ตอนที่ 10 : จะมีงานเลี้ยงที่วังหลวงในวันพรุ่งนี้ (อ่านฟรี)
ถึงแม้ที่พักของตระกูลเฉียวบนภูเขาทางเหนือนั้นจะไม่โอ่โถงเท่ากับจวนหวังอันหยวนในฉางอัน แต่ก็ยังถือว่ากว้างขวางอยู่มาก
ฮูหยินใหญ่ยกที่พักที่ดีที่สุดให้เฉียวจินเหนียง จากการตกแต่งข้างใน ผู้ใดก็สามารถบอกได้ว่าฮูหยินใหญ่ปฏิบัติต่อเธอดีเพียงใด
“คุณหนูนายหญิงรักคุณหนูมากเลยนะเจ้าคะ ท่านตำหนิคุณหนูสี่อย่างรุนแรง นอกจากนี้ท่านยังไม่ยอมให้คุณหนูสี่มาที่ลานล่าเพื่อคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ”
อิ๋งเถากล่าวขณะจัดแจงสัมภาระของเฉียวจินเหนียง
เฉียวจินเหนียงถอนหายใจ ตอนนี้เฉียวหรูฉีคงจะไม่พอใจเธอยิ่งกว่าเดิมอีก
เริ่มมืดแล้ว พรุ่งนี้ฮ่องเต้จะพาองค์รัชทายาทและองค์ชายน้อยไปที่ลานล่าทางภูเขาในตอนเหนือ จากนั้นเธอก็จะได้เจอองค์ชายน้อยแล้ว
ด้วยเหตุบังเอิญมากมาย เธอเกือบจะแน่ใจแล้วว่าองค์ชายน้อยคือต้วนเอ๋อร์ของเธอ
ในเวลากลางคืน เฉียวจินเหนียงพลิกตัวไปมาและนอนไม่หลับ เธอต้องการพบต้วนเอ๋อร์แต่ก็กลัวว่าต้วนเอ๋อร์จะใช่องค์ชายน้อยจริงๆ
ถ้าหมอนั่นเป็นองค์รัชทายาท ก็สมควรแล้วที่เขาจะส่งจดหมายหย่าให้เธอ องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ถังจะแต่งเข้าตระกูลพ่อค้าได้อย่างไร?
ในความเป็นจริง เมื่อเธอคิดอย่างรอบคอบ เธอก็ตระหนักได้ว่าท่าทีที่สง่างามที่เขาเผลอทำเป็นครั้งคราวรวมทั้งความสามารถในการทำธุรกิจของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายธรรมดาจะมีได้
บุตรสาวของตระกูลเซี่ยในหลินอันเคยกล่าวว่า เฉียวจินเหนียง เด็กสาวที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยอย่างเธอไม่คู่ควรกับเขา
“คุณหนูยังไม่นอนอีกหรือเจ้าคะ?” หงหลิงเดินถือตะเกียงเข้ามาและถามว่า “คุณหนูกังวลเกี่ยวกับการล่าฤดูใบไม้ผลิในวันพรุ่งนี้หรือเจ้าคะ”
“ฮ่องเต้และฮองเฮาต่างก็เป็นผู้ที่มีพระทัยดีทั้งคู่ คุณหนูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับงานเลี้ยงของราชวงศ์ในวันพรุ่งนี้เลยเจ้าคะ”
“งานเลี้ยงของราชวงศ์?” เฉียวจินเหนียงถามว่า “ข้าจะได้เห็นฝ่าบาทไหม”
หงหลิงยิ้มและพูดว่า “แน่นอนเจ้าค่ะ จวนหวังอันหยวนเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่สำคัญ ดังนั้นที่นั่งจะไม่ห่างจากราชวงศ์มากนักเจ้าค่ะ คุณหนูจะได้เห็นฮ่องเต้และฮองเฮาแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฉียวจินเหนียงตกตะลึง “แล้วข้าจะเจอองค์รัชทายาทด้วยหรือไม่”
หงหลิงพยักหน้า “นั่นคือเหตุผลที่ช่วงนี้หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ทุกคนในเมืองฉางอันยุ่งอยู่กับการหาชุดขี่ม้าใหม่และซื้อเครื่องประดับใหม่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะองค์รัชทายาทจะเข้าร่วมการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้เจ้าค่ะ!”
เฉียวจินเหนียงเป็นกังวลเล็กน้อย เธออยากเจอต้วนเอ๋อร์แต่เธอไม่อยากเจอองค์รัชทายาท...
ถ้าองค์รัชทายาทเป็นไอ้สารเลวนั่นจริงๆ เขาจะฆ่าเธอเพื่อปิดปากเธอเมื่อรู้ว่าเธออยู่ที่ฉางอันแล้วหรือไม่?
บางทีมันอาจจะเกี่ยวพันไปถึงจวนหวัง
ตอนนี้เฉียวจินเหนียงกระสับกระส่ายไปหมด ในเดือนเมษายนอากาศบนภูเขาค่อนข้างเย็น ใบหน้าของเธอจึงดูซีดเซียวเนื่องจากเธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน
เมื่อฮูหยินใหญ่มาที่ห้องของเฉียวจินเหนียงและสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ เธอก็ตำหนิหงหลิง“ทำไมคุณหนูถึงเป็นเช่นนี้ได้”
หงหลิงก้มหัวลงและกล่าวว่า “นายหญิง ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวดูแลคุณหนูได้ไม่ดีเองเจ้าค่ะ”
เฉียวจินเหนียงยิ้มให้ฮูหยินใหญ่ “ท่านแม่ อย่าไปโทษพวกนางเลยเจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ลูกนอนไม่หลับ วันนี้ลูกจึงรู้สึกเพลียมาก ถ้ายังไงวันนี้ลูกขอไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงได้ไหมเจ้าคะ ลูกอยากจะพักอีกสักหน่อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่พยักหน้า “เอาล่ะ งั้นเจ้าก็พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าต้องการอะไรเจ้าก็ให้บ่าวมาแจ้งแม่นะ เข้าใจไหม”
เฉียวจินเหนียงพยักหน้า “เจ้าค่ะท่านแม่”
ถึงยังไง เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่เปราะบาง เนื่องจากเธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน เธอจึงง่วงมากในเวลานี้และผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน
…
ฮ่องเต้และฮองเฮากำลังเสด็จมาที่ลานล่า ดังนั้นทั้งสองฟากของถนนจึงคราคร่ำไปด้วยชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนภูเขาทางตอนเหนือ พวกเขาต้องการที่จะเห็นว่าฮ่องเต้มีหน้าตาเป็นอย่างไร
ฮ่องเต้ทรงพระทัยดีมากและไม่ได้ห้ามไม่ให้ชาวบ้านทั้งหลายเห็นฮองเฮาและสนมของพระองค์
ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มรวมตัวกันทั้งสองฝั่งของถนนเพื่อดูการปรากฏตัวของขุนนาง
นี่เป็นครั้งแรกที่นั่วหมี่มาที่ฉางอัน อิ๋งเถาจึงพานั่วหมี่มาที่นี่เพื่อชมความครื้นเครง
นั่วหมี่มองจากระยะไกลและทำตามฝูงชนที่คุกเข่าลง เมื่อเธอเห็นฮองเฮาผู้งดงามยิ่งกว่านางสวรรค์เธอก็ถามว่า “พี่อิ๋งเถา แล้วชายหนุ่มเจ็ดคนที่สวมชุดมังกรนั่น ผู้ที่อยู่ข้างหน้าคือใครหรือเจ้าคะ”
“พวกท่านเป็นองค์ชายทั้งเจ็ดพระองค์ ส่วนผู้ที่อยู่ข้างหน้าสุดน่าจะเป็นองค์รัชทายาท”
จากระยะไกล อิ๋งเถาเห็นเพียงเสื้อผ้าแต่ไม่เห็นใบหน้า ดังนั้นเธอจึงได้แต่คาดเดา
ตั้งแต่นั่วหมี่มาที่ฉางอันเธอได้ยินจากสาวใช้ตัวน้อยในจวนหวังว่าองค์รัชทายาทหน้าตาหล่อเหลาเพียงใด แต่ตอนนี้เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย องค์รัชทายาทยังูปงามไม่เท่าอดีตสามีของคุณหนูเลย!
ชายที่อยู่ข้างหน้าแท้จริงแล้วคือหวังหรงน้อย แม้ว่าเขาจะทราบว่ามีคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นองค์รัชทายาทแต่เขาก็ไม่สามารถห้ามความคิดและอธิบายให้ทุกคนฟังได้ว่าเขาไม่ใช่องค์รัชทายาท!
องค์รัชทายาทตัวจริงทรงยึดราชรถของเขาและให้เขามาขี่ม้าภายใต้แสงแดดที่แผดเผานี่ ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นถึงองค์รัชทายาท พระองค์จะไม่มีราชรถเป็นของพระองค์เองได้หรือ?
เมื่อเฉียวจินเหนียงตื่นขึ้น เสียงกลองดังก้องอยู่ในหูของเธอ
เมื่อนั่วหมี่เห็นคุณหนูของเธอตื่นแล้ว นั่วหมี่ก็พูดว่า “คุณหนู คุณหนู ข้างนอกคึกคักดีจังเลยเจ้าค่ะ บ่าวเห็นฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยนะเจ้าคะ พระนางทรงรูปงามยิ่งนักเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เฉียวจินเหนียงก็ถามอย่างง่วงงุนว่า “แล้วเจ้าเห็นองค์รัชทายาทหรือไม่”
นั่วหมี่กล่าว “เห็นเจ้าค่ะ เหล่าเจ้าชายต่างขี่ม้ากันมาหมด พระองค์นึงก็รูปงามกว่าอีกพระองค์นึง แต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้รูปงามอย่างที่เขาลือกันเลยนะเจ้าคะ ไม่ถึง1ใน10ส่วนของสามีเก่าของคุณหนูเลยด้วยซ้ำเจ้าค่ะ”
เมื่อเฉียวจินเหนียงได้ยินคำพูดของนั่วหมี่เธอก็รู้แล้วว่าการเดาของเธอนั้นผิดพลาด
เฉียวจินเหนียงหน้าแดง เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน? เธอคิดได้อย่างไรว่าองค์รัชทายาทจะเป็นอดีตสามีของเธอ?
โชคดีที่เธอไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับการคาดเดานี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะกลายเป็นตัวตลกของคนอื่นแน่ๆ
บางทีมันคงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
…
ในรถม้าของหวังหรงน้อย
องค์รัชทายาทกำลังฟังรายงานจากองครักษ์ลับ “นางไม่ได้ล่องหนได้สักหน่อย แต่ทำไมพวกเจ้าถึงยังหานางไม่พบ? นางไปซ่อนตัวอยู่ใต้ดินหรือไง”
หัวหน้าองครักษ์ลับพูดด้วยความอับอาย “ฝ่าบาท พวกเราได้ตรวจสอบใบผ่านทางทั้งหมดของท่าเรือและที่ประตูเมืองแล้ว นางน่าจะยังไม่ได้ออกจากหลินอัน บางทีนางอาจจะซ่อนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากสมาชิกของตระกูลเฉียวก็เป็นได้พะย่ะค่ะ”
หากเป็นไปได้เขาอยากจะออกไปตามหานางด้วยตัวเองจริงๆ
ต้วนเอ๋อร์ต้องการแม่ของเขามากขึ้นเรื่อยๆในยามกลางคืน เมื่อเขาเห็นเฉียวหรูฉีระหว่างทาง เขาก็เรียกเธอว่า “แม่” และลากเธอให้ขึ้นรถม้าไปด้วยกัน
นั่นจึงเป็นาสาเหตุที่องค์รัชทายาทต้องมานั่งที่รถม้าของหวังหรงน้อย
เมื่อคืนเขายุ่งตลอดทั้งคืน ซึ่งมันทำให้เขาคิดถึงเฉียวจินเหนียงนิดหน่อย ปกติเธอมักจะทำติ่มซำชามหนึ่งมาให้เขาเมื่อเขายุ่งในตอนดึก...
ท่ามกลางเสียงกลอง ฮ่องเต้ประกาศการเริ่มต้นของการล่าในฤดูใบไม้ผลิในปีนี้
เมื่อเฉียวหรูฉีลงจากรถม้าขององค์รัชทายาท ก็มีสายตาอิจฉาริษยานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เธอ
ลี่หลิงหลิงกำมือของเธอแน่น จนเล็บของเธอจิกเข้าไปในเนื้อ “คนของจวนหวังอันหยวนเดินทางมาเมื่อวานนี้ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเฉียวหรูฉีถึงมาพร้อมองค์ชายน้อยได้?
หวังอันหยวนขมวดคิ้วเมื่อเห็นเฉียวหรูฉี
เฉียวหรูฉีกำลังอุ้มต้วนเอ๋อร์พลางคิดว่าเด็กคนนี้ช่างตัวหนักจริงๆ ปัจจุบันพ่อแม่ของเธอหลงไหลนังเด็กที่เลี้ยงด้วยทาสจากชนบทนั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับเธอ
เนื่องจากเธอไม่สามารถพึ่งพาพ่อแม่ของเธอได้อีกต่อไป เธอจึงทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเพื่อที่จะได้เป็นพระชายา
ฮูหยินใหญ่รีบเข้าไปคารวะองค์รัชทายาท “ขอบคุณที่ทรงอนุญาตให้บุตรสาวของหม่อมฉันนั่งรถมาด้วยเพคะ ฝ่าบาท”
ต้วนเอ๋ออร์ซบไหล่ของเฉียวหรูฉีและเมื่อเขาเห็นฮูหยินอันเขาก็อ้าแขนออกและต้องการที่จะให้เธอกอดเขา
ฮูหยินใหญ่รู้สึกหนักใจมาก แต่เธอก็ทำได้เพียงกอดเขาไว้
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกชอบองค์ชายน้อยมากตั้งแต่แรกเห็น
องค์หญิงฟู่ลู่เดินไปหาฮูหยินอันและถามว่า “จินเหนียงอยู่ที่ไหน? ทำไมวันนี้เฉียวจินเหนียงถึงไม่มาด้วยล่ะ? ข้าอยากจะพานางไปหาเรื่องฉินเมี่ยวเหมี่ยวด้วยกัน!”
ฮูหยินอันกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “องค์หญิง จินเนียงมาจากสถานที่เล็กๆ ได้โปรดอย่าทำให้นางลำบากเลยเพคะ”
“ข้าจะไม่ทำให้นางลำบากหรอก นางเป็นเพื่อนที่ดีของข้า” องค์หญิงฟู่ลู่ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าขององค์ชายน้อย “ต้วนเอ๋อร์ เจ้านี่น่ารักขึ้นเรื่อยๆเลย”
ต้วนเอ๋อร์เรียกเธออย่างไพเราะว่า "ท่านน้า!"
ฟู่ลู่หยิบเค้กออกมาและแกล้งเขา “ต้วนเอ๋อร์ เจ้าอยากมาเล่นด้วยกันกับข้าไหม”
องค์ชายน้อยพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบ
โดยไม่สนใจการขัดขวางของขันทีและสาวใช้ขององค์รัชทายาท องค์หญิงฟู่ลู่อุ้มต้วนเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนของเธอและกำลังจะเดินออกไป
เธอสัญญาว่าจะให้เฉียวจินเหนียงได้พบองค์ชายน้อย นางมาจากชนบท นางคงจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางจะอยากรู้อยากเห็น
แต่จู่ๆ ขันทีและสาวใช้ขององค์รัชทายาทก็คุกเข่าเป็นแถวต่อหน้าเธอ ขณะที่องค์หญิงฟู่ลู่กำลังจะเดินออกจากประตูไป “องค์หญิง ได้โปรด อย่านะพะย่ะค่ะ...”
“ถ้าองค์รัชทายาทรู้ว่าพระองค์ทรงพาองค์ชายน้อยออกไป พวกกระหม่อมจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงเป็นแน่เลยพะย่ะค่ะ!”