นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 71 - อำนาจของตระกูล
‘ผีเสื้อสะบัดปีก-สองปีก’ นี่เป็นกระบวนท่าในขั้นตอนที่ 2 ของทักษะการต่อสู้ผีเสื้อสะบัดปีก ทักษะระดับสีน้ำตาล!
ในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ทุกชนิด จำเป็นจะต้องบรรลุระดับที่ 2 หรือระดับขัดเกลาเสียก่อน จึงจะสามารถใช้กระบวนที่ในขั้นตอนที่ 2 ได้แบบนี้
และการที่ฟิลลิดาสามารถใช้มันออกมาได้อย่างเชี่ยวชาญ คงจะไม่ผิดนักถ้าจะมีคนกล่าวว่าเธอนั้นเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนคนหนึ่ง ที่สามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้ารวดเร็วในเวลาสั้น ๆ
แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด!
ถึงแม้ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่าฟิลลิดาคืออัจฉริยะคนหนึ่ง เพราะเหล่าอัจฉริยะในสถาบันแห่งนี้ ที่สามารถฝึกฝนทักษะระดับสีน้ำตาลได้จนถึงระดับขัดเกลาในเวลาอันสั้น แทบจะไม่มีปรากฏอยู่เลย มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก จนอาจจะกล่าวได้ในทางทฤษฎีว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
แต่! ข้อยกเว้นนั้นมีอยู่เสมอ!
ในแต่ละเซ็กเตอร์ อาศัยอยู่ด้วยตระกูลต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ที่มีความรู้เกี่ยวกับการคงอยู่ และวิธีการต่าง ๆ ในการดำเนินงานของสถาบันแห่งนี้ รวมทั้งมีตระกูลมากมาย ที่มีศิษย์เก่าที่จบการศึกษาไปจากทางสถาบัน
ศิษย์เก่าเหล่านั้นมีบางส่วนที่เป็นยอดฝีมือระดับอัจฉริยะ และอัจฉริยะเหล่านั้นได้กลายมาเป็นผู้ที่มีอำนาจระดับสูง พวกเขาต่างต้องการทิ้งเทคนิคการฝึกฝนเอาไว้ เพื่อให้ชนรุ่นหลังในตระกูลได้ใช้ประโยชน์กันทั้งนั้น
แต่นั่นเป็นเรื่องต้องห้าม! ทางสถาบันไม่อนุญาตให้ความลับเรื่องเทคนิคหรือทักษะการฝึกฝนใด ๆ หลุดลอดออกไปได้เลย ความรู้ที่พวกเขาสั่งสมมาทั้งหมด จนกลั่นเป็นคู่มือในการฝึกฝนเทคนิคและทักษะต่าง ๆ มากมายนั้น ล้วนแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของคนรุ่นก่อนในสถาบัน มันได้มาจากการทดลองที่ยากลำบาก และการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงด้วยชีวิต
มันเป็นทรัพยากร เป็นทรัพย์สินที่ทรงคุณค่าของทางสถาบัน ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมให้มันเล็ดลอดออกไปสู่โลกภายนอกได้
แต่นั่นเป็นข้อห้ามสำหรับเทคนิคหรือทักษะการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น มันสามารถหลบเลี่ยงได้โดยการลดระดับของทักษะที่ต้องการลง ทำให้แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถฝึกฝนมันได้ และหลังจากนั้น แค่คะแนนจีโนเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะจัดการส่งมันกลับไปที่ตระกูล ให้ชนรุ่นหลังได้ใช้เพื่อเตรียมร่างกายของตัวเองให้พร้อมเอาไว้ก่อน รอเวลาที่จะได้เข้ามาเรียนในสถาบันอย่างถูกต้อง
ยกตัวอย่างเช่นตระกูลของฟิลลิดา ‘ตระกูลโกลด์’
พวกเขาเป็นตระกูลที่เริ่มมีอำนาจมานานหลายปีแล้ว หลังจากที่มีอัจฉริยะจำนวนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น เข้าเรียนเพื่อฝึกฝน จบการศึกษาไปจากสถาบัน และกลายเป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอยู่ในโลกใบนี้
นั่นหมายความว่า ตระกูลโกลด์ก็มีทักษะการฝึกฝนฉบับลดระดับของทักษะการต่อสู้ของสถาบันนี้อยู่เช่นกัน
มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่ตระกูลโกลด์ได้ให้กำเนิดอัจฉริยะหญิงผู้เป็นนักเรียนพรสวรรค์ระดับ 4 ดาวขึ้นมาคนหนึ่ง และเธอได้เลือกที่จะลดระดับของทักษะการต่อสู้ระดับสีน้ำตาล และส่งกลับไปที่ตระกูลของตัวเอง
ด้วยพรสวรรค์ของเธอ มันใช้เวลามากกว่าครึ่งปีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถฝึกฝนจนสำเร็จทักษะการต่อสู้นี้ ด้วยความที่เธอได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ช่วยของครูฝึก ทำให้ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องระหว่างที่เธอยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ และปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาฝึกฝนได้อย่างเต็มที่
และทักษะที่เธอเลือกจะลดระดับมันลงไป ก็คือ ‘ผีเสื้อสะบัดปีก’ นี่เอง
ตั้งแต่ฟิลลิดาจำความได้ เธอก็เริ่มฝึกฝนทักษะชนิดนี้มาตลอด มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และกลายเป็นเหมือนกับสัญชาตญาณติดตัวของเธอไปแล้ว ถ้ามีคนเคยสังเกตดูอย่างใกล้ชิด จะพบกว่าตอนที่ผ่านกระบวนการเริ่มต้น เธอก็เคยใช้ทักษะนี้ออกไปแล้วครั้งหนึ่ง
ด้วยพื้นฐานที่วางเอาไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้ามาเรียนในสถาบันนี้ได้ เธอก็เลือกที่จะฝึกฝนทักษะผีเสื้อสะบัดปีกที่สมบูรณ์อย่างไม่ลังเล และภายเวลาเพียงไม่กี่วัน ก็สามารถต่อยอดได้จนเชี่ยวชาญ และบรรลุถึงระดับขัดเกลา แม้ว่าจะกล่าวว่าเป็นผลมาจากการเตรียมตัวที่ดี แต่ก็ยังถือว่าเป็นความเร็วที่น่ากลัวมากจริง ๆ
และในเมื่อตระกูลโกลด์สามารถทำอย่างนี้ได้ ไม่มีทางที่ตระกูลที่มีอำนาจอื่น ๆ จะไม่ทำเหมือนกันอย่างเด็ดขาด
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า วิธีการเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นตระกูลโกลด์ที่เป็นต้นคิดออกมา
ความคิดและวิธีการในการสร้างพื้นฐานให้กับรุ่นเยาว์ของตระกูล กลายเป็นวิธีปฏิบัติปกติทั่วไปของตระกูลที่พอจะมีอำนาจในเซ็กเตอร์ AA-00 ถึง AA-99 ตราบใดที่พวกเขามีทรัพยากรมากเพียงพอ
ในขณะที่เซ็กเตอร์อื่น ๆ ตระกูลที่อาศัยอยู่ที่นั่น ส่วนใหญ่ไม่มีความมั่งคั่งพอที่จะเตรียมลูกหลานของพวกเขาจนถึงจุดนี้ได้เลย
ด้วยเหตุผลนี้ ฟิลลิดาจึงไม่ใช่นักเรียนใหม่เพียงคนเดียวที่ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ระดับสีน้ำตาล อาจจะมีอัจฉริยะคนอื่น ที่ฝึกฝนได้เหนือกว่าเธอไปแล้วก็ได้ และอาจจะไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกัน นักเรียนคนอื่น ๆ ต่างอุทานออกมาเมื่อเห็นการโจมตีของฟิลลิดา และพากันจ้องไปที่เธออย่างทั้งชื่นชม และตกตะลึง
“นั่นมันผีเสื้อสะบัดปีกไม่ใช่หรือ?” เสียงของนักเรียนหญิงชาวเอเชียคนหนึ่งอุทานออกมาอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาของตัวเองนัก
“หือ! อือ! ใช่แล้ว ฉันจำได้แล้ว เธอพูดถูก ผีเสื้อสะบัดปีกจริง ๆ”
“แต่นั่นมันเป็นทักษะสีน้ำตาลนะ?” เสียงของนักเรียนหญิงคนเดิมยังเต็มไปด้วยความสับสน เธอยังไม่มั่นใจเท่าไรนัก
“หึ! ทักษะระดับสีน้ำตาลอย่างนั้นหรือ? ถ้ามีคนฝึกทักษะระดับสีน้ำตาลได้เร็วขนาดนี้ ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกทำไม?” นักเรียนอีกคนโต้ขึ้นมา เธอไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียว
“แต่มันเหมือนจริง ๆ นี่ แถมยังเป็นระดับขัดเกลาแล้วด้วย นั่นมันท่า ‘สองปีก’” เด็กสาวชาวเอเชียยังยืนยันสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่มั่นใจออกมาอีกครั้ง
“ชิ! เอาเถอะ น้ำตาลก็น้ำตาล!” เสียงพูดอย่างตัดความรำคาญดังสวนขึ้นมาทันที เธอยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเป็นทักษะระดับสีน้ำตาล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ามันเป็นกระบวนท่าที่ 2 เลย
แต่นักเรียนจำนวนหนึ่งนั้นมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่านี่คือทักษะการต่อสู้ระดับสีน้ำตาลจริง ๆ เพราะพวกเขาหลายคน ได้ทำการศึกษาทักษะต่าง ๆ ล่วงหน้าเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว วางแผนที่จะฝึกฝนเอาไว้อย่างเป็นขั้นตอน บางคนถึงขนาดเลือกทักษะระดับสีแดงเอาไว้ในใจแล้วด้วยซ้ำ เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงพอ จะได้ทำการฝึกฝนได้อย่างทันที ไม่ต้องมาเสียเวลาเลือกทักษะใหม่อีกครั้ง และมันจะส่งเสริมกันกับทักษะระดับต่ำที่เริ่มฝึกฝนในตอนนี้ด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีคนรู้จักทักษะผีเสื้อสะบัดปีกนี้ แต่ทุกคนที่จำมันได้ ต่างรู้สึกถึงความขมขื่นที่อยู่ในใจอย่างมากมาย เพราะตัวเองยังต้องพยายามเป็นอย่างมาก ในการฝึกฝนทักษะระดับสีดำ แต่กลับมีเพื่อนที่เข้าเรียนมาพร้อม ๆ กัน สามารถฝึกทักษะระดับสีน้ำตาลจนถึงขั้นที่ 2 แล้ว
มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่า!
ส่วนเดวิดนั่นขมวดคิ้วแน่นจนตาแทบปิด เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากสิ่งที่เคยอ่านและเคยได้ยินมา มันไม่มีทางที่จะสำเร็จทักษะระดับสีน้ำตาล ถ้าไม่ใช้เวลาในการฝึกฝนหลายเดือน มันต้องอาศัยเวลาเป็นอย่างมาก ที่จะทำให้ร่างกายคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหว การหมุนเวียนเลือด และการกระตุ้นกล้ามเนื้อ
“เท่าที่รู้มา มันไม่มีทางทำได้เลยนี่นา แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาพึมพำออกมาอย่างสับสน
เมื่อเห็นเดวิดมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ไนฮุนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อธิบายออกมา “เธอน่าจะฝึกฝนฉบับลดระดับของทักษะนี้มาก่อนหน้าเข้าเรียนในสถาบันแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่เลย” น้ำเสียงของเขาไร้ความตื่นเต้นใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่แล้วเขาก็ชะงักลงไป เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หันหน้ามาจ้องมองเดวิดอย่างเคร่งขรึม และกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ทำไมนายถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ?” สีหน้าของเขานั้นดูจริงจังเหมือนกับน้ำเสียง เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทางอย่างนี้ออกมาในที่สาธารณะ
และเป็นครั้งแรกที่เดวิดได้เห็นสีหน้าท่าทางที่แท้จริงของเขาด้วย
โดยไม่รอให้เดวิดตอบอะไรกลับออกมา ไนฮุนกล่าวออกมาต่อทันที “ถึงแม้ว่านายจะไม่ชอบอ่านหนังสือมากนัก แต่บางอย่างไม่ต้องอ่านก็สามารถศึกษาได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเคยได้ยินมาจากคนในตระกูลบ้าง ทำไมนายยังทำตัวเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอย่างนี้ล่ะ? นี่แสดงว่าถ้าไม่เป็นเพราะนายสูญเสียความทรงจำไปจริง ๆ ก็เป็นเพราะนายไม่ได้มาจาก 5 เซ็กเตอร์ใหญ่!” เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด
“แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกถึงอันตรายจากตัวนายได้กันนะ?” ประโยคสุดท้าย ไนฮุนพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างสับสน