ตอนที่ 413 ประกาศสงครามกับเซิร์กทั้งหมด
ตอนที่ 413 ประกาศสงครามกับเซิร์กทั้งหมด
เมื่อดาวน์ตี้ลงมาจนถึงชั้นล่างทหารภายในค่ายกว่า 70,000 คนก็ถูกเซี่ยเฟยสังหารลงไปแล้ว นอกจากนี้สถานที่ต่าง ๆ ยังตกอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง ทำให้ภายในค่ายเต็มไปด้วยควันสีดำและเสียงร้องโหยหวนของทหารที่ยังไม่ตาย
นับตั้งแต่ที่ดาวน์ตี้ได้ยินเสียงระเบิดครั้งแรกเหตุการณ์ก็พึ่งดำเนินมาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ค่ายทหารของเขากลับพังพินาศไปจนหมดแล้ว
นักรบตั๊กแตนพยายามรวบรวมสติและกระชับดาบยาวสีเขียวภายในมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แน่น
ในความจริงแล้วดาบสีเขียวคู่นี้เป็นดาบที่ไม่มีด้าม แต่มันเป็นดาบที่ติดตั้งกลไกเอาไว้สำหรับยึดติดกับแขนชาวตั๊กแตนที่มีความคมเหมือนมีดโดยเฉพาะ และด้วยแขนอันทรงพลังกับดาบยาวสีเขียวคู่นี้ มันก็ช่วยให้ดาวน์ตี้ไต่เต้าขึ้นมาจนอยู่ในกระดานจัดอันดับของนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็กำลังก้าวเท้าเข้ามาหาเขาอย่างสงบ โดยในแววตาของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ คล้ายกับว่ามนุษย์คนนี้เป็นเพียงแค่เครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำการสังหารเผ่าพันธุ์เซิร์กโดยเฉพาะ
ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้และเสียงระเบิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด สายตาของเซี่ยเฟยยังคงจับจ้องมองไปยังตั๊กแตนสีเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและอาวุธสีสันสดใสคู่หนึ่งที่อยู่ภายในมือของเขา
ขนอุยที่อยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟยก็กำลังพองขนออกอย่างสุดกำลังเช่นเดียวกัน และทันใดนั้นมันก็มีทหารตั๊กแตนปรากฏขึ้นจากซากปรักหักพังข้าง ๆ และกำลังเล็งปืนเลเซอร์เข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างดุร้าย
ถุย!
ขนอุยพ่นลูกบอลพลังงานสีเงินออกจากปากอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ทหารตั๊กแตนคนนั้นจะทันได้เหนี่ยวไก ลูกบอลพลังงานขนาดเท่าลูกปิงปองก็ปะทะเข้ากับร่างของเขาเสียก่อน
ตูม!
เมื่อร่างของทหารคนนั้นปะทะเข้ากับลูกบอลพลังงาน ร่างของเขาก็กลายเป็นโมเลกุลพลังงานที่แตกกระจายกันออกไปจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ขนอุยเชิดหน้าของมันขึ้นสูงกว่าเดิมและมองไปทางโมเลกุลพลังงานพวกนั้นด้วยแววตาที่ดูถูก และถึงแม้ว่าปกติมันจะเป็นสัตว์อสูรจอมตะกละ แต่มันก็เป็นสัตว์อสูรที่เลือกคุณภาพของอาหารเป็นอันดับแรก มันจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับโมเลกุลพลังงานที่ระเบิดออกมาจากร่างของทหารตั๊กแตนคนนั้นเลย
“แกคือดาวน์ตี้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากหยุดห่างจากฝ่ายตรงข้ามประมาณ 10 เมตร
“แกเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาภายในค่ายของฉันแบบนี้!” ดาวน์ตี้ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับชี้ดาบเข้าหาเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ
“ดูเหมือนว่ามันจะคือดาวน์ตี้จริง ๆ สินะ ฉันจะเป็นคนจัดการกับมันเอง นายอย่าเข้ามายุ่ง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับหันไปพูดกับขนอุยที่อยู่บนไหล่ของเขา
ขนอุยทำได้เพียงแต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรเหมือนพูดคุยกันในโลกส่วนตัว และท่าทางของพวกเขาก็ไม่ได้มีการให้ความสนใจกับดาวน์ตี้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย
การถูกเมินยิ่งทำให้ดาวน์ตี้รู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นถึงนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 87 ของเผ่าพันธุ์ และย้อนกลับไปเขาก็เกือบจะได้เป็นรองหัวหน้าสมาพันธ์นักรบศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่น่าเสียดายที่นิสัยของเขาค่อนข้างที่จะหยาบกร้านมากจนเกินไป เขาจึงถูกอูดี้ส่งมาประจำการอยู่ในพื้นที่ชายแดนอันห่างไกลซึ่งถือว่าเป็นความอัปยศของเขามาจนถึงทุกวันนี้
ดาวน์ตี้ส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ แล้วเขาก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้านี่ดูพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง อย่าประมาทเกินไปนักล่ะ” อันธกล่าวกับเซี่ยเฟยขึ้นมาเบา ๆ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะดึงหิมะโปรยขึ้นมาถือไว้ในมือ
เมื่อใบมีดได้สัมผัสกับอากาศมันก็ระเบิดความเย็นออกมาจนทำให้สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวค่อย ๆ มีอุณหภูมิที่ลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งในบริเวณใกล้ ๆ ใบมีดมันก็มีแม้กระทั่งเกล็ดหิมะสีขาวที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ
ดาวน์ตี้ยกดาบสีเขียวขึ้นมาประสานกันเอาไว้ตรงบริเวณหน้าอกพร้อมกับส่งเสียงร้องคำราม ซึ่งก่อนที่เสียงของเขาจะสิ้นสุดลงร่างของเขาก็เริ่มขยับออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่นักรบชาวตั๊กแตนเริ่มเคลื่อนไหวดาบทั้งสองเล่มก็เอียงมาข้างหน้าเหมือนกับกรรไกรที่กำลังพุ่งเข้าหาเซี่ยเฟยด้วยความโหดเหี้ยม
ในความเป็นจริงการเคลื่อนไหวของดาวน์ตี้ค่อนข้างที่จะรวดเร็วมาก เมื่อเทียบกับผู้ใช้พลังที่ไม่ได้มีพลังพิเศษเกี่ยวข้องกับความเร็ว นอกจากนี้แขนเรียวคู่ของชาวตั๊กแตนก็ไม่เพียงแต่จะมีความแหลมคมตามธรรมชาติเท่านั้น แต่มันยังสามารถระเบิดพลังออกมาได้มากกว่าเซิร์กเผ่าพันธุ์อื่น ๆ
พริบตาต่อมาแขนเรียวเล็กคู่นั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเปลี่ยนดาบภายในมือให้กลายเป็นภาพหลอนของคมดาบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
ด้วยการระเบิดแรงออกมาอย่างสุดกำลัง มันจึงทำให้เห็นภาพติดตาของดาบที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าภาพติดตาพวกนี้จะดูไม่ใช่ของจริง แต่ถ้าหากใครพลาดสัมผัสกับเงาดาบเงาใดเงาหนึ่งเข้าไป มันก็อาจจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว
วิธีการจู่โจมหลัก ๆ ของชาวตั๊กแตนคือการอาศัยแรงกระแทกจากการดีดตัวอย่างฉับพลัน ซึ่งแม้แต่วัยรุ่นของชาวตั๊กแตนก็สามารถที่จะดีดแขนเพื่อทุบก้อนหินก้อนใหญ่ให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ และในฐานะที่ดาวน์ตี้เป็นผู้นำของชาวตั๊กแตนทั้งหมด เขาจึงมีพลังมากพอที่จะทุบลูกเหล็กขนาดใหญ่ให้แหลกสลายด้วยการดีดแขนออกไปเพียงแค่ครั้งเดียว
เมื่อแรงแขนอันทรงพลังประกอบเข้ากับอาวุธชั้นยอดภายในมือ มันจึงทำให้ดาวน์ตี้สามารถสร้างพลังทำลายขึ้นมาได้อย่างมหาศาลและทำให้เขาประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
เงาดาบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องคำรามและพุ่งเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือเงาดาบมีความหนาแน่นราวกับฝนที่กำลังตกหนัก จนแทบจะไม่มีที่ว่างให้เซี่ยเฟยได้ทำการหลบหนี!
หลังจากเริ่มทำการเคลื่อนไหวครั้งแรก ดาวน์ตี้ก็เริ่มเอาดาบขึ้นมาไขว้กันที่หน้าอกอีกครั้งและพร้อมที่จะทำการจู่โจมในรอบที่ 2
พลังพิเศษคมดาบมายาที่เขาได้ครอบครองเป็นพลังวิเศษที่ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีเป็นจำนวนมากออกมาได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และด้วยการโจมตีต่อเนื่องของเขาอันนี้ มันก็ทำให้แม้แต่กองทัพขนาดใหญ่ก็ไม่อาจหลีกพ้นจากการโจมตีของเขาได้
หลังจากที่ดาวน์ตี้เริ่มโจมตีเซี่ยเฟยก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน ซึ่งนักรบชาวตั๊กแตนคนนี้แตกต่างจากคู่ต่อสู้คนอื่น ๆ ที่เขาเคยได้พบ ท้ายที่สุดดาวน์ตี้ก็สามารถใช้พลังพิเศษของตัวเองได้อย่างชำนาญ มันจึงทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังทำลายออกมาได้ในระดับที่มากกว่าปกติ และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่ครอบครองพลังแห่งความเร็ว แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทการโจมตีของนักรบชาวตั๊กแตนคนนี้เลย
เซี่ยเฟยก้าวเท้าถอยหลังอย่างเงียบ ๆ แล้วใช้สายตาจับจ้องมองหาโอกาสในการหลบการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามาและพยายามวิเคราะห์หาเส้นทางในการโจมตีตอบโต้
ความเป็นจริงชายหนุ่มสามารถที่จะใช้ความเร็วหลบออกไปจากสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ แต่เขาก็ต้องการที่จะท้าทายการโจมตีจากด้านหน้า เพราะท้ายที่สุดหนทางที่เขาเลือกในครั้งนี้ยังมีเส้นทางอีกยาวไกล ซึ่งถ้าหากว่าแม้แต่นักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 87 ก็สามารถหยุดเขาได้ การเผชิญหน้ากับนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับสูงกว่านี้ก็คงจะสร้างภาระหนักให้กับเขา
เซี่ยเฟยกัดฟันหลบหลีกการโจมตีที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า ซึ่งความถี่ในการจู่โจมก็ไม่ได้ลดลงจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
“ต้องการอ่านการโจมตีของฉันงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!” ดาวน์ตี้กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมาจากมุมปาก
ตูม!
ขณะที่การโจมตีระลอกแรกยังไม่สลายหายไป การโจมตีในระลอกที่ 2 และระลอกที่ 3 ก็ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียดขณะที่สมองยังคงคำนวณวิถีการโจมตีอย่างรวดเร็ว และร่างกายของเขาก็กำลังพยายามทำการเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกการโจมตีจากด้านหน้าอย่างคล่องแคล่ว
มันมีคนประเภทหนึ่งในจักรวาลที่ไม่เคยสูญเสียความหวังภายในจิตใจของพวกเขาเลย คล้ายกับคนประเภทนี้เป็นวัชพืชอันต่ำต้อยที่พยายามใช้ชีวิตอย่างดื้อรั้น และพยายามงอกกลับมาใหม่ทุกครั้งแม้ว่ามันจะถูกทำลายไปซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งแล้วก็ตาม
หยูเจียงให้เซี่ยเฟยได้เห็นภาพมายาเพื่อทำให้ชายหนุ่มหลงคิดว่าแอวริลได้เสียชีวิตลงไปในสงครามแล้ว
ผู้หญิงที่เขารักถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งแม้ว่าภายในใจเซี่ยเฟยจะรู้สึกเจ็บปวดแต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งร้องไห้ เพราะเขารู้ดีว่าการร้องไห้ไม่ช่วยให้แอวริลฟื้นชีวิตกลับคืนมา แล้วเธอก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอนถ้าหากว่าเธอมองลงมาจากสวรรค์ และพบว่าคนรักของเธอกำลังนอนร้องไห้ฟูมฟาย
เซี่ยเฟยจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าเธอจะตายลงไปแล้วแต่เขาก็จะไม่มีวันเป็นคนที่ทำให้แอวริลเสียใจ ที่สำคัญคือเขาจะใช้การกระทำเพื่อบอกกับเธอว่าเธอเลือกผู้ชายไม่ผิดคน!
แม้ว่าน้ำตาของเขาจะไม่สามารถไหลรินออกมาได้ แต่เขาก็สามารถใช้เลือดของเซิร์กในการระบายความโศกเศร้าและความโกรธภายในใจของเขาได้
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนอันธได้บอกกับเซี่ยเฟยว่า ถ้าหากเขาเสียใจก็ให้ร้องไห้ระบายความโศกเศร้าออกมาเถอะ แต่สิ่งที่ชายหนุ่มตอบกลับไปเป็นเพียงแค่การบอกว่าเขาจะใช้เลือดของพวกเซิร์กระบายความโศกเศร้าออกมาแทนน้ำตาของเขา และในตอนนี้เซี่ยเฟยก็กำลังพิสูจน์ออกมาว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปในตอนนั้นคือเรื่องจริง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันดุร้ายของดาวน์ตี้ เซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องล่าถอยเพื่อหาช่องว่างในการจู่โจมกลับ
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้เห็นช่องว่างแคบ ๆ ท่ามกลางคมมีดเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งช่องว่างนี้เป็นช่องว่างที่เล็กมากที่คนทั่วไปไม่สามารถที่จะลอดผ่านเข้าไปได้ แต่สำหรับเซี่ยเฟยผู้ซึ่งเชี่ยวชาญวิชาเล่ห์กายาแล้ว ช่องว่างเล็ก ๆ เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้เขาเคลื่อนที่ผ่านมันไปได้
ฟุบ!
ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาคมดาบด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจู่โจมในครั้งนี้ทำให้ดาวน์ตี้ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง เพราะการโจมตีของเขาไม่เคยทิ้งช่องว่างใด ๆ เอาไว้ แล้วมันก็ไม่เคยมีใครเจาะผ่านกำแพงคมดาบมายาของเขาได้มาก่อนเลย ซึ่งความบ้าบิ่นของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ย่อมเป็นการเลือกจบชีวิตของตัวเองอย่างแน่นอน
แต่ในวินาทีถัดมาเซี่ยเฟยกลับได้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวอย่างเล่ห์กายาบิดร่างเหมือนกับปลาไหลทะลุผ่านกำแพงที่สร้างขึ้นมาจากเงาดาบมายามาได้
ดาวน์ตี้คิดอยู่เสมอว่าการโจมตีของเขาคือกำแพงเหล็กที่ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ แต่เขาลืมไปว่าในจักรวาลนี้มันไม่มีกำแพงไหนที่อยู่ยงคงกระพัน และเซี่ยเฟยก็เป็นเหมือนกับสายลมอันว่องไวที่สามารถเคลื่อนที่ผ่านกำแพงมาได้ในที่สุด
เมื่อเซี่ยเฟยเริ่มเคลื่อนที่ผ่านคมดาบมายา ขณะที่ดาวน์ตี้ก็พยายามปล่อยคมดาบมายาออกไปอีก 3 ระลอกติดต่อกันเพื่อพยายามป้องกันไม่ให้เซี่ยเฟยรุกคืบเข้ามามากกว่านี้
น่าเสียดายที่เมื่อเซี่ยเฟยสามารถก้าวข้ามผ่านช่องว่างในการโจมตีระลอกแรกเข้ามาได้ แล้วเขาก็สามารถที่จะเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างการโจมตีในระลอกที่ 2 เข้ามาได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้ว่าดาวน์ตี้จะโจมตีเข้ามามากกว่านี้อีกหมื่นระลอก แต่การเคลื่อนไหวแบบเดิมซ้ำ ๆ ก็ไม่สามารถที่จะสร้างอันตรายให้กับเซี่ยเฟยได้อีกแล้ว
สำหรับผู้เชี่ยวชาญกระบวนท่าใด ๆ จะสามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาได้เพียงแค่ครั้งเดียว
แม้ว่าดาวน์ตี้จะแข็งแกร่งแต่การเคลื่อนไหวของเขายังขาดความหลากหลาย ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยสามารถจับจุดอ่อนในการโจมตีของเขาได้ มันจึงทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการพลิกสถานการณ์อย่างฉับพลัน
เหตุการณ์นี้ทำให้ดาวน์ตี้รู้สึกสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเซี่ยเฟยได้ทำลายการเคลื่อนไหวของเขาซึ่ง ๆ หน้า ซึ่งมันเป็นการทำร้ายจิตใจดาวน์ตี้มากกว่าการสังหารเขาโดยตรงเสียอีก
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่ผ่านการโจมตีทั้งหมดและมาปรากฏตัวตรงหน้าดาวน์ตี้ได้สำเร็จ ซึ่งชัยชนะของชายหนุ่มในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นชัยชนะที่ถล่มทลาย ชนิดที่ดาวน์ตี้ไม่สามารถจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีกเลย
ฉัวะ!
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยครั้งนี้เป็นการจู่โจมที่เรียบง่ายแต่มีความรุนแรงมาก โดยมันเป็นการใช้หิมะโปรยตัดศีรษะดาวน์ตี้โดยตรงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ถือหัวตั๊กแตนตัวสีเขียวกระโดดขึ้นไปบนหลังคาอาคารที่สูงที่สุดของค่ายทหาร ก่อนที่เขาจะเสียบหัวของดาวน์ตี้เข้ากับสายล่อฟ้าที่อยู่ด้านบน
การกระทำอันอุกอาจของเขาในครั้งนี้อยู่ภายใต้อุปกรณ์ตรวจสอบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน ประชาชนชาวเซิร์กทั้งหมดต่างก็ได้เห็นการกระทำอันบ้าพลังของเขา
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนที่เขาจะชูนิ้วกลางขึ้นมายื่นไปให้กล้องวงจรปิดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
การกระทำนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งมาก เพราะมันไม่ต่างไปจากการประกาศสงครามกับประชาชนชาวเซิร์กทั้งหมด
***************
สะใจ!!!!!