นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 74 - กาวเชื่อมบาดแผล
หลังจากที่ร่างนั้นไถลไปกับพื้นจนหยุดลงแล้ว ทุกคนก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า คนที่ถูกส่งลอยออกมาจากสังเวียนการประลองนั้นคือเม็กซ์ ที่ตอนนี้ใบหน้ากำลังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด สายตาของเขากำลังมองดูหน้าอกของตัวเอง ที่มีเลือดไหลทะลักออกมาจำนวนมาก อย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
เสื้อที่เขาสวมอยู่นั้นมีรอยกงเล็บทำให้ฉีกขาดยาว 4 สาย เลือดพุ่งออกมาจากรอยเหล่านั้นราวกับท่อประปาแตก เม็กซ์กำลังเสียเลือดอย่างรวดเร็ว และภายในเวลาไม่นาน เขาจะเสียชีวิตลงด้วย
การเสียเลือดมากเกินไป เป็นสาเหตุหลักของการตายส่วนใหญ่ของสไปรเยอร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!
การหมุนเวียนเลือดที่รวดเร็วและรุนแรง เพื่อเพิ่มพลังงาน และความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของสไปรเยอร์ กลายเป็นจุดอ่อนของพวกเขาไปในตัวด้วย เพราะมันจะทำให้เลือดนั้นสูญเสียไปได้เร็วมาก ในระหว่างการต่อสู้ สไปรเยอร์ทุกคนจะอยู่ในสภาวะที่ตื่นตัว หัวใจเต้นแรง หมุนเวียนเลือดไปทั่วร่างกาย เพราะมันเป็นวิธีที่ใช้ในการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี และการป้องกันตามปกติของพวกเขา ยิ่งเลือดหมุนเวียนอย่างรุนแรงมากขึ้นเท่าไร พลังที่พวกเขาสะสมเอาไว้จะมากขึ้นไปเท่านั้น
แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บที่เส้นเลือดสำคัญ พวกเขาจะมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นในการห้ามเลือด และช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ เลือดที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายนั้นรุนแรงราวกับสายน้ำเชี่ยว ถ้ามันปรากฏรอยรั่วขนาดใหญ่ออกมาจากการบาดเจ็บ มันจะทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วยิ่งกว่าปกติมากนัก
สไปรเยอร์ที่มีอัตราการหมุนเวียนเลือด 60 รอบต่อนาที จะสูญเสียเลือดมากกว่าสไปรเยอร์ที่มีอัตราการหมุนเวียนเลือด 30 รอบต่อนาที เป็นจำนวน 2 เท่า!
เหมือนกับเม็กซ์ในตอนนี้ เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลของเขานั้นราวกับเป็นสายน้ำ มีเวลาไม่มากนักที่จะช่วยชีวิตให้รอดไปได้
และในทันทีที่ร่างของเขากระแทกลงไปกับพื้นครั้งแรก ร่างของครูฝึกเอลล่าก็เริ่มขยับแล้ว เมื่อเม็กซ์หยุดนิ่งอยู่กับพื้น เธอก็มาปรากฏอยู่ที่ข้างกายเขาทันทีเหมือนกัน
ไม่มีอาการลังเลหรือเสียเวลาเลยแม้แต่นิดเดียว นิ้วมือเรียวยาวของเธอนั้นจัดการกับบาดแผลอย่างรวดเร็ว บีบปากแผลให้เล็กลง และพ่นสเปรย์ชนิดหนึ่งลงไปทันที
ประสิทธิภาพของสเปรย์นั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก มันค่อย ๆ เชื่อมบาดแผลเข้าด้วยกันทีละเส้น และหยุดการเลือดที่ไหลออกมานั้นได้อย่างสมบูรณ์ในพริบตา ภายในเวลาไม่ถึง 30 วินาที ครูฝึกเอลล่าก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นให้เม็กซ์ได้สำเร็จ อย่างน้อย ๆ เขาคงจะไม่เสียชีวิตจากการเสียเลือดมากอีก
สเปรย์ที่เธอใช้ออกมานั้น เป็นยารักษาบาดแผลที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เหมือนกับเป็นกาวที่ใช้เอาไว้ประสานบาดแผล และเชื่อมต่อกล้ามเนื้อและหลอดเลือดกลับเข้าด้วยกัน ประสิทธิภาพของมันนั้นน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเคยมีตำนานกล่าวเอาไว้ว่า มันสามารถใช้ต่อแขนขาที่หลุดออกจากร่างกายได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะลองทดสอบประสิทธิภาพของมันตามข่าวลือนั้นเลย
บาดแผลบนหน้าอกของเม็กซ์นั้นปิดสนิท ราวกับว่าไม่เคยมีการฉีกขาดอะไรมาก่อน หลงเหลือเพียงเลือดชุ่มฉ่ำบนเสื้อผ้า และพื้นหญ้าข้างตัวเท่านั้น ที่ยังเป็นหลักฐานว่าเขาเพิ่งรอดตายมาได้ราวกับปาฏิหาริย์
หลังจากจัดการทุกอย่างได้เสร็จสิ้น ครูฝึกเอลล่าลุกขึ้นและหมุนตัวกลับไปมองที่ไนฮุน สายตาของเธอนั้นดุร้ายเป็นอย่างมาก
“เธอชนะการประลองแล้ว ทำไมถึงยังไม่ออกมาจากเวทีอีก?” มันเป็นประโยคง่าย ๆ แต่น้ำเสียงนั้นแข็งและเย็นชา บ่งบอกว่าเธอกำลังโกรธมากจริง ๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนักเรียนระหว่างการเรียนการสอน มันจะเป็นความรับผิดชอบของเธอทั้งหมด และในตอนนี้ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนักเรียนคนหนึ่ง สเปรย์กาวเชื่อมบาดแผลที่ต้องใช้ออกไป มูลค่าของมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย แม้ว่ามันจะมีความจำเป็นต่อการรักษาชีวิตในช่วงวิกฤติ แต่ราคาของมันก็สูงอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน
แต่นักเรียนทุกคนกำลังซาบซึ้งใจ ที่เห็นครูฝึกเอลล่ามีอาการโกรธเกรี้ยว เพราะเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของนักเรียน และตำหนิฝ่ายที่ลงมือรุนแรงเกินกว่าเหตุอย่างดุดัน
มันเป็นความเข้าใจผิดล้วน ๆ เอลล่าไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย ถ้ามันไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน และทรัพยากรที่จะได้รับจากสถาบัน เธอคงจะปล่อยให้เม็กซ์ตายไปแล้ว แต่การมีนักเรียนเสียชีวิตในระหว่างการเรียนการสอน จะส่งผลกับประวัติการทำงาน และกลายเป็นบาดแผลให้คนอื่นใช้โจมตีในภายหลังได้อย่างง่ายดาย
และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น เธอยอมควักคะแนนจีโนส่วนตัวจำนวนไม่น้อย เตรียมกาวเชื่อมบาดแผลเอาไว้สำหรับในกรณีฉุกเฉิน และคิดที่จะนำมันกลับไปแลกคะแนนคืนเมื่อจบการเรียนการสอนแล้ว เธอไม่มีคะแนนจีโนมากจนขนาดที่จะเอามาใช้สุรุ่ยสุร่ายได้ง่าย ๆ แต่ตอนนี้มันไม่เป็นไปตามแผนเดิมอีกแล้ว มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เอลล่านั้นโกรธมากจริง ๆ
ไนฮุนกำลังเดินออกจากสังเวียนการประลอง กลับเข้ามารวมกลุ่มกับนักเรียนคนอื่นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาที่มองไปที่เขาด้วยความนับถือและหวาดกลัว
แต่สายตาของเดวิดยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มองตามไนฮุนกลับเข้ามายืนในแถวข้าง ๆ ตัวเองอย่างสงบ ไม่แน่ใจว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
“เป็นไงบ้าง ฉันเก่งใช่มั้ย?” เสียงของไนฮุนกระซิบดังอยู่ข้างหูของเดวิดอย่างภาคภูมิ
“อืม! ใช่แล้ว! นายสุดยอดไม่เบาเลยทีเดียว ไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้” เดวิดพยักหน้าติดต่อกัน 2 ครั้ง ก่อนจะถามต่อออกมา “แล้วนายรู้หรือเปล่า อีกนานมั้ยกว่าจะจบวิชานี้?”
นั่นทำให้ไนฮุนเงียบไปสักพัก เขาไม่คิดว่าเดวิดจะเปลี่ยนเรื่อง และถามอะไรแบบนี้ออกมา หลังจากขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่ง ก็ถามเดวิดกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ทำไม? นายมีเรื่องด่วนจะต้องไปทำอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่! ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ และก็เริ่มง่วงมากแล้วด้วย อยากจะกลับไปนอนมากแล้ว” เดวิดมองไปที่เขา แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงซื่อ ๆ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว เขาไม่ได้คิดจะกลับไปพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ เขาคิดจะกลับไปฝึกฝนต่ออย่างหนักต่างหาก หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ของนักเรียนใหม่ในวันนี้ทั้งหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของเขานั้นยังไม่พอเพียงเลยแม้แต่นิดเดียว
ส่วนไนฮุนได้แต่กลอกตา และคิดอยู่ในใจคนเดียว ‘เจ้าหมอนี่ ทำไมถึงได้ขี้เกียจขนาดนี้กันนะ’
การประลองที่เหลืออีก 2-3 คู่ ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นอะไรเกิดขึ้นอีก หลังจากประลองกันครบหมดทุกคู่แล้ว ครูฝึกเอลล่าก็เรียกเรือเหาะสีชมพูของเธอให้ลอยมาอยู่เหนือสนามฝึกซ้อมอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่กล่าวคำแนะนำออกมาแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอก็กระโดดกลับขึ้นไปบนเรือเหาะด้วยวิธีการเดียวกันกับครั้งที่แล้ว และจากไปง่าย ๆ แบบนั้นเลย
นี่เป็นชั้นเรียนสุดท้ายของวันนี้แล้ว นักเรียนทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับไปที่พักของตัวเองทันทีเช่นกัน
...........
หลังจากเข้ามาในห้องพักของตัวเองได้ เดวิดก็เริ่มสั่งการให้ AI เปลี่ยนสภาพของห้องพักให้กลายเป็นห้องฝึกฝนอีกครั้ง พร้อมกับเปิดโหมดปิดบังตัวตนขึ้นมาอีกด้วย มันจะช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องนี้เป็นความลับ แม้แต่สถาบันก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในช่วงเวลานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง และไม่มีทางถูกสอดแนมจากบุคคลภายนอกได้อย่างเด็ดขาด
แสงสว่างสีขาวในห้องเริ่มหรี่ลงเรื่อย ๆ และเปลี่ยนเป็นสีแดงในท้ายที่สุด มันเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้ร้อนขึ้นอีกหลายองศาในพริบตา
เคร้ง! ครืด!
เสียงของโลหะเสียดสีกันดังขึ้นมาทั่วห้อง มันกำลังขยายขนาดของตัวเองออก พร้อมกับมีอุปกรณ์การฝึกประเภทต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ห้องถูกเปลี่ยนสภาพเรียบร้อยแล้ว เดวิดก็ทรุดตัวลงนั่งอยู่ที่พื้น และเริ่มควบคุมลมหายใจของตัวเอง หลังจากที่ปรับมันจนเข้าที่ได้แล้ว เขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ตั้งท่าเตรียมพร้อมอย่างมั่นคง ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้น เริ่มเพิ่มความเร็วในการหมุนเวียดเลือด และกระตุ้นการสั่นไหวของกล้ามเนื้อทันที
เขาเริ่มต้นการฝึกในครั้งนี้ด้วยเทคนิคฝึกฝนร่างกาย ‘เพลิงไร้ลักษณ์’ ชักนำเลือดในร่างกายให้ไหลไปตามทิศทางที่เฉพาะเจาะจง ให้ความเร็วของมันเหมาะสมกับความถี่ของกล้ามเนื้อที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ สร้างเป็นพลังงานความร้อนขึ้นมาในร่างกาย ก่อนจะเริ่มดึงดูดมันเข้าไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วและแรงขึ้น
ถ้าใช้เฉพาะเทคนิคเพลิงไร้ลักษณ์เพียงอย่างเดียว ความร้อนที่เกิดขึ้นจะมีขีดจำกับ และภาระที่ร่างกายต้องรับจากการสร้างคลื่นความร้อนนั้นจะสูงจนเกินไป ทำให้เขาเลือกที่จะนำทักษะการต่อสู้ที่สามารถสร้างความร้อนได้ มาเป็นตัวช่วยในการฝึกเทคนิคนี้อีกทางหนึ่ง
หลังจากที่ดึงพลังงานความร้อนเข้าไปกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ จนอุณหภูมิในร่างกายตกลงเป็นอย่างมาก เขาจะเพิ่มอุณหภูมิด้วยทักษะการต่อสู้เพลิงพิโรธในทันที ซึ่งนี่จะหมายความว่า เดวิดจะมีคลื่นความร้อนสำหรับการกระตุ้นหัวใจอย่างไม่สิ้นสุด
และนี่หมายความว่า เดวิดสร้างวิธีการฝึกแบบใหม่ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง และมันจะทำให้ความก้าวหน้าของเขานั่นสูงกว่าวิธีตามปกติเป็นอย่างมากทีเดียว
อุณหภูมิในร่างกายของเขาเริ่มลดลง ตามอัตราการเต้นของหัวใจที่กระโดดสูงขึ้นไปอย่างฉับพลัน เดวิดรีบกระตุ้นทักษะเพลิงพิโรธเพื่อรักษาระดับของความร้อนในร่างกายทันที กล้ามเนื้อทั้งร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างหนัก เส้นเลือดจำนวนมากผุดขึ้นมาใต้ผิวหนัง พวกมันกำลังเคลื่อนไหวไปมา มองดูเหมือนกับว่ากำลังมีงูจำนวนมากเลื้อยอยู่บนตัวของเขาก็ไม่ปาน
วูซ! วูซ! วูซ!
อัตราการเต้นของหัวใจเริ่มแตะขีดจำกัดเดิมได้แล้ว เช่นเดียวกันกับอัตราการหมุนเวียนของเลือด และพลังที่ถูกส่งเข้าไปที่หัวใจนั้นสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่ง
ปัง!
เหมือนกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาในหูของเขาอย่างฉับพลัน เลือดในร่างกายเหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่มันจะเริ่มหมุนเวียนอีกครั้ง เลือดจำนวนมากพุ่งขึ้นมาที่ศีรษะของเขา ทำให้ใบหน้านั่นแดงกล่ำไปหมด กล้ามเนื้อในร่างกายของเขาแข็งทื่อไปหมด อุณหภูมิในร่างกายลดลงไปในคราวเดียวกันหลายสิบองศา ร่างของเขาเกือบจะกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
เดวิดรู้สึกถึงความเจ็บที่เกิดขึ้นกับหัวใจของตัวเอง และมันรุนแรงกว่าการฝึกครั้งก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่อัตราการหมุนเวียนเลือดของเขานั้นทะลวงขีดจำกัดเดิมขึ้นไปได้แล้วเช่นกัน และมันก็ส่งพลังออกไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว สร้างความร้อนกลับคืนสู่ร่างกายอีกครั้ง เตรียมพร้อมสำหรับการกระตุ้นรอบต่อ ๆ ไป