ตอนที่ 84 เจ้าเข้าใจผิด
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าปลอมตัวได้ดีจริงๆ! เจ้าเป็นคนวาดภาพเหมือนเมื่อครู่ด้วยใช่ไหม?”
กัวหลินซานมองเฉินเฟยด้วยความตกใจ นอกจากทักษะกระบี่และท่าร่าง เท่าที่กัวหลินซานรู้คือเฉินเฟยยังเก่งด้านการยิงธนูการหลอมโอสถ และเขายังได้เข้าร่วมสมาคมนักหลอมโอสถด้วยการหลอมโอสถ นี่เป็นสิ่งที่นักหลอมโอสถเต็มตัวบางคนยังทำไม่ได้
ตอนนี้ยังมีวิชาปลอมตัวอีก เก่งหลายด้านเกินไปแล้ว พอเทียบกับเฉินเฟยแล้วกัวหลินซานรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นขยะเลย
“ในฐานะผู้ฝึกตนทั่วไปจึงจำเป็นต้องเข้าใจหลายอย่าง ไม่อย่างนั้นจะเผชิญกับอันตรายได้ง่าย” เฉินเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเข้าใจคำว่าผู้ฝึกตนทั่วไปผิดหรือไม่”
กัวหลินซานกลอกตา หากผู้ฝึกตนทั่วไปมีความสามารถหลากหลาย แล้วพวกเขาที่เป็นศิษย์สำนักนิกายควรเป็นอย่างไร? โลกภายนอกอันตรายถึงขนาดที่ต้องพยามยามหนักเพื่อเรียนรู้หลายสิ่งเลยหรือ?
“รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม[1]”เฉินเฟยหัวเราะ
“ปีศาจสาวนั่นได้เห็นหน้าเจ้าหรือไม่?”
กัวหลินซานมองภาพเหมือนในมือ ด้วยทักษะการวาดภาพเช่นนี้ หากศิษย์น้องต้องการเห็นอะไรในอนาคตก็เพียงวาดมัน?
เมื่อคิดดังนั้นกัวหลินซานก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
“พอเห็นคนขวางทาง สิ่งแรกที่ข้าทำคือเปลี่ยนรูปลักษณ์” เฉินเฟยส่ายหัวพูด
“รอบคอบดี!”
กัวหลินซานอดไม่ได้ที่จะชื่นชม จากนั้นถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “แล้วเจ้าเปลี่ยนเป็นใคร?”
“เป็นเขา”
เฉินเฟยเช็ดใบหน้าและเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์กวงติ้งป๋อ มันไม่ได้เหมือนทั้งหมดเพราะเป็นการเปลี่ยนกล้ามเนื้อซึ่งทำได้ยากและยังต้องใช้จินตนาการ
“ทำได้ดีมาก!”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเฉินเฟย กัวหลินซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง เขาบอกได้ทันทีว่านั่นคือ กวงติ้งป๋อ พอคิดว่ากวงติ้งป๋ออาจตกเป็นเป้าหมายของสำนักเพลิงเทพกัวหลินซานก็สบายใจอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่กัว ข้าขอฝากภาพนี้ไว้ที่ท่านก่อน หากท่านได้เรื่องอย่างไรโปรดบอกข้าด้วย” เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
“ได้ ข้าจะสืบถามให้”
กัวหลินซานพยักหน้า หากติดตามเบาะแสนี้เขาย่อมค้นพบสำนักเพลิงเทพได้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าเป็นการป้องกันหรือรายงานไปยังสำนักกระเซียนเมฆาล้วนทำได้ทั้งหมด
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้คนจำนวนมากได้มาจากสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว เฟิงซิวผู่เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
“อาจารย์!”
เมื่อกัวหลินซานและคนอื่นเห็นเฟิงซิวผู่ก็รีบแสดงความเคารพทันที
“ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
เฟิงซิ่วผู่มองศิษย์ทุกคนและพูดเสียงทุ้ม “เพื่อป้องกันไม่ให้สำนักเพลิงเทพตอบโต้ เราจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องสำนักเพลิงเทพอีกต่อไปและยังได้รับประกันความปลอดภัย
การเก็บสมุนไพรยังดำเนินไปตามปกติ ภารกิจของศิษย์ยังเป็นการดูแลคนเก็บสมุนไพร ส่วนเฟิงซิวผู่และคนอื่นเป็นผู้คุ้มกันขบวนรถและประจำอยู่ในที่พักเพื่อป้องกันไม่ให้สำนักเพลิงเทพกระโดดเข้ามา
กลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตกกลางคืน
“ช่วงนี้การฝึกฝนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หย่อนยานบ้างหรือไม่?”
เฟิงซิวผู่เริ่มทดสอบความก้าวหน้าศิษย์ของสำนัก ครู่ต่อมาถึงคราวของเฉินเฟย บังเอิญว่ากัวหลินซานอยู่ด้านข้างด้วย
“อาจารย์ ศิษย์บรรลุพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นห้า กำลังจะทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในในอีกไม่กี่วัน” กัวหลินซานกุมมือ
ดวงตาเฟิงซิวผู่เป็นประกาย ตามอายุของกัวหลินซาน หากเขาสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดจขั้นห้าและทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน เขาจะมีโอกาสเข้าแข่งขันสืบทอดมรดกศิษย์แท้จริง
หากกัวหลินซานประสบความสำเร็จก็นับว่าสาขาของเขาประสบความสำเร็จเช่นกัน
นอกจากนี้ด้วยฐานะอาจารย์เขาจึงหวังเสมอว่าคนที่อยู่ภายใต้เขาจะโดดเด่นในสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว เมื่อกลายเป็นศิษย์แท้จริงและก้าวหน้าขึ้น การสั่งสอนเป็นเวลาหลายปีของเฟิงซิวผู่จะไม่เสียเปล่า
“ดีมาก เมื่อกลับไปแล้วให้เจ้าทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน จงอย่าได้รีบร้อน ด้วยพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นห้า การทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
“ขอรับท่านอาจารย์!” กัวหลินซานพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม
“ช่วงนี้การฝึกของเจ้าเป็นอย่างไร?”
เฟิงซิวผู่มองเฉินเฟยด้วยรอยยิ้ม “กระบี่ดาวประดับราตรีและฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณยากที่จะเข้าใจ หากเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฝึกเจ้าสามารถถามได้เลย นอกจากนี้ยังมีพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสอง แม้เจ้าจะเข้ากับมันได้ดี แต่ยังมีบางจุดที่ควรให้ความใส่ใจไว้”
“อาจารย์ ข้าไม่รู้เรื่องฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณ แต่กระบี่ดาวกระดับราตรี ศิษย์น้องเล็กฝึกฝนมันเป็นอย่างดี”
เมื่อได้ยินคำถามของเฟิงซิวผู่ เฉินเฟยยังไม่ทันได้ตอบกัวหลินซานก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“โอ้? ฝึกได้ดีแค่ไหน?” เฟิงซิวผู่ถามอย่างสงสัย
“ศิษย์น้องเล็กรีบแสดงให้อาจารย์ดูสิ”
กัวหลินซานขยิบตาให้เฉินเฟย เฉินเฟยส่ายหน้ายิ้มและเดินไปยังที่โล่งพร้อมกระบี่ยาว
“อาจารย์โปรดชี้แนะ”
เฉินเฟยพูดกับเฟิงซิวผู่ เฟิงซิวผู่พยักหน้าให้เฉินเฟยเริ่มได้
เฉินเฟยชี้กระบี่ในแนวเฉียงลงพื้น ครู่ต่อมากระบี่ยาวหายไป โล่กระบี่เล็กปรากฏขึ้นรอบตัวเฉินเฟย โล่กระบี่ล้อมรอบตัวเฉินเฟยและคอยปกป้องเขา
เฉินเฟยใช้เพียงโล่กระบี่ดาวประดับราตรีระดับสมบูรณ์และซ่อนระดับรู้แจ้งไว้
ดวงตาเฟิงซิวผู่เบิกกว้าง มองโล่กระบี่ที่อยู่รอบตัวของเฉินเฟยแล้วเกือบคิดว่าตัวเองเข้าใจผิด
เขาเป็นเช่นเดียวกับกัวหลินซานเมื่อได้เห็นครั้งแรก ในเวลานี้เฟิงซิวผู่ยืนนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเฟิงซิวผู่สงบกว่ากัวหลินซานมาก แม้จะรู้สึกประหลาดใจแต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนไปมากนัก
ครู่ต่อมา เฉินเฟยหยุดมือและหันไปมองเฟิงซิวผู่
“ดีมาก แม้การเคลื่อนไหวกระบวนท่ากระบี่ดาวประดับราตรียังเชื่องช้าอยู่บ้าง แต่ถ้าเจ้าฝึกฝนหนักขึ้นเจ้าต้องทำได้ดีแน่นอน” เฟิงซิวผู่หยักหน้าแสร้งทำเป็นสงบ
กัวหลินซานแอบสังเกตเฟิงซิวผู้จากด้านข้าง พบว่าอาจารย์สงบตั้งแต่แรกจนจบ
“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” เฉินเฟยกุมมือ
“กระบี่ดาวประดับราตรีเป็นแบบนี้ แล้วฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณล่ะ?” เฟิงซิวผู่ถามด้วยรอยยิ้ม
กัวหลินซานมองเฟิงซิวผู่ด้วยสีหน้าแปลกๆ อาจารย์ช่างใจดีเหลือเกิน นานแล้วที่ไม่ได้เห็นอาจารย์เป็นแบบนี้
“ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณทำได้เพียงบางส่วน”
ขณะที่เฉินเฟยพูด ร่างเขาสั่นไหวปรากฏตัวห่างออกไปสิบหมี่จากนั้นกลับมาทันที
มุมปากเฟิงซิวผูสั่นเล็กน้อย เขาแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
ดวงตากัวหลินซานเบิกกว้าง เมื่อครู่เขาเห็นอะไร ทำไมความเร็วท่าร่างของศิษย์น้องเล็กเหมือนจะเร็วกว่าของเขา ศิษย์น้องเล็กอยู่ในระดับหลอมกระดูกไม่ใช่หรือ?
ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณเร็วขนาดนี้เลยหรือ? ศิษย์น้องเล็กฝึกฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณถึงจุดสูงสุดแล้ว?
“ยังมีบางจุดที่ไม่เข้าใจ”
เฉินเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณที่แสดงนั้นอยู่ในระดับสมบูรณ์เท่านั้น เฉินเฟยซ่อนตัวและไม่เปิดเผยทั้งหมด
มันไม่ใช่เรื่องของไว้ใจหรือไม่ไว้ใจ แต่มันเป็นนิสัยของตัวเฉินเฟยเอง นอกจากไม่ต้องการให้ตกใจเกินไป เฉินเฟยยังไม่มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้วิชากระบี่และท่าร่างใหม่อย่างต่อเนื่องในเร็วๆนี้