ตอนที่ 86 กระบี่ทิวเขามรกต
เฉินเฟยงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม หากมุ่งแต่เพิ่มความชำนาญพลังเข้าใจต้นกำเนิด เฉินเฟยสามารถฝึกให้ถึงจุดสูงสุดของขั้นสามภายในยี่สิบวัน
ฝึกให้เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว เว้นแต่ว่าเฉินเฟยจะกินโอสถที่ปกป้องเส้นเลือด
“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องโอสถเช่นนี้มาก่อน แต่ในเมืองเซียนเมฆาต้องมีแน่”
เฉินเฟยเกิดความคิดทันที เขาสามารถไปถามร้านขายโอสถเหล่านั้นได้ หากไม่มี ในสมาคมนักหลอมโอสถควรมีโอสถหรือสูตรโอสถที่คล้ายกันอยู่บ้าง
เฉินเฟยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเพราะเวลาถูกบีบอัดด้วยการฝึกต่างๆ
ไม่มีการพูดจาตลอดทั้งคืน เฉินเฟยทำให้พลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสามเป็นแบบง่ายและฝึกฝนอย่างจริงจัง
วันต่อมา ไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น สำนักเพลิงเทพเหมือนจะล่าถอยไปจริง แต่ถึงอย่างนั้นสมาชิกสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวไม่ได้ผ่อนคลายลง พวกเขายังคุ้มกันขบวนรถและปกป้องที่พักตามข้อตกลงก่อนหน้านี้
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป หนึ่งวัน สองวัน สามวัน ปริมาณสมุนไพรที่รวบรวมได้มีเกินครึ่ง แม้ยังมีท่าทางระวังอยู่แต่ในใจทุกคนผ่อนคลายขึ้นบ้าง อย่างไรแล้วก็ยังมีกระบวนการอีกมากมาย
แม้แต่เฟิงซิวผู่และคนอื่นยังออกไปเดินสำรวจด้านนอกเพื่อดูว่ามีสัญญาณของสำนักเพลิงเทพหรือไม่ แต่สุดท้ายไม่พบอะไร
ตกลางคืน เฉินเฟยนั่งสมาธิจดจ่อกับการฝึกวิชา ความแข็งแกร่งของร่างกายเกิดผันผวนอย่างรวดเร็วทำให้กล้ามเนื้อโครงร่างเฉินเฟยสั่นสะท้ายและร้อนขึ้น การมองจากระยะไกลจะเห็นว่าอากาศเหมือนบิดเบี้ยว
ครึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยหายใจออกยาวลืมตาขึ้น
เส้นเลือดทั่วร่างบวมขึ้นเล็กน้อย เฉินเฟยจำเป็นต้องหยุดสักระยะหนึ่งก่อนจะฝึกฝนต่อ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้รับบาดเจ็บภายใน
เฉินเฟยลุกขึ้นมองไปรอบค่าย คนส่วนใหญ่ล้วนนั่งสมาธิ ไม่เพียงเพื่อฝึกฝนแต่แทนการนอนหลับด้วย ในเวลาเดียวกันพวกเขายังตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ได้ทันที
เฉินเฟยเพียงต้องการเดินก้าวสองก้าวเพื่อผ่อนคลาย แต่ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งกระโดดเข้ามา เฉินเฟยมองด้วยความประหลาดใจ นั่นคืออาจารย์ของเขาเฟิงซิวผู่
“ติ้ง!”
เสียงดังมาจากกระบี่ยาวในมือเฟิงซิวผู่ ตอนแรกเสียงนี้เบามาก แต่เพียงครู่เดียวเสียงนี้ก็ดังกึกก้อง
ในเวลานี้ทุกคนเริ่มรู้สึกตัวและมองเฟิงซิวผู่อย่างสับสน
“มีบางอย่างเกิดขึ้น ทุกคนระวังตัวให้ดี!”
สีหน้าเฟิงซิวผู่เคร่งขรึม ดวงตาเขามองไปไกล คิ้วขมวดแน่น ในขณะนี้กระบี่ยาวสีเขียวในมือกำลังสั่นราวกับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
“เป็นสิ่งแปลกประหลาด!”
กัวหลินซานปรากฏตัวข้างเฉินเฟบ มองเฉินเฟยแล้วพูด “เนื้อเน่าติดกระดูกของเจ้าแสดงอาการหรือไม่?”
“สิ่งแปลกประหลาด?”
เฉินเฟยประหลาดใจเล็กน้อย เขากำลังจะส่ายหัวแต่ทันใดเกิดเย็นวาบที่แขน เฉินเฟยดึงแขนเสื้อขึ้นและเห็นว่าเนื้อเน่าติดกระดูกกำลังแสดงอาการ
กัวหลินซานรู้ผลลัพธ์ทันทีเมื่อเห็นท่าทางเฉินเฟย
“ศิษย์พี่กัวรู้ได้อย่างไร?”
เฉินเฟยประหลาดใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนเฉินเฟยยังเป็นคนบอกกัวหลินซานอยู่เลย แต่วันนี้กัวหลินซานกลับรู้เรื่องเร็วกว่าเฉินเฟย
“ในมืออาจารย์คือกระบี่ทิวเขามรกต เมื่อเจอสิ่งแปลกประหลาดมันจะรับรู้ได้ทันที”
กัวหลินซานสีหน้าจริงจังพูดเสียงต่ำ “ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดทั้งหมดที่ทำให้กระบี่เขามรกตอบสนอง แต่ตราบใดที่มีการตอบสนอง สิ่งแปลกประหลาดนั้นจะแข็งแกร่งมาก”
“ศิษย์ทุกคนจงรีบนำคนเก็บสมุนไพรลงไปจากเขา!”
เฉียนหลินตู้รับรู้ถึงความถี่ในการสั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกระบี่ทิวเขามรกต สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้ เขาตะโกนเสียงดังและร่างสั่นไหวมาอยู่ต่อหน้าทุกคน สายตาเขาจับจ้องตรงด้านหน้า
“ตรงนั่นเป็นที่ตั้งของหอเป๋ย์โต่ว!” เฉียนหลินตู้กับคนอื่นมาหาเฟิงซิวผู่และพูดเสียงทุ้ม
“สิ่งแปลกประหลาดมุ่งเป้ามาที่สำนักเรา แต่เปลี่ยนเป้าเป็นหอเป๋ย์โต่วก่อน”
เฟิงซิวผู่หายใจเข้าลึก “พวกเราจะอยู่ข้างหลังซื้อเวลาให้กับเหล่าศิษย์”
“ได้!”
เฉียนหลินตู้และคนอื่นพยักหน้า เมื่อเผชิญกับสิ่งแปลกประหลาดระดับนี้ โอกาสที่ศิษย์ทั่วไปและคนเก็บสมุนไพรจะเป็นตายมีมากเกินไป
สำหรับนักยุทธ์ขัดเกลาไขกระดูกอาจดีกว่า อย่างน้อยยังพอช่วยได้เล็กน้อย แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ที่ต่ำกว่าระดับขัดเกลาไขกระดูกไม่สามารถทำร้ายสิ่งแปลกประหลาดได้
คนเก็บสมุนไพรวิ่งไปด้านล่างภูเขาอย่างลนลาน แม้เฟิงซิวผู่จะสั่งให้เหล่าศิษย์พาพวกเขาออกไป แต่คนเก็บสมุนไพรรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเมื่อพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ศิษย์สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวจะไม่ช่วยเหลือและวิ่งหนีไปก่อนแน่นอน
การที่สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวไม่ละทิ้งพวกเขาตั้งแต่แรกถือว่าค่อนข้างมีความรับผิดชอบแล้ว
“ศิษยพี่กัว หากหลังจากนี้ตกอยู่ในอันรายท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าวิ่งได้เร็วพอสมควร” เฉินเฟยมองกัวหลินซานด้านข้างแล้วพูดเสียงต่ำ
“อืม!” กัวหลินซานพยักหน้า แต่ไม่รู้ว่าเขาได้ฟังจริงหรือไม่
หลังวิ่งไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มีเสียงคำรามดังมาจากด้านหลัง เสียงนี้เหมือนทะลุแก้วหูของผู้คน แม้พวกเขาอยู่ห่างหลายลี้แต่ยังเกิดอาการวิงเวียน
ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นพวกเขา เพียงได้ยินเสียงนี้คนเก็บสมุนไพรก็วิ่งเร็วขึ้น หลายคนถึงกับทิ้งเครื่องมือทั้งหมดเพื่อให้วิ่งเร็วขึ้น
เฉินเฟยหันกลับไปมอง รอยเลือดปรากฏบนท้องฟ้าในระยะไกล สีแดงนั้นดูน่าดึงดูดใจจนทำให้ผู้คนรู้สึกวิงเวียน
“กระบี่ทิวเขามรกตเป็นกระบี่วิญญาณ อาจารย์จะไม่ตกอยู่ในอันตราย!” กัวหลินซานพูดอย่างหนักแน่น
เฉินเฟยกำลังจะถามว่ากระบี่วิญญาณคืออะไร แต่ทันใดนั้นรอยประทับบนแขนของเขาแสดงอาการอย่ารุนแรง สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เขามองไปรอบด้านและพบดวงตาสีแดงดวงหนึ่งทางด้านขวา
เขาพลันรู้สึกเวียนหัว แต่เคล็ดชำระใจต่อต้านไว้ได้ทันท่วงที
เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาดเฉินเฟยจึงใช้เคล็ดชำระใจตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นการล่าช้าเพียงนิดเดียวอาจต้องจ่ายด้วยชีวิต
“ศิษย์พี่ ระวัง!”
เงาสีดำปรากฏขึ้นเงียบๆหลังคนเก็บสมุนไพร ทันใดนั้นมันอ้าปากกว้างและกลืนคนเก็บสมุนไพรในคำเดียว เฉินเฟยทั้งสองไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดมัน
ในเวลานี้เฉินเฟยเห็นเงานั้นอย่างชัดเจน
ทั้งตัวปกคลุมด้วยหนังสีเขียว ผิวหนังซ้อนกันเป็นชั้น ลำตัวใหญ่โต มีดวงตาเพียงดวงเดียว ดวงตาโตจนเหมือนจะหลุดออกมา ท้องใหญ่ราวกับจะห้อยลงกับพื้น
“ตาย!”
กัวหลินซานตะโกนเสียงดัง พริบตาเดียวเขามาถึงตัวสิ่งแปลกประหลาดเขียวและฟันกระบี่ออกไป
สิ่งแปลกประหลาดเขียวมองกัวหลินซานอย่างนิ่งเฉย กัวหลินซานถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ครู่ต่อมาสิ่งแปลกประหลาดเขียวอ้าปากกว้างและพ่นคนเก็บสมุนไพรที่เพิ่งกลืนลงไปเมื่อครู่ใส่กัวหลินซาน
“เคร้ง!”
เหมือนเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้น กรงเล็บคนเก็บสมุนไพรตบดาบกว้างและเกือบจะแทงเข้าหน้ากัวหลินซาน
เพียงครู่เดียวคนเก็บสมุนไพรได้กลายเป็นสิ่งแปลกประหลาดและถูกควบคุมโดยสิ่งแปลกประหลาดเขียว
“ชุ่ย!”
ทันใดนั้นแขนกัวหลินซานขยายใหญ่ขึ้น ด้วยการฟันครั้งเดียวเขาได้ฟันสิ่งแปลกประหลาดคนเก็บสมุนไพรลอยไปในอากาศ จากนั้นพุ่งไปด้านหน้าสิ่งแปลกประหลาดเขียวแล้วฟันลงมา
“ชึก!”
แขนเขียวลอยขึ้นอากาศ ใบหน้าสิ่งแปลกประหลาดเขียวยังไม่แสดงอาการใดๆ แขนสิ่งแปลกประหลาดเขียวที่ขาดไปเริ่มฟื้นฟูกลับมา เพียงพริบตาเดียวแขนได้งอกออกมาใหม่
“ศิษย์พี่กัว รีบไปเถอะ!”
โล่กระบี่ปรากฏขึ้นตรงหน้ากัวหลินซานและปิดกั้นการโจมตีของสิ่งแปลกประหลาดเขียว
เฉินเฟยโอบไหล่ของกัวหลินซานแล้ววิ่งลงจากภูเขา เมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็มีสิ่งแปลกประหลาดเขียวไม่ต่ำกว่าห้าตัวปรากฏรอบด้านพวกเขาทั้งสอง
หยุดเท้าไม่ได้เด็ดขาด!