ตอนที่ 9 : โสมพันปี (อ่านฟรี)
ผู้คนในเมืองฉางอันต่างคิดว่าการล่าฤดูใบไม้ผลิเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะมาถึง
แต่สำหรับเฉียวจินเหนียง ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งเดือน!
เธอไม่อยากรออีกแล้ว
แต่เธอจะเข้าไปในพระราชวังด้วยสถานะของเธอในตอนนี้ได้อย่างไร?
หากไม่ถูกเรียกตัว เธอไม่สามารถย่างเท้าผ่านประตูวังหลวงได้เลย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปถึงพระราชวังตะวันออกได้อย่างไร
การล่าฤดูใบไม้ผลิเป็นโอกาสเดียวของเธอ แม้ว่าเธอจะคิดถึงต้วนเอ๋อร์มากขนาดไหน เธอต้องอดทนรอจนกว่าจะถึงฤดูการล่าในฤดูใบไม้ผลิจึงจะมีโอกาสได้พบองค์ชายน้อย
…
วันรุ่งขึ้นจินเหนียงไปที่ลานชินหนิงของฮูหยินใหญ่
เมื่อเธอกำลังจะผ่านเข้าไปในห้อง เธอเห็นเฉียวหรูฉีกำลังร้องไห้อยู่บนตักของฮูหยินใหญ่
ฮูหยินใหญ่เองก็ดูเป็นทุกข์มาก “หรูฉีแม่ไม่เคยพูดว่าแม่ไม่ต้องการเจ้า แม่แค่อยากให้เจ้าทำดีกับพี่สาวให้มากกว่านี้ จวนหวังอันหยวนติดค้างนางอยู่มาก”
เฉียวหรูฉีพูดทั้งน้ำตาว่า “ดังนั้นท่านแม่จึงทำลายชื่อเสียงของข้าเพื่อนางใช่ไหม?
“ข้าก็เป็นลูกสาวของท่านเช่นกัน เพียงเพราะท่านแม่ติดค้างนางนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องมาทุกข์ทรมานเพราะนาง! ข้าไม่ได้ติดค้างอะไรนางเลย นางควรจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่จวนหวังอันหยวนของเราให้ข้าวให้น้ำทั้งยังให้นางมีที่อยู่
“จวนหวังต้องส่งนางไปเป็นพระชายาหรือยังไง? นางจึงจะพอใจ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่านางมาที่นี่เพื่อทวงหนี้พวกเราแล้ว!”
ในขณะนั้น เฉียวจินเหนียงเข้ามาในห้องและพูดว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องรู้สึกติดค้างอะไรลูกเลยเจ้าค่ะ
“และน้องหญิง ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทวงหนี้อันใด
“แม้ว่าสมาชิกในตระกูลเฉียวจะรังแกข้า แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะสถานะของผู้หญิงในหลินอันไม่ได้สูงเท่าที่นี่
“ข้ายังคงมีชีวิตที่ดีต่อให้จะออกจากจวนหวังนี้ไปก็ตาม เพราะข้าเป็นเจ้าของร้านค้าทั้งหมดบนถนนในหลินอัน
“ต่อให้จะไม่สามารถเปิดโรงเตี๊ยมหมื่นรสได้อีก แต่ข้าก็ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพา จวนหวังอันหยวนเลย
“แต่ที่ข้ายังคงอยู่ในจวนนี้เพียงเพราะหลังจากที่ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรมจากไป ข้าก็คิดถึงพวกเขามากพระเจ้าคงจะสงสารข้าจึงประทานท่านพ่อท่านแม่อีกคู่หนึ่งที่ปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจึงปรารถนาที่จะอยู่ที่นี่กับทุกๆคน
“แต่ถ้าท่านแม่แค่รู้สึกว่าท่านติดค้างลูก หรือทำร้ายน้องสาวเพียงเพื่อจะชดเชยให้ลูก ทำให้นางรู้สึกว่าลูกมาที่นี่เพียงเพื่อที่จะทวงหนี้ ข้าก็พร้อมจะออกไปจากที่นี่ได้ทุกเวลาเจ้าค่ะ”
เฉียวจินเหนียงกล่าวอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้ว่าพวกเธอทั้งสองคนต่างก็เป็นลูกของฮูหยินใหญ่ แต่ท่านแม่ก็เป็นคนเลี้ยงเฉียวหรูฉีจนเติบใหญ่
การที่ท่านแม่จะมีความรักที่ลึกซึ้งต่อเฉียวหรูฉีนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา
หากท่านแม่แค่รู้สึกว่านางติดค้างเธอ และสิ่งที่ทำให้เธอนั้นเกิดจากความรู้สึกผิดไม่ใช่ความรัก สักวันหนึ่งความรู้สึกนั้นก็จะหมดไป
ในเวลานั้นเอง เธอก็จะรู้สึกผิดต่อเฉียวหรูฉีมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่เฉียวจินเหนียงต้องการตลอดมาก็คือแค่ความรักที่มาจากใจจริง เธอหวังให้ฮูหยินใหญ่เข้าข้างเฉียวหรูฉีซะยังดีกว่าที่จะมา “ชดเชย” ให้เธอแบบนี้
ฮูหยินใหญ่เป็นคนฉลาด ดังนั้นเธอจึงเข้าใจทันทีว่าเฉียวจินเหนียงหมายถึงอะไร เธอพูดออกมาด้วยความทุกข์ใจว่า
“จินเหนียง แม่ไม่เพียงแค่รู้สึกเหมือนติดค้างเจ้าเท่านั้น แต่ที่ทำไปเป็นเพราะแม่รักเจ้าด้วย เป็นความรักแบบที่แม่คนหนึ่งมีให้ลูกสาวของตัวเอง
“รักตั้งแต่ในชั่วขณะที่แม่ได้พบเจ้า ได้รู้ว่าเจ้าคือลูกของแม่ ลูกรัก ได้โปรดอย่าพูดว่าเจ้าจะไปจากแม่อีกเลยนะ”
เฉียวจินเหนียงกอดฮูหยินใหญ่แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ลูกรู้ว่าท่านรักลูก”
เฉียวหรูฉีโกรธมาก เธอต้องการให้แม่รู้สึกผิดต่อเธอ เพื่อที่จะได้ยอมทำตามที่เธอขอ
แต่ด้วยคำพูดไม่กี่คำ เฉียวจินเหนียงก็ทำลายแผนการของเธอทั้งหมด
ผู้หญิงบ้านนอกคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ!
ในเวลานี้เฉียวหรูอี้เข้ามาและทำการคารวะ “ท่านแม่ ท่านพี่”
ฮูหยินใหญ่เช็ดน้ำตาออกจากดวงตาของเธอและพูดว่า “หรูอี้”
“ท่านแม่ แม่อนุของข้าป่วยหนักมาก หมอบอกว่าจำเป็นต้องใช้โสมพันปีห้าฝานเจ้าค่ะ…”
เฉียวหรูฉีหัวเราะเยาะ “นางสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้แต่ท่านย่าก็มีแค่โสมร้อยปีเท่านั้น แต่เจ้ากลับต้องการโสมพันปี? เจ้าฝันอยู่หรือไง!”
ฮูหยินใหญ่พูดพร้อมกับถอนหายใจ “หรูอี้ ไม่ใช่ว่าแม่ไม่ต้องการช่วยแม่ของเจ้า แต่ว่า ต่อให้หาทั่วทั้งเมืองฉางอัน ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบโสมพันปี
“อาจจะมีมันอยู่บ้างในวังหลวง หากท่านย่าจำเป็นต้องใช้ แม่ยังจะสามารถทูลขอพระราชทานจากราชวงศ์ได้… อย่างไรก็ตาม ถ้าจะขอเพื่อมาใช้กับอนุหวัง นั่นคงจะเป็นการไม่เคารพราชวงศ์…”
ดวงตาของเฉียวหรูอี้เปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่พูดว่า “ลูกเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ..”
ทันทีหลังจากนั้น ฮูหยินใหญ่สั่งให้สาวใช้ไปเอาโสมอายุร้อยปีมา
“แม่พอมีโสมร้อยปีอยู่บ้าง หวังว่ามันจะช่วยแม่ของเจ้าได้…”
เฉียวหรูอี้พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “หมอบอกว่าโสมอายุร้อยปีไม่มีประโยชน์อะไรแล้วเจ้าค่ะ…”
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า "หรูอี้รอสักครู่ นั่วหมี่เจ้าไปนำโสมพันปีของข้ามา ตอนที่ลูกอยู่ที่หลินอันลูกบังเอิญได้มีโอกาสซื้อโสมพันปีมาจากพ่อค้าชาวตะวันออก หรูอี้รับไปซะ เจ้าลองนำมันมันไปใช้ดูก่อนว่าพอจะช่วยแม่ของเจ้าได้ไหม”
ดวงตาของเฉียวหรูฉีเบิกกว้าง "เจ้าจะบ้าหรือไง? มอบมันให้ท่านแม่ไม่ดีกว่าหรือ แทนที่จะต้องเสียของไปกับนังอนุนั่น!”
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า "ข้ารู้แค่ว่ามันเป็นยาและยาก็มีไว้เพื่อช่วยชีวิตคน ต่อให้จะเป็นขอทานข้างถนนข้าก็จะช่วย นับประสาอะไรกับว่านั่นคือมารดาผู้ให้กำเนิดของหรูอี้!”
ดวงตาของเฉียวหรูอี้เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
หลังจากที่เฉียวหรูอี้รับโสมและจากไป เฉียวหรูฉีก็จากไปพร้อมอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่ถามเฉียวจินเหนียงว่า “จินเหนียง แม่ไม่เคยถามเลยว่าเจ้ามีเงินเท่าไหร่
“ตามคำบอกเล่าของแม่นมอัน เจ้าแทบจะไม่สามารถรักษาโรงเตี๊ยมของเจ้าในหลินอันได้ แต่ของขวัญที่เจ้าให้กับน้องสาวและน้องชาย รวมถึงโสมในวันนี้ล้วนแต่มีราคาสูงมากทั้งสิ้น…”
เฉียวจินเหนียงไม่ได้ปิดบังฮูหยินใหญ่ “ลูกมีโรงเตี๊ยมหมื่นรสที่ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรมทิ้งไว้ให้เป็นจุดเริ่มต้น
“หลังจากที่พวกท่านจากไป ไอ้สารเลวนั่นก็เข้ามารับช่วงต่อ และเขาก็จัดการมันได้ดีทีเดียว ดังนั้นเราจึงหาเงินได้มากขึ้นและซื้อร้านค้าเพิ่มอีกสองร้าน
“จากนั้นพวกเราก็เริ่มทำธุรกิจกับพ่อค้าชาวตะวันออกและสร้างรายได้มหาศาล หลังจากนั้นเราก็เปิดร้านขายเครื่องประดับ
“เมื่อพวกเราทำเงินได้มากขึ้น เราก็ซื้อร้านค้าบนถนนทั้งสายในหลินอันเมื่อปีที่แล้วเพื่อเก็บค่าเช่า
“ลูกกลัวว่าสมาชิกในตระกูลเฉียวและขุนนางท้องถิ่นจะโลภทรัพย์สมบัติที่พวกเรามี ดังนั้นลูกจึงเก็บธุรกิจเหล่านี้ไว้เป็นความลับ จึงไม่ค่อยมีผู้ใดรู้ว่าลูกเป็นเจ้าของร้านค้าเหล่านี้
“โดยรวมแล้ว ลูกมีรายได้ประมาณ 30,000 ตำลึงเงินทุกเดือนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ รายได้ต่อเดือนของจวนหวังอันหยวนทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ30,000 ตำลึงเท่านั้น
กระนั้นจวนอันหยวนก็นับเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในฉางอันแล้ว
เธอไม่เคยรู้ว่าเฉียวจินเหนียงจะร่ำรวยขนาดนี้
“ร้านค้าพวกนั้นเคยถูกดูแลโดยผู้ชายคนนั้นมาก่อนเจ้าค่ะ”
แม้ว่าเธอจะเกลียดเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ในการทำเงินของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก
ฮูหยินใหญ่ก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าเขาจะหาเงินเก่งแค่ไหน ผู้ชายที่ทิ้งภรรยาและพรากลูกไปจากแม่ก็ยังเป็นไอ้สารเลว!
การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิอยู่ใกล้แค่เอื้อม และฮูหยินใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการสั่งให้สาวใช้และบ่าวจัดเตรียมข้าวของ
เฉียวจินเหนียงจึงได้ทราบว่าการล่าในฤดูใบไม้ผลินั้นจะอยู่ในส่วนที่จัดเตรียมไว้ในภูเขาทางตอนเหนือของพระราชวังและครอบครัวชนชั้นสูงส่วนใหญ่ก็มีที่พักอยู่แถวนั้น การล่าในฤดูใบไม้ผลิจะกินเวลาสามวันและบรรดาผู้หญิงจะต้องอยู่แต่ในบริเวณที่กำหนดตลอดระยะเวลาห้าหรือหกวัน
…
ณ พระราชวังตะวันออก
ในที่สุดองค์รัชทายาทก็ทรงพาองค์ชายน้อยเข้าบรรทม ทรงวางองค์ชายน้อยลงบนเตียงเล็กแล้วถอนหายใจ
หลังจากนั้นจึงเดินออกไปและถามคนของตัวเองว่า “ยังไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับจินเหนียงอีกหรือ?”
“พวกเราค้นหาจนทั่วหลินอันแล้วแต่ไม่พบตัวนางเลยพะย่ะค่ะ ได้โปรดลงโทษพวกเราด้วยพะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท”
องค์รัชทายาททรงโบกพระหัตถ์ “ช่างมันเถิด ผ่านไปหลายวันเช่นนี้แล้ว…”
ทรงมองดูพระจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า วันนี้ก็เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง นับเป็นเวลาเกือบสี่เดือนแล้วที่เขาจากหลินอันมา
เขาควรจะเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาต้องแต่งงานเข้าตระกูลของเธอ แต่ในบางครั้งเขาก็นึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาเมล็ดซิ่งที่สวยงามของเธอ มันดูสวยงามและอ่อนโยนมากยามเธอยิ้ม
หมื่นรสนั้นสำคัญสำหรับนางขนานั้น ทำไมนางจึงจากไปอย่างกระทันหันกัน?
…
ในที่สุดการล่าในฤดูใบไม้ผลิที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง รถม้าคันแล้วคันเล่าเดินทางออกจากเมืองฉางอันบนท้องถนนต่างเต็มไปด้วยความครึกครื้น
เมื่อรถม้าของจวนหวังอันหยวนออกไป เฉียวหรูฉีก็ทำหน้ามุ่ย “ท่านแม่ ทำไมเราต้องพาเฉียวจินเหนียงไปภูเขาทางเหนือก่อนด้วย? หากเราออกเดินทางช้ากว่านี้อีกสักครึ่งวัน ข้าก็จะได้เห็นองค์รัชทายาทขี่ม้าแล้ว!”
เฉียวจินเหนียงถามด้วยความสงสัย “องค์รัชทายาทจะเสด็จไปที่สนามม้าหรือ”
เฉียวหรูฉีจ้องมองไปที่เฉียวจินเหนียงและพูดว่า "ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่า ผู้หญิงชั้นต่ำที่ถูกทาสเลี้ยงดูมาอย่างเจ้าอย่าแม้แต่จะฝันว่าจะได้เป็นพระชายา ต่อให้เจ้าจะมีศักดิ์เป็นพี่สาวของข้า แต่เจ้าที่เติบโตมาในบ้านนอกแบบนั้นก็ไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทหรอก!”
ฮูหยินใหญ่ดุ “หรูฉี เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
"ท่านแม่เจ้าคะ!"
ฮูหยินใหญ่พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ข้าอดทนกับเจ้ามามากเกินพอแล้ว นั่นมันทำให้เจ้ากล้าดูถูกพี่สาวของเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า! เจ้าจะไม่ได้เข้าร่วมการล่าฤดูใบไม้ผลิในปีนี้!”
เฉียวหรูฉีรู้สึกลนลาน องค์รัชทายาทกำลังจะเสด็จไปล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ แล้วเธอจะไม่ไปได้อย่างไร?
“แม่นม พาหรูฉีกลับจวนไปซะ” ฮูหยินใหญ่โบกพัดของเธอและพูดด้วยความโกรธ
เฉียวจินเหนียงไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมฮูหยินใหญ่ วาจาของเฉียวหรูฉีที่กล่าวกับเธอเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
และเธอไม่ได้ใจดีพอที่จะขอร้องเพื่อเฉียวหรูฉีคนที่ดูถูกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า