ตอนที่ 83 คุณหญิงท่านนี้เป็นใคร
เฉินเฟยยืนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตามไป
ในการต่อสู้ระยะประชิด ด้วยข้อจำกัดของระดับบ่มเพาะ เฉินเฟจะสู้ซึ่งหน้ากับคนระดับเดียวกันเท่านั้น เมื่อเผชิญกับระดับขัดเกลาไขกระดูกอาจต้องใช้การลอบโจมตีแทน
แต่ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณทำให้เฉินเฟยไปมาได้อย่างอิสระ เมื่อรู้ว่ากัวหลินชานตกอยู่ในอันตรายเฉินเฟยจะเมินเฉยได้อย่างไร
“ข้าให้เจ้ารอคนอื่นไม่ใช่หรือ?” เมื่อสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังเฉียนหลินตู้จึงหันไปมอง พบว่าเป็นเฉินเฟย
“อาจารย์อาเฉียน ท่าร่างของข้าไม่เลวนัก บางทีข้าอาจช่วยได้บ้าง” เฉินเฟยพูดเสียงเบา
ขณะที่เฉียนหลินตู้กำลังจะพูด เฉินเฟยได้ก้าวเท้าผ่านเฉียนหลินตู้ไป
เฉียนหลินตู้ที่กำลังจะพูดถึงกับหยุดชะงัก ท่าร่างที่เฉินเฟยแสดงออกมาในเวลานี้ไม่ธรรมดา แม้ว่าสถานการณ์จะวุ่นวายแต่เพียงพอที่จะปกป้องตัวเองได้หรือแม้แต่เฉียนหลินตู้ยังมีเวลาเข้าไปช่วยได้ทัน
เฉินเฟยทั้งสองยืนนิ่งอยู่ที่ขอบสนามรบ มองลงจากระยะไกล พวกเขาพบถ้ำที่อยู่ไกลออกไปซึ่งน่าจะเป็นที่หลบซ่อนของสำนักเพลิงเทพ
“หอเป๋ย์โต่ว” เฉียนหลินตู้แปลกใจ ไม่คาดคิดว่าหอเป๋ย์โต่วจะพบที่นี่ก่อน
“อาจารย์อาเฉียน ศิษย์พี่กัวอยู่ตรงนั้น”
เฉินเฟยเฝ้ามองคนรอบด้านและพบตัวกัวหลินซานในทันใด ตอนนี้กัวหลินซานกำลังจับกระบี่กว้างสู้กับศิษย์สำนักเพลิงเทพโดยมีศพของศิษย์สำนักเพลิงเทพอยู่ข้างหลังมากมาย
“ชนะแล้ว ในกลุ่มสำนักเพลิงเทพไม่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วย” เฉียนหลินตู้ตัดสินจากนอกสนามแล้วพุ่งโฉบลงไปราวกับนกอินทรี
เฉินเฟยจับกระบี่ยาวเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
คนจากหอเป๋ย์โต่วเห็นคนนอกเข้ามาจึงระมัดระวังตัวทันใด หลังเห็นหน้าเฉียนหลินตู้แล้วจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย สองสามวันที่ผ่านมาได้พบหน้าอยู่หลายครั้งเลยถือว่ารู้จักกัน
“ศิษย์พี่กัว!”
เฉินเฟยมาอยู่ข้างกัวหลินซาน โล่กระบี่ดาวประดับราตรีล้อมรอบตัวและสกัดกั้นอาวุธที่โจมตีกัวหลินซาน
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามาแล้ว”
กัวหลินซานอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเฉินเฟยกับเฉียนหลิน ขณะที่เขากำลังยิ้มสีหน้ากัวหลินซานก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้างเพราะได้เห็นวิชากระบี่ดาวประดับราตรีของเฉินเฟย!
กัวหลินซานกระพริบตาด้วยความงุนงง หากจำไม่ผิดอาจารย์เพิ่งสอนวิชากระบี่ดาวประดับราตรีให้เฉินเฟยไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง
คำนวนดูแล้วเพิ่งผ่านมาสิบวันไม่ใช่หรือ?
กัวหลินซานเกิดความสับสน เขาไม่แน่ใจว่าผ่านมาสิบวันจริงหรือไม่ แต่มั่นใจว่าช่วงเวลานั้นสั้นมาก สั้นจนกัวหลินซานสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคตาฝาดหรือเปล่า
หรือเป็นเพราะการต่อสู้ในเวลานี้รุนแรงเกินไปจนทำให้เขาเกิดภาพหลอนคิดว่าเฉินเฟยเชี่ยวชาญกระบี่ดาวประดับราตรีภายในไม่กี่วัน
“ศิษย์พี่กัว ระวัง!’
เสียงอาวุธปะทะกันดังขึ้น เฉินเฟยปัดการโจมตีที่พุ่งเข้าหากัวหลินซานออกไป กัวหลินซานแผดเสียงร้องและกระโจนออกไปเหมือนดั่งพยัคฆ์ เขาพุ่งไปด้านหน้าศิษย์สำนักเพลิงเทพและฟันไปหนึ่งกระบี่
คนคนนั้นลอยค้างอยู่ในอากาศและอาเจียนเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อตกลงสู่พื้นก็หายใจรวยริน
“สุดยอด!”
เฉินเฟยถอนหายใจในใจ หลังฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิดถึงขั้นห้าจะได้รับสองคุณสมบัติพิเศษได้แก่กำลังมหาศาลและกระดูกเหล็ก ดังนั้นความแข็งแกร่งของกัวหลินซานจึงแข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ในระดับเดียวกันมาก
หากเฉินเฟยต้องรับกระบี่สุดกำลังของกัวหลินซาน แม้จะใช้โล่กระบี่ดาวประดับราตรีแต่ผลลัพธ์ยังคงเหมือนการเผชิญหน้ากับซือเสวี่ยชิน
แน่นอนว่าไม่ใช่กัวหลินซานดีกว่าซือเสวี่ยชิน เพียงแต่ทั้งสองมีดีคนละอย่าง หากให้กัวหลินซานสู้กับผู้เชี่ยวชาญอย่างซือเสวี่ยชินสู้กันอย่างจริงจิง อย่างน้อยเขาต้องทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในก่อนถึงจะแยกแยะความแตกต่างได้
ด้วยการเข้าร่วมของเฉียนหลินตู้ การต่อต้านของสำนักเพลิงเทพจึงสลายไปอย่างรวดเร็ว ครู่ต่อมาการต่อสู้ได้จบลง
“ขอบคุณสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวที่ช่วยเหลือ!”
ตัวแทนหอเป๋ย์โต่วก้าวออกมาทักทายเฉียนหลินตู้ ทั้งสองคุยกันอยู่พักหนึ่งจากนั้นเริ่มหาร่องรอยที่สำนักเพลิงเทพทิ้งไว้เพื่อหาข้อมูลเพิ่ม
อย่างไรก็ตามมันเป็นเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ศิษย์สำนักเพลิงเทพที่ตกเป็นเชลยกินยาพิษทันที พวกเขาไม่รู้ว่ายาพิษอยู่ตรงไหน แม้ว่าจะง้างปากไว้แล้วแต่ยังป้องกันไว้ไม่ได้
ส่วนสถานที่แห่งนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ สำนักเพลิงเทพจัดการเรื่องนี้ได้อย่างหมดจน
ศิษย์สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวมาช้าเกินไป พวกเขาต่างประหลาดใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ครึ่งชั่วยามต่อมา ภายในที่พักสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว
“ข้าเฝ้าดูอยู่ที่นั่นระยะหนึ่งแล้วอยากลองเสี่ยงดู แต่ก่อนจะได้ลงมือคนของสำนักเพลิงเทพเหมือนได้รับข้อมูลบางอย่างจึงเริ่มถอยกลับ”
กัวหลินซานนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นและพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม สำนักเพลิงเทพเพิ่งถอยไปได้ครึ่งทางคนจากหอเป๋ย์โต่วก็ปรากฏตัว ทั้งสองฝ่ายเริ่มสู้กันข้าจึงเข้าไปสู้ด้วย จากนั้นเป็นอย่างที่อาจารย์อาเฉียนเห็น”
“ถอยกลับ? ปีศาจสาวนั่นคงส่งข่าวมา” เฉียนหลินตู้พูดเสียงทุ้ม
“ปีศาจสาว?” กัวหลินซานสับสน
“ระหว่างทางกลับข้าเจอปีศาจสาว โชคดีที่นางบาดเจ็บอยู่แล้วข้าจึงหนีมาได้” เฉินเฟยอธิบาย กัวหลินซานพยักหน้า
“เอาล่ะ ทุกคนเหนื่อยกันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ ข้าส่งจดหมายรายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักแล้ว อีกไม่นานสำนักน่าจะส่งกำลังสนับสนุนมา” เฉียนหลินตู้โบกมือ
คนของสำนักเพลิงเทพถูกฆ่าไปมากมาย คาดว่าพวกเขาคงกลับมาพร้อมการแก้แค้น ดังนั้นสำนักจึงต้องส่งกำลังคนจำนวนมากมาที่นี่ ไม่เช่นนั้นคนตรงนี้จะตกอยู่ในอันตราย
ศิษย์ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันไป กัวหลินซานดึงเฉินเฟยไปที่มุมหนึ่ง
“ศิษย์พี่กัวมีอะไรหรือ?” เฉินเฟยสับสน
“เจ้าฝึกกระบี่ดาวประดับราตรีสำเร็จแล้วหรือ?” กัวหลินซานถามเสียงต่ำ
“ไม่เลย ศิษย์พี่คิดผิดแล้ว ข้าจะฝึกวิชากระบี่ได้เร็วเช่นนั้นได้อย่างไร” เฉินเฟยส่ายหัวพูด
กัวหลินซานกลอกตา เขาเห็นกับตาแต่เฉินเฟยกลับปฏิเสธ
“ศิษย์พี่ ข้าเพิ่งฝึกกระบี่ดาวประดับราตรีได้ไม่กี่กระบวนท่า ยังไม่ใช่ทั้งหมด” เฉินเฟยควงกระบี่อย่างลวกๆ โล่กระบี่หลายเล่มปรากฏรอบตัวเฉินเฟย
มันต่างจากระดับรู้แจ้งที่มีโล่กระบี่ล้อมทั่วตัว โล่กระบี่เหล่านี้ปรากฏในอย่างจำกัด
กัวหลินซานกระพริบตา เขาไม่มั่นใจเช่นกันเพราะตอนนั้นมองเพียงไม่กี่ครั้ง แต่อย่างไรแล้วการฝึกไม่กี่กระบวนท่าได้สำเร็จเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เข้าใจได้กับตดน่ะสิ ฝึกได้ขนาดนี้ยังถือว่าเร็วมาก แต่ไม่ได้เกินจริงเหมือนเมื่อก่อน
“ศิษย์พี่รู้จักคนคนนี้หรือไม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของกัวหลินซาน เฉินเฟยหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วส่งให้กัวหลินซาน ด้านบนเป็นภาพเหมือนของซือเสวี่ยชินซึ่งเฉินเฟยวาดออกมาจากความทรงจำ
“คุณหญิงท่านนี้เป็นใคร? นางงดงามยิ่งนัก” กัวหลินซานมองภาพและแสดงความคิดเห็นตามตรง
“ปีศาจสาวที่ไล่ฆ่าข้า” เฉินเฟยพูดเสียงเบา
“เช่นนั้นอีกฝ่ายอาจเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเอง” กัวหลินซานขมวดคิ้ว
“ไม่หรอก” เฉินเฟยส่ายหน้าพูด
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
กัวหลินซานเงยหน้ามองเฉินเฟยและหวาดกลัวจนเกือบถอยหลัง เพราะในขณะนี้ใบหน้าเฉินเฟยคานข้างคล้ายกับศิษย์คนหนึ่ง
“เพราะข้ารู้วิธีวิชาปลอมตัวจึงมองเห็นได้”
เฉินเฟยยิ้ม เขาเช็ดใบหน้าและคืนรูปลักษณ์เดิมของตัวเอง