ตอนที่ 45 คนขับแท็กซี่โดโนแวน(อ่านฟรี)
ตอนที่ 45 คนขับแท็กซี่โดโนแวน
เช้าวันต่อมา
เสียงประกอบอาหารภายในครัวของบ้านดังเป็นครั้งคราว มีทั้งเสียงมีดที่หั่นลงบนเนื้อมอนสเตอร์เป็นครั้งคราว มีดพวกนี้เป็นอุปกรณ์กึ่งพิเศษ ไม่ได้ทนทานเท่ากับอาวุธที่เหนือมนุษย์ใช้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ เพราะว่าเนื้อมอนสเตอร์ที่ตายไปแล้วคงไม่สามารถต่อต้านอะไรได้
ลุคลงมาถึงก็พบว่าเจนกำลังทำอาหารอยู่ มีหลากหลายเมนูและวัตถุดิบที่ถูกเตรียมไว้จำนวนมาก
“น้องทำอะไรเยอะแยะเลย”
“หนูทำไว้ให้พี่ด้วยค่ะ ช่วงนี้พี่กินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าทำไว้น้อยอาจจะไม่เหลือให้หนูกิน” เจนทำหน้าบึ้งเล็กน้อยและโทษเขาเรื่องที่อาหารที่เธอทำไว้มักจะไม่พอเสมอ
“พี่ขอโทษนะ” ลุคยกมือขึ้นเกาศีรษะเล็กน้อยและหัวเราะออกมา
“หนูยกโทษให้” เจนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มปรุงอาหารต่อ
‘บางทีอาจจะต้องหาแม่บ้านมาช่วยทำอาหาร’ ลุคมองดูปริมาณอาหารมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย เขาห่วงว่าเจนอาจจะไม่มีเวลาของตัวเอง
“เจน น้องหาที่เรียนต่อหรือยัง” ลุคถามอย่างสนใจ เขาอยากให้น้องสาวได้เรียนสูง ๆ เพราะตัวเองไม่มีโอกาส
“หนูยังไม่แน่ใจค่ะ”
“ทำไมละ” ลุคไม่เข้าใจ ปกติน้องสาวเขามักจะมีแผนการเรียนของตัวเองเสมอ แม้แต่การอ่านหนังสือสอบยังมีตารางเลย เธอค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องการเรียนของตัวเอง
“ตอนนี้มีโรงเรียนสองแบบคือ โรงเรียนธรรมดา กับโรงเรียนของเด็กที่ปลุกพลังเหนือมนุษย์ได้ ถ้าหนูปลุกพลังได้ภายในปีนี้หนูก็อยากไปเรียนที่โรงเรียนเหนือมนุษย์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะปลุกพลังได้ไหม ถ้าปีนี้หรืออีกหลายปีหนูปลุกพลังขึ้นไม่ได้ แบบนั้นถ้าไม่สมัครเรียนโรงเรียนธรรมดาก็อาจจะเสียโอกาสได้” เจนพูดด้วยท่าทางหนักใจ
“เออ...พี่คงแนะนำไม่ค่อยได้” ลุคไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้ แถมเขาก็ยังไม่รู้เลยว่ามีโรงเรียนแบบนั้นด้วย เพราะส่วนใหญ่ความสนใจเขาทุ่มเทไปกับมอนสเตอร์และการยกระดับพลังมากกว่า
‘ดูเหมือนโลกของเหนือมนุษย์จะมีอะไรที่มากกว่าแค่ฆ่ามอนสเตอร์’
“มาให้พี่ช่วย” ลุคเข้าไปช่วยเจนทำอาหารในระหว่างนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “แล้วจบมัธยมต้นแล้วไม่มีการไปฉลองกันเหรอ”
“ก็มีอยู่ที่โรงเรียน แต่หนูคิดว่าจะไม่ไปเรื่องจากเป็นตอนกลางคืนแล้วก็มันอาจจะอันตราย ช่วงนี้มีข่าวลือแปลก ๆ บอกว่ามีนักเลงมาแล้วโรงเรียน”
ลุคหรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่ใช่พวกมาเฟียเหรอ”
“หนูไม่เห็นเอง แต่ว่าจากที่ฟังไม่น่าจะใช่หรอกค่ะ คงเป็นพวกศิษย์เก่าที่มาป่วนที่โรงเรียนเท่านั้น วันงานเรียนจบคงวุ่นวายไม่น้อย”
“แล้วเคธี่กับไมซี่ละ ไม่มาฉลองกันที่นี่เหรอ” ลุคถาม เขาไม่อยากให้น้องสาวต้องรู้สึกโดดเดี่ยวตอนที่คนอื่น ๆ ฉลองวันเรียนจบกัน
“สองคนนั้นเหรอ หนูก็ไม่แน่ใจ”
‘เฮ้อ...บางทีเราอาจจะชวนสองคนนั้นเซอร์ไพรวันเกิดเจนดู’ ลุคคิดในใจ
“หือ อย่าบอกนะว่าพี่สนใจไมซี่จริง ๆ” เจนมองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์และอมยิ้มหยอกเย้าพี่ชายของเธอ
“สองคนนั้นยังเด็กอยู่พี่ไม่สนใจหรอก ไว้รอเรียนมหาลัยค่อยว่ากัน” ลุคตอบน้องสาว ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิวันนี้สัก 9 โมงพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย วันนี้น้องก็อยู่บ้านไปนะ”
“พี่จะไปไหน” เจนถามอย่างสนใจ “หรือว่าไปพบพี่สะใภ้ของหนู”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เอาเถอะน่าบางทีพี่อาจจะกลับมามืดสักหน่อย”
“ก็ได้” เจนตอบเสียงอ่อย
...
หลังจากนั้น 9 โมงลุคก็ออกจากบ้านก่อนจะยืนรอเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปยังสถานีรถไฟของเมือง ที่จะออกนอกเมืองไปยังเขตชานเมืองได้
ภารกิจที่เขาเลือกมานั้นเป็นภารกิจไล่ล่าที่อยู่นอกเมือง
อันที่จริงภารกิจที่อยู่ไกลแบบนี้ไม่ค่อยมีฮันเตอร์คนไหนรับ เพราะมันเสียเวลามากเกินไป แถมการภารกิจไล่ล่านอกเมืองก็ค่อนข้างยากกว่า เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่กว้างมาก เป็นพื้นที่เพราะปลูกและถัดไปก็เป็นป่า ถ้ามอนสเตอร์หนีเข้าป่าไปจะยิ่งตามล่าลำบากมากขึ้น ถึงขั้นอาจจะหาไม่เจอจนเสียเวลาเลยก็ได้
ในตอนที่เขารับภารกิจ มีฮันเตอร์สองคนเท่านั้นที่รับ ซึ่งยังขาดอีกสามคน พอลุคตอบรับภารกิจก็เหลืออีกสองคน ลุคจึงขอให้นิโคลมาช่วยรับภารกิจ ส่วนหนึ่งก็เพิ่มเติมเต็มจำนวนคนและอีกอย่างเพราะพลังพรสวรรค์ของนิโคลเป็นความสามารถที่เหมาะกับการไล่จับมอนสเตอร์มาก
ตั้งแต่วันที่เขาและเธอเพิ่มเพื่อนกัน เธอก็คอยทักมาพูดคุยกับเขาเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องมอนสเตอร์ซะมากกว่า เมื่อนิโคลรู้ว่าลุคขอความช่วยเหลือก็ยินดี แต่เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจนอกเมือง เธอก็ต้องปฏิเสธ เพราะกิลด์กะโหลกดำมีภารกิจเคลียร์ชิ้นส่วนโลกต่างมิติระดับ E
หลังจากลุคเป็นเหนือมนุษย์ลุคก็รู้ว่าเรื่องของม่านพลังในชิ้นส่วนโลกต่างมิติจะคงอยู่ไม่เท่ากัน ระดับ E จะอยู่ได้หลายวันกว่าระดับ F และพื้นที่ก็กว้างกว่ากันมาก
ทำให้เวลาจะเข้าไปพวกเขาส่วนใหญ่จะวางแผนและจัดการมอนสเตอร์เป็นระลอก ไม่ใช่การเข้าไปเคลียร์ครั้งเดียวแบบชิ้นส่วนโลกต่างมิติระดับ F
แต่นิโคลบอกว่ามีสองคนที่วางพอดีและจะให้ทั้งสองรับภารกิจกับลุค เธอไม่ได้บอกว่าเป็นใครและลุคก็ไม่ได้ถามมาก ขอแค่เติมเต็มจำนวนคนได้ก็พอแล้ว
ขณะที่กำลังครุ่นคิดก็มีรถแท็กซี่ขับเข้ามารับเขาพอดี
ลุคเปิดประตูเข้าไปในรถก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าเป็นคนขับที่เคยรับเขาไปยังภารกิจเคลียร์ชิ้นส่วนเป็นครั้งแรก
“นายอีกแล้ว”
“คุณนั้นเอง”
ทั้งสองพูดออกมาพร้อม ๆ กัน
“ขึ้นมาเลยครับไปที่ไหนเดียวผมไปส่งให้” คนขับแท็กซี่กล่าวด้วยความยินดี
ลุคพยักหน้าก่อนจะเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
“ไปส่งผมที่สถานีรถไฟประจำเขต 4”
“ได้เลยครับ” คนขับเริ่มขับรถออกไป ในระหว่างนั้นคนขับก็มองเขาผ่านกระจกหลังด้วยแววตายกย่อง ก่อนจะอดใจไม่ไหว อาศัยจังหวะจอดไฟแดงพูดกับเขา
“เราเจอกันสองครั้งแล้ว คุณชื่ออะไรเหรอครับ”
“ผมเหรอ”
“ใช่ ๆ คุณเป็นเหนือมนุษย์บางทีในอนาคตคุณอาจจะมีชื่อเสียง ผมจึงอยากทำความรู้จักไว้ครับ”
“จริงสิ ผมค่อนข้างประหม่าไปหน่อย เพราะไม่คิดว่าจะได้คุยกับเหนือมนุษย์แบบเป็นกันเอง สวัสดีครับ ผมชื่อ โดโนแวน” โดโนแวนค่อนข้างกระตือรือร้นที่จะแนะนำตัวเอง
“ลุค”
“คุณลุคยินดีที่ได้รู้จักครับ” “สวัสดีครับ ผมชื่อ โดโนแวน” โดโนแวนยื่นมือมาจับหวังจับมือทักทายกับลุค
“เออ...ยินดีที่ได้พบเช่นกัน” ลุคตอบรับจับมือตามมารยาท “ผมอายุน้อยกว่าคุณไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้”
“ได้ยังไงกัน คุณนะคือเหนือมนุษย์และยังเป็นฮันเตอร์ที่คอยต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่บุกโลกเรานะ คุณคือ ฮีโร่”
ลุคอึ้งไปเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะเจอพวกคลั่งไคล้เหนือมนุษย์แล้ว ลุคไม่ห้ามอีก เพราะดูเหมือนชายคนนี้จะอินกับคำว่าเหนือมนุษย์ ฮันเตอร์และฮีโร่มาก
“ไฟเขียวแล้ว” ลุคกล่าวเตือน
“อ้อผมจะไปเดียวนี้” โดโนแวนตั้งสติและหันมาสนใจขับรถต่อ
หลังจากโดโนแวนมาส่งลุคที่สถานีรถไฟ ก่อนจะลงไปเขายังพูดบอกไว้ว่าให้จดเบอร์เขาได้เลย ถ้าต้องการแท็กซี่ให้ไปรับ ขอให้โทรหาเขาไม่ว่าเวลาไหนเขาก็จะรีบไปรับทันที
ลุคได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้กลับไปและพยักหน้า ก่อนจะจ่ายเงินลงจากรถ แต่โดโนแวนไม่ขอคิดเงินกับลุค แน่นอนว่าลุคส่ายหัวปฏิเสธความคิดนี้ เขาไม่อยากเอาสถานะฮันเตอร์มาเอาเปรียบคนหาเช้ากินค่ำแบบโดโนแวน เพราะเขารู้ว่ากว่าจะได้เงินมามันยากมากแค่ไหน แถวระยะทางที่มาส่งก็ไกลพอสมควร มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลย
หลังจากลงจากรถลุคก็มองดูนาฬิกาขนาดใหญ่ที่แขนไว้หน้าสถานีรถไฟ
“เหลือเวลาอีก 5 นาทีรถจะออกแล้ว” ลุครีบวิ่งไปซื้อตั๋วก่อนจะขึ้นรถไฟที่กำลังจะออกพอดี ถ้าเขาไปไม่ทัน คงจะต้องรอเที่ยวต่อไป
“โชคดีที่ทัน”
รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากสถานี รถไฟที่ลุคนั่งเป็นรถไฟความเร็วสูง เขาถือตั๋วมองดูตัวเลขตรงไปที่เบาะนั่งของตัวเอง มันอยู่ติดริมหน้าต่างทำให้ลุคมองดูวิวที่รถวิ่งได้ ถ้าเป็นคนธรรมดา อาจจะมองไม่ค่อยทัน แต่ลุคมองดูได้ไม่มีปัญหา
พอบนรถไฟลุคกวาดสัมผัสไปรอบตัว เขาพบว่าใกล้ ๆ นี้ไม่มีเหนือมนุษย์อยู่สักคนเดียว
‘มาย้อนนึกดูฉันนั่งรถไฟครั้งสุดท้ายก็เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นทั้งพ่อและแม่ยังมีชีวิต’
บรรยากาศเก่า ๆ หวนกลับมาทำให้ลุครู้สึกเศร้าอยู่ไม่น้อย
“ตอนนี้ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว” ลุคพึมพำกับตัวเอง
ความเร็วของรถไฟรวดเร็วมาก ใช้เวลาเพียง 45 นาทีก็ออกจากเขตเมืองและมาถึงสถานีที่เป็นจุดหมายปลายทางแล้ว
...
ลุคลงจากรถไฟและหารถเข้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งสมาชิกคนอื่น ๆ ก็นัดกันที่นั่น แต่หลังจากรอรถอยู่นานก็ไม่มีรถเข้าไปที่หมู่บ้านแห่งนั้น
เขามองดูเวลา มันใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว
“บางทีฉันอาจจะต้องหารถไว้ใช้สักคัน” ลุคคิดก่อนจะสวมใส่ชุดเกราะหมาป่าขนเหล็ก อีกหนึ่งความสามารถของหมาป่าคือ การวิ่ง และชุดก็มอบสิ่งนั้นให้พระเอกได้
เขาวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงตรงไปยังหมู่บ้านปลายทาง ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลมากนัก
แถบชานเมืองมีสภาพแวดล้อมที่ต่างจากในเมืองมาก จะเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็ป่าคอนกรีตกับป่าธรรมชาติจริง ๆ
หลังจากการปรากฏของชิ้นส่วนโลกต่างมิติและทุก ๆ การเคลียร์ชิ้นส่วนจะมีพลังงานส่วนหนึ่งหลุดเข้ามาในโลกใบนี้
พลังงานเหล่านั้นนอกจากจะหลอมรวมไปในโลกแล้ว มันยังส่งผลให้พืชในโลกนี้เติบโตและมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
ในเมืองยังสามารถจัดการพืชเหล่านี้ได้ แต่ภายนอกเมือง ป่าที่มีขนาดใหญ่เหล่านี้กลายเป็นสรวงสวรรค์ของมอนสเตอร์ไปแล้ว
แน่นอนว่าก็มีผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่นอกเมืองและต้องเผชิญกับการโจมตีของมอนสเตอร์อยู่บ่อยครั้ง นี่จึงทำให้มีภารกิจไล่ล่ามอนสเตอร์ขึ้นมาด้วย
หมู่บ้านที่ลุคจะไปไม่ไกลมากนัก แค่ 13 กิโลเมตรเท่านั้น
ชุดเกราะหมาป่าขนเหล็กของเขาคือ เกรดสีส้ม เทียบเท่ากับหมาป่าที่มีพลังสูงสุดในระดับ F แล้ว หมาป่าขนเหล็กในระดับนี้วิ่งเป็นหลายร้อยกิโลเมตรในหนึ่งวันได้อย่างสบาย ดังนั้นระยะทางแค่นี้ไม่ทำให้ลุคหมดแรงแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่วิ่งไปตามทาง เขาพบเจอรถเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่เป็นรถรุ่นเก่า ๆ ที่บรรทุกพืชผลทางการเกษตร ออกไปขาย คนขับพวกนั้นตื่นตกใจไม่น้อยที่เห็นคนวิ่งได้เร็วกว่ารถพวกเขา
ลุคสูดอากาศบริสุทธิ์ของพื้นที่ชนบทบริเวณนี้ด้วยท่าทางสดชื่น
‘หลังจากนี้น่าจะหาเวลาพาเจนมาเที่ยวแถวนี้บ้าง...ถึงแล้ว’
ในที่สุดลุคก็เห็นว่ามีป้ายหมู่บ้านอยู่
“หมู่บ้านผาริมธารยินดีต้อนรับ”