บทที่ 52 หลินวู่จี้
ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะกี่คน ที่ติดตามเข้าร่วมสมาคมการค้าว่านเป่า
เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของเจ้าตำหนักแล้ว มีคนไม่มากนักที่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้
เว้นแต่อีกฝ่าย จะมาจากขุมพลังที่ยิ่งใหญ่!
แต่ถ้าเป็นอัจฉริยะในสถานที่เล็กๆ เช่นนี้
สมาคมการค้าว่านเป่า คือการดำรงอยู่ที่พวกเขาหวังเข้าร่วมเท่านั้น
มันดีกว่าการเข้าร่วมสำนักซวนตัน (โอสถลึกลับ)เสียอีก
ในปัจจุบัน อัจฉริยะจำนวนมากต้องการเข้าร่วมสำนักต่างๆ ด้วยวิธีนี้ เวทีของพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขึ้น
แต่การเข้าร่วมสมาคมการค้าว่านเป่า เวทีของพวกเขา จะยิ่งใหญ่มากกว่า!
แต่มันไม่ง่ายนัก ในการเข้าร่วม
สมาคมการค้าว่านเป่ามีความเข้มงวดมาก เกี่ยวกับข้อกำหนดในการคัดเลือกสมาชิก
แต่ในบางครั้ง เจ้าตำหนักก็อาจสนใจกับบางคน
ซี่งไม่แน่ คนที่เจ้าตำหนักสนใจ อาจจะเป็นอัจฉิรยะที่ซ่อนอยู่ก็เป็นได้
"ตกลง ข้าจะให้ความสนใจกับหลินเป้ยต่อไป" ซุนซิงกล่าวตอบ
“ไปเถอะ เป็นการดีที่เจ้าจะติดต่อกับเขาด้วยท่าทีปกติ และเป้าหมายอื่นๆ ที่จับตาดูอยู่ ก็เข้าหาตามปกติ” เจ้าตำหนักสาวกล่าวเบาๆ
พวกเขามองหาเป้าหมายมากกว่าหนึ่งเป้าหมาย และเป้าหมายเหล่านี้ ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สามารถมองเห็นได้
เพราะหากเจ้าตำหนักสาว ต้องการได้รับสถานะที่สูงขึ้นในสมาคมการค้าว่านเป่า
นางก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง!
นอกจากความเฉียบแหลมทางธุรกิจแล้ว นางยังต้องหาสมาชิกที่มีความสามารถอีกสามคน
เงื่อนไขเหล่านี้ ใช้เพื่อพิสูจน์ความสามารถในการดูผู้คน
เมื่อถึงเวลา นางจะนำอัจฉริยะสามคน เข้าร่วมการแข่งขันภายในของสมาคมการค้าว่านเป่า
ผู้ชนะจะได้รับสถานะที่สูงขึ้น และผู้แพ้จะต้องอยู่ห่างจากแกนกลางของสมาคม
และถูกส่งไปยังสถานที่ห่างไกล ในฐานะเจ้าตำหนักสาขา
แน่นอน เมื่อต้องเลือกผู้มีความสามารถ
พวกเขาจะไม่เพียงแต่เลือกสามคนเท่านั้น แต่มักจะเลือกเป็นกลุ่ม แล้วนำสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าร่วมการแข่งขัน
เนื่องจากผู้มีความสามารถ และทรัพยากรที่ใช้ล้วนมาจากพวกเขาเอง
หากได้รับอัจฉริยะมากเกินไป ทรัพยากรจำนวนมากจะถูกใช้ และแรงกดดันจะมากเกินไป
ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขาเลือกอัจฉริยะ พวกเขาจะระมัดระวังอย่างมาก เพื่อไม่ให้เลือกผู้มีพรสวรรค์ธรรมดาๆ
สิ่งนี้มีเพื่อ ไม่ให้ใช้ทรัพยากรมากเกินไป
มิฉะนั้น ทำไมเจ้าตำหนักสาวถึงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อหาเงินให้มากขึ้น
เงินจำนวนนี้ จะถูกนำไปลงทุนในอัจฉริยะเหล่านี้นั่นเอง!
มันคล้ายกับการฝึกฝนสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณของหลินเป้ย
เขาลงทุนทรัพยากรกับอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ เพื่อทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
จากนั้นช่วยตัวเองให้เข้าร่วมการแข่งขันและเอาชนะคู่แข่งรายอื่น
เหตุใดสมาคมการค้าว่านเป่าจึงดำรงอยู่ได้หลายปี
เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ผู้บริหารหลักมักแข่งขันในลักษณะนี้ และแต่ละคนก็มีข้อได้เปรียบในตัวเอง
มีเพียงไม่กี่คน ที่อาศัยอยู่ที่แกนกลาง ด้วยความช่วยเหลือจากครอบครัว
หมิงหลาน เกิดในสาขาหลักของตระกูลหมิง แต่ไม่ใช่สายตรง
ดังนั้นนางจึงสามารถปีนขึ้นบันไดทีละขั้น ได้ด้วยตัวเอง!
เจ้าตำหนักสาวก็คือ หมิงหลาน
สมาคมการค้าว่านเป่า เป็นทรัพย์สินของตระกูลหมิง
มีข่าวลือว่ามีคนหลายแสนคนในตระกูลทั่วทั้งทวีป มันเป็นของตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน
หมิงหลานเกิดในสายของตระกูลรอง ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยประทับใจในตระกูลหมิง
แน่นอน หลินเป้ยไม่รู้เรื่องเหล่านี้
อันที่จริง แม้ว่าสมาคมการค้าว่านเป่าจะเชิญเขาเข้าร่วม เขาก็จะไม่สนใจ!
ในสายตาของซุนซิง หลินเป้ยสามารถหาเงินได้มากมายในช่วงเวลาสั้นๆ และเขายังเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก
ดังนั้นหลินเป้ยจึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้สมัคร
อีกด้านหนึ่ง ในที่อยู่อาศัยหลักของตระกูลหลิน
หลินคังกำลังพูดคุยกับชายวัยกลางคน ที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยห้าสิบ
ดูเหมือนว่าบุคคลนี้ มีอายุมากกว่าหลินคังเพียงเจ็ดหรือแปดปี แต่ในความเป็นจริงบุคคลนี้ คือผู้นำแห่งตระกูลหลิน
หลินวู่จี้ บิดาของ หลินคัง!
อายุที่แท้จริงของเขาคือ 70 ปีแล้ว แต่เนื่องจากการฝึกฝนที่สูงของเขา
เขาเป็นปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี)ขั้น 10 ที่อยู่จุดสูงสุด และเขาอยู่ห่างจากการเข้าสู่ขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง)เพียงก้าวเดียว
***จากต่ำไปสูง ระดับการฝึกฝนแบ่งออกเป็นสิบอาณาจักร:นักรบฝึกหัด(หวู่ตู้)武徒, นักรบแท้จริง(หวู่เฉิน)武者, ปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี)武师, มหาปรมาจารย์นักรบ(หวู่ซ่ง)武宗, ราชานักรบ(หวู่หวาง)武王, จักรพรรดินักรบ(หวู่ฮวง)武皇, บรรพชนนักรบ(หวู่ซุน)武尊, จอมปราชญ์นักรบ(หวู่เซิ่ง)武圣,มหาจักรพรรดินักรบ(หวู่ตี้)武帝และจอมเทพนักรบ(หวู่เฉิน)武神 (บทความที่แล้วเขียนเพียงเก้าอาณาจักรเท่านั้น และขอบเขตมหาจักรพรรดินักรบ(หวู่ตี้)武帝ถูกละไว้ ดังนั้นจะขอเพิ่มตอนนี้)**ผู้แต่งเขียนนะครับ
แต่ละขอบเขตใหญ่แบ่งออกเป็นสิบขั้นเล็ก
“คังเอ๋อ จุดประสงค์ของการมาหาข้าครั้งนี้คืออะไร” หลินวู่จี้ถาม
"ท่านหัวหน้าตระกูล ข้ามีบางอย่างที่ข้าต้องการจะพูดคุยกับท่าน" หลินคังกล่าว
จากนั้น คำขอและเงื่อนไขของหลินเป้ยก็ถูกถ่ายทอดอีกครั้ง
“เจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ เจ้ายินดีขายโอสถรวบรวมปราณขั้นสูงสุด ระดับหนึ่ง ในราคา 20 ตำลึงให้แกเราใช่ไหม?” หลินวู่จี้พูดด้วยความตกใจ
โดยทั่วไปแล้ว เม็ดโอสถมีราคาแพง และราคาตลาดของโอสถรวบรวมปราณขั้นสูงสุด ระดับหนึ่ง อยู่ที่ 100 ตำลึงต่อเม็ด
แต่ราคา 20 ตำลึงต่อเม็ด นี่มันราคาของกะหล่ำปลีชัดๆ!
"เป็นความจริง ข้าสามารถรับประกันคุณภาพของโอสถนี้ได้ มันมีคุณภาพสูงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม โอสถที่ซื้อมาสามารถใช้ได้เพียงสมาชิก
ภายในของตระกูลหลินเท่านั้น และไม่สามารถขายต่อได้" หลินคังเตือนอีกครั้ง
เงื่อนไขนั้นง่ายมาก นั่นคือร้านขายโอสถที่มีชื่อของตระกูลหลิน และตระกูลหลินสามารถซื้อโอสถได้ในราคา 20 ตำลึง
มีสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินค่อนข้างมาก และพวกเขาทั้งหมดจำเป็นต้องใช้โอสถรวบรวมปราณ
แค่เพียงว่า โอสถมีราคาแพงเล็กน้อย และตระกูลหลินไม่สามารถจัดหาโอสถจำนวนมากให้กับคนรุ่นใหม่ได้
นอกจากนี้ยังมีนักรบแท้จริง(หวู่เฉิน)บางคน ที่สามารถปรับปรุงฐานการบ่มเพาะของตนได้ด้วยการกินโอสถรวบรวมปราณขั้นสูง ระดับหนึ่ง
บางทีสมาชิกบางคนในขอบเขตนักรบแท้จริง(หวู่เฉิน)ขั้น 9 หรือ 10 สามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี)ได้ ด้วยความช่วยเหลือจากโอสถรวบรวมปราณขั้นสูง ระดับหนึ่งที่เพียงพอ
เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลหลินจะเพิ่มปรมาจารย์นักรบ(หวู่ฉี)ได้อีกหลายคน
"ตกลง ข้ายอมรับเงื่อนไข ข้าจะจัดคนสามคนเพื่อซื้อโอสถ การประลองของตระกูลกำลังจะเริ่มขึ้น และเราต้องให้ความช่วยเหลือแก่รุ่นเยาว์ ที่สำคัญ ปีนี้จะมีการประลองในเมือง พวกเราตระกูลหลิน ต้องต่อสู้เพื่อมัน" หลินวู่จี้กล่าว
การประลองในเมืองจะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี
ในตอนนั้น กองกำลังที่ทรงพลังบางส่วน จะมาชมการประลองและคัดเลือกศิษย์ที่มีความสามารถ
ยังมีบางสำนักที่จะมารับสมัครศิษย์ด้วย
ตราบใดที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ 10 อันดับแรก พวกเขาเกือบจะสามารถเข้าร่วมกับกองกำลังหรือสำนักขนาดใหญ่เหล่านี้ได้
ทุกๆครั้ง การแข่งขันจะดุเดือดทุกปี
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สมาชิกที่มีพรสวรรค์ของตระกูลหลิน ยังไม่ถึงเป้าหมาย
โดยรวมแล้ว พวกเขาอยู่ในอันดับล่างสุดของตระกูลหลักทั้งสี่
ชื่อเสียงของตระกูลหลิน ได้รับผลกระทบอย่างมาก!
แต่ด้วยความช่วยเหลือของโอสถรวบรวมปราณขั้นสูง ระดับหนึ่ง จำนวนมาก
ความแข็งแกร่งของรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิน สามารถปรับปรุงได้อย่างแน่นอน!
การบ่มเพาะ ต่อสู้เพื่อทรัพยากร!
ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่งก่อนการประลองในเมือง ซึ่งเพียงพอสำหรับสมาชิกของตระกูลหลิน ที่จะก้าวไปอีกขั้น
“เจ้าบอกว่า หลินเป้ยกลายเป็นตัวแทนขายโอสถของผู้ทรงอำนาจ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย อีกสองวัน มันจะเป็นการประลองระหว่างเขากับตระกูลโจว เมื่อถึงเวลา ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง” หลินวู่จี้กล่าว
สำหรับหลานชายของเขา หลินเป้ย
หลินวู่จี้ไม่เคยสนใจมาก่อน!
ทุกปี หลินเป้ยจะพบหลินวู่จี้ในการประชุมตระกูลเท่านั้น และทั้งสองไม่มีการสื่อสารกันเลย
โดยปกติแล้ว หลินเป้ยไม่เคยเห็นหลินวู่จี้เลย ดังนั้นหลินเป้ยจึงไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อหลินวู่จี้
ทั้งสองดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์แบบปู่หลานเลย
หลินวู่จี้ให้ความสนใจกับหลานชายที่มีพรสวรรค์ของเขาเท่านั้น
หลินเป้ยไม่สามารถบ่มเพาะได้มาก่อน และกลายเป็นตัวตลกของตระกูลหลิน
แม้ว่าหลินวู่จี้จะไม่ได้พูดอะไร แต่พฤติกรรมทุกประเภท ทำให้ยอมแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย ราวกับว่าไม่มีบุคคลเช่นหลินเป้ยเลย
แม้เมื่อหลินวู่จี้ เคยได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างหลินเป้ยและโจวหยวนมาก่อน
เขาก็ไม่สนใจเลย ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า หลินเป้ย ไม่มีที่ใดในความคิดของเขาเลย
ตอนนี้หลินเป้ยได้กลายเป็นตัวแทนขายโอสถ และเขาขายมันให้กับตระกูลหลิน ในราคาที่ถูก
หลินวู่จี้ จึงให้ความสำคัญกับหลินเป้ยเป็นอย่างมาก!
แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับผู้มีความสามารถระดับสูงอื่นๆ ในตระกูลหลินแล้ว
หลินเป้ยยังด้อยกว่ามาก!