิษย์พี่ก็เหมือนจะเป็นนักตุ้มตุ๋น
“เมื่อวานข้าใช้เทียนขาวล่อสิ่งแปลกประหลาดจริงๆ ข้าไม่เคยโกหกเรื่องนี้!” เจี่ยจิ่นตงพูดเสียงดัง
“ศิษย์พี่เจี่ยจุดเทียนขาวล่อสิ่งแปลกประหลาดจริง พวกเราไม่กล้าโกหกเรื่องนี้แน่นอน!” ศิษย์คนหนึ่งพูดเสียงเบา
“ใช่ใช่ เรากล้ามาที่นี่เราะได้เห็นกับตา พวกเรารู้กฎของสำนักดี”
“อาจารย์อาจาง เจี่ยจิ่นตงบอกหรือไม่ว่าเมื่อวานล่อสิ่งแปลกประหลาดกี่ตัว?” กัวหลินซานหันไปถามผู้ดูแลโถงควาสำเร็จพร้อมกับกุมมือ
“เขาบอกว่าล่อได้มากกว่าสิบตัว” ผู้ดูแลโถงความสำเร็จนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ
“อาจารย์เฉียน เมื่อวานมีสิ่งแปลกประหลาดกี่ตัวที่กลับไป” กัวหลินชานมองเฉียนลินตูแล้วถาม
“น่าจะมีสักห้าสิบหกสิบตัวได้ ข้าไม่ได้มองอย่างละเอียดเช่นกัน”
เฉียนหลินตู้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้?”
“ศิษย์กำลังนับ เพราะเมื่อวานมีสิ่งแปลกประหลาดไล่ล่าพวกเราประมาณห้าสิบตัว”
กัวหลินซานเดินไปหาเจี่ยจิ่นตงและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบอกว่าล่อสิ่งแปลกประหลาดได้มากวก่าสิบ แต่ข้ากับ เฉินเฟยล่อได้ประมาณห้าสิบ ตัวเลขนี้ถูกต้องเลยทีเดียว”
“เจ้าล่อไปห้าสิบตัว?” เจี่ยจิ่นตงพูดด้วยความตกใจ เมื่อวานเขาล่อไปมากกว่าสิบตัวก็แทบทนไม่ไหวแล้ว
คนอื่นในที่นั้นขมวดคิ้ว หากสิ่งที่กัวหลินซานพูดเป็นความจริง เฉินเฟยทั้งสองควรได้ความชอบในการช่วยชีวิตศิษย์หลายคนเมื่อวาย ท้ายที่สุดแล้วจำนวนสิบกับห้าสิบแตกต่างกันอย่างมาก
“ไม่เชื่อหรือ?” กัวหลินซานถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีหลักฐานยืนยัน เจ้าแสดงหลักฐานได้หรือไม่?” เจี่ยจิ่นตงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แม้เขาจะแพ้เฉินเฟยเรื่องท่าร่าง แต่หากมีสิ่งแปลกประหลาดมากมายขนาดนั้นการใช้ท่าร่างอย่างเดียวย่อมไม่พอ ท้ายที่สุดแล้วเฉินเฟยอยู่ในระดับหลอมกระดูกเท่านั้น
“ขออภัยด้วย แต่ข้ามีหลักฐาน!”
กัวหลินซานหยิบหินบันทึกภาพออกมาจากแขนเสื้อ เดิมทีที่กัวหลินซานบันทึกภาพไว้เพราะคิดว่าการมอบมันให้โถงความสำเร็จจะน่าเชื่อถือกว่า อย่างไรแล้วในเวลานั้นเขาก็บังเอิญพกไปพอดี
ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีคนแอบอ้างความดีความชอบ ความบังเอิญนั้นจึงมีประโยชน์ขึ้นมา
เจี่ยจิ่นตงเบิกตากว้างเมื่อเห็นหินบันทึกถ่ายในมือกัวหลินซาน กัวหลินซานเป็นอะไรไป ทำไมเขาถึงพกหินบันทึกภาพไว้กับตัว?
หินบันทึกภาพมีราคาแพงและบันทึกภาพได้ไม่มาก ดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่ค่อยใช้มัน
แน่นอนว่ายังมีลูกหลานคนรวยบางคนที่ชอบเล่นเกมน่าอายและเก็บภาพไว้ดู
คนอื่นในบริเวณนั้นมองกัวหลินซานอย่างแปลกๆ
“หินบันทึกภาพอันนี้บันทึกตอนที่อาจารย์สอนจุดสำคัญของพลังเข้าใจต้นกำเนิด ดังนั้นข้าจึงพกมันติดตัว”
ด้วยความรู้สึกอึดอัดที่โดนทุกคนจับตามอง กัวหลินซานจึงสร้างคำอธิบายประโยคหนึ่งให้หินบันทึกภาพ
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเฉินเฟยถือกระบี่ยาว ภายใต้แสงเทียนขาวนั้นสิ่งแปลกประหลาดหลายสิบตัวเบียดเสียดกันอยู่ในระยะไกล นั่นทำให้หนังศรีษะบางคนถึงกับชาวาบ
จากการประมาณคร่าวๆ จำนวนสิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้มีเกือบห้าสิบตัว เจี่ยจิ่นตงหันมองเฉินเฟยทั้งสอง พวกเขารอดกลับมาได้อย่างไร!
เมื่อวานเขาเกือบตายเพราะสิ่งแปลกประหลาดหลายสิบตัว หากสิ่งแปลกประหลาดเขียวไม่ย้อนกลับไป ท้ายที่สุดเจี่ยจิ่นตงคงทนไม่ไหว
“ดูแล้วคงเป็นพวกเขาที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้เมื่อวาน” เฉียนหลินตู้มองเจี่ยจิ่นตงแล้วพูด เมื่อวานอาจารย์ของเจี่ยจิ่นตงเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด ในวันนี้เขาจึงไม่ปรากฏตัวให้เห็น
เมื่อเฟิงซิวผู่บอกว่าเฉินเฟยทั้งสองล่อสิ่งแปลกประหลาดเช่นกัน เฉียนหลินตู้จึงเกิดความกังวล แต่ในเวลานี้ดูเหมือว่าทั้งสองฝ่ายจะตัดสินได้แล้ว พวกเฉินเฟยดีกว่าเจี่ยจิ่นตง
เจี่ยจิ่นตงก้มหน้าลง ในใจเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
เมื่อวานเจี่ยจิ่นตงกลับไปล่อสิ่งแปลกประหลาดจริง เพราะในบรรดาศิษย์มากมายบนภูเขาท่าร่างของเจี่ยจิ่นตงอาจพูดได้ว่าเป็นอันดับต้น
เจี่ยจิ้นคงหวาดกลัวเช่นกัน แต่หลังจากจุดเทียนขาวแล้วก็มีเพียงสิ่งแปลกประหลาดหลายสิบตัวไล่ตามเขา หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย
ในเวลานั้นเจี่ยจิ่นตงรู้สึกโชคดีมากเพราะสิ่งแปลกประหลาดมีน้อยกว่าที่คิดไว้ ตั้งแต่ที่เริ่มลงมือเจี่ยจิ่นตงได้นึกถึงจุดจบที่เลวร้ายที่สุดไว้เรียบร้อย
หลังเจี่ยจิ่นตงกลับมาถึงสำนัก เขาพบว่ามีศิษย์และคนเก็บสมุนไพรมากมายที่รอดชีวิตกลับมา ดังนั้นเจี่ยจิ่นต่งจึงคิดว่าสิ่งนี้เป็นความชอบของเขา
แต่เจี่ยจิ่นตงไม่เคยคิดว่าจะมีคนอื่นล่อสิ่งแปลกประหลาดเช่นกัน และพวกเขายังล่อสิ่งแปลกประหลาดมากมายขนาดนี้ ไม่เพียงล่อไปมากมายแต่ยังใช้หินบันทึกภาพอีก สิ่งนี้น่าทึ่งยิ่งนัก
ผู้ดูแลโถงความสำเร็จดูภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม มีหลายอย่างพลิกผัน ตอนแรกเขาคิดว่าศิษย์บางคนกล้าทำตัวเสแสร้งมาแอบอ้าง โชคดีที่ทุกอย่างเป็นเพียงความเข้าใจผิด