[ตอนฟรี] ตอนที่ 48 : จวินหลิงหลงบาดเจ็บ
“หือ?”
จวินหลิงหลงขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองรอบๆ ด้วยดวงตาอันงดงาม
ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เป็นถึงธิดาสูงศักดิ์แห่งตระกูลจวิน แม้ว่าชื่อเสียงของนางจะไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับจวินเซียวเหยาและเหล่าสิบลำดับ นางก็ค่อนข้างโด่งดังพอสมควร
หายากที่จะมีคนกล้าพุ่งเป้ามายังนาง
ชายหนุ่มในหมอกดำมืดผู้นี้จะเป็นใครอื่นได้นอกจากผู้ติดตามของจวินว่านจี๋ เฮยถู่ อัจฉริยะแห่งเผ่าเฮยยวิ๋น
“เจ้า…มาจากเผ่าเฮยยวิ๋น?” จวินหลิงหลงขมวดคิ้ว
นางมีดวงใจวิจิตรเจ็ดลักษณ์ ทำให้มีความรอบรู้มหาศาลและฉลาดเป็นกรด นางจึงมองออกทันทีว่าเฮยถู่คือคนจากเผ่าเฮยยวิ๋น
แต่ที่นางไม่รู้คือเฮยถู่เป็นผู้ติดตามของจวินว่านจี๋
ท้ายที่สุดแล้ว จวินหลิงหลงไม่ได้ให้ความสนใจต่อจวินว่านจี๋เลยสักนิด
“ข้าต้องการชาจิตกระจ่างนี้ เจ้ามีอะไรจะคัดค้านรึ?” เฮยถู่มองจวินหลิงหลงด้วยท่าทางยั่วยุ
ดวงตาอันงดงามของจวินหลิงหลงส่องประกายเจิดจ้า
นางมองออกแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
มันคืออัจฉริยะจากเผ่าเฮยยวิ๋นผู้นี้ที่เริ่มหาเรื่องนางก่อน
“เจ้ารู้สถานะของข้าหรือเปล่า?” จวินหลิงหลงกล่าวเสียงเรียบด้วยท่าทางอันสูงศักดิ์และทะนงตน
มีเพียงแค่ยามอยู่ต่อหน้าจวินเซียวเหยาเท่านั้น ที่นางจะกลายเป็นคนเชื่อฟังและสาวใช้
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น นางคือธิดาผู้ทะนงตนแห่งตระกูลจวิน
“ข้าก็เป็นผู้ติดตามของนายท่านว่านจี๋เหมือนกัน แล้วข้าจะไม่รู้นามของแม่นางหลิงหลงได้อย่างไร?” เฮยถู่กล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบๆ
“เป็นเช่นนี้เองสินะ” จวินหลิงหลงเข้าใจทุกอย่างทันทีเมื่อได้ยิน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอัจฉริยะของเผ่าเฮยยวิ๋นจะมีความมั่นใจถึงขนาดที่กล้าหาเรื่องนาง
กลายเป็นว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือลำดับห้า จวินว่านจี๋
จากมุมมองนี้ เฮยถู่ไม่จำเป็นที่ต้องเกรงกลัวนางจริงๆ
“นายท่านต้องการชานี้ เจ้ากล้าขัดขวางหรือ?” จวินหลิงหลงกล่าวอย่างเฉยเมย
“โทษทีนะ นายท่านของข้าก็ต้องการดื่มชาเหมือนกัน แล้วก็อย่าได้ใช้บุตรพระเจ้ามาเป็นโล่กำบัง นายท่านของข้าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาแม้แต่น้อย!” เฮยถู่กล่าวอย่างเย็นชา
ทว่าตอนนั้นเอง ลำแสงกระบี่จากระยะไกลได้พุ่งเข้าใส่เฮยถู่ทันที
ในเวลาเดียวกัน เสียงก่นด่าอย่างไม่แย่แสก็ดังขึ้น “แกเป็นใครมาจากไหนกัน ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าแทนจวินว่านจี๋เอง!”
สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของลำแสงกระบี่ สีหน้าของเฮยถู่เปลี่ยนไปทันที
ทันใดนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเมฆหมอกดำทมิฬ
ลำแสงกระบี่แทงผ่านเมฆหมอกดำทมิฬและเจาะลงบนพื้นด้านหลัง
จากนั้นเมฆหมอกดำทมิฬก็คืนรูปร่างเป็นเฮยถู่อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาหน้าซีด
การเปลี่ยนเป็นเมฆหมอกคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเผ่าเฮยยวิ๋น
แต่ทุกครั้งที่ใช้งานความสามารถนี้ มันกลับสิ้นเปลืองพลังปราณอย่างมหาศาล
ไม่ไกลมากนัก ร่างเงาที่กำลังถือกระบี่ในมือก็ปรากฏตัว มันคือลำดับสิบ จวินจ้างเจี้ยน
ก่อนหน้านี้เขาต้องการเป็นผู้ติดตามของจวินเซียวเหยา แต่กลับถูกจวินเซียวเหยาปฏิเสธ
มันไม่สมควรอย่างยิ่งที่ตัวตนลำดับจะกลายมาเป็นผู้ติดตาม
แม้ว่าเขาจะถูกจวินเซียวเหยาปฏิเสธ แต่ใจของจวินจ้างเจี้ยนกลับกลายเป็นผู้ติดตามไปแล้ว
มันเพียงแค่ไม่มีชื่อเรียก
“ลำดับสิบ จวินจ้างเจี้ยน ทำไมเจ้า…” ใบหน้าของเฮยถู่ซีดและความกลัวก็ปรากฏในดวงตา
หากมันมีเพียงแค่จวินหลิงหลง เขาจะไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าจวินหลิงหลงจะเป็นธิดาสูงศักดิ์ แต่นางก็ยังไม่ได้ไปถึงระดับของลำดับ
และจวินจ้างเจี้ยนผู้นี้ย่อมเป็นลำดับที่แท้จริง
แม้ว่าด้านสถานะและความแข็งแกร่งจะไม่ดีเท่าจวินว่านจี๋
แต่ลำดับก็คือลำดับ ดูถูกไม่ได้เด็ดขาด!
เฮยถู่เต็มไปด้วยความฉงน ทำไมจวินจ้างเจี้ยนถึงดูเหมือนกับผู้ติดตามของจวินเซียวเหยาจัง?
“ใครมอบความกล้าให้แกมาหาเรื่องคนรอบข้างของบุตรพระเจ้า มันเป็นจวินว่านจี๋รึ?” จวินจ้างเจี้ยนแค่นเสียงเย็นชา
สีหน้าของเฮยถู่เปลี่ยนไปมา
เผชิญหน้ากับจวินจ้างเจี้ยน เขายังคงวิตกเล็กน้อย
และทันใดนั้น
ห่างออกไป เสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็งดังขึ้นมา
“จวินจ้างเจี้ยน ยังไงเจ้าเป็นถึงหนึ่งในลำดับ แต่กลับอยากไปเป็นผู้ติดตามของจวินเซียวเหยา เขามีอะไรดีนักที่ทำให้เจ้าอยากติดตามเขา?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้
สีหน้าของจวินจ้างเจี้ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน เพราะนี่คือเสียงของจวินว่านจี๋
ตามคาด
ร่างหนึ่งที่ห่อหุ้มไปด้วยแสงแห่งสายฟ้าและอัสนีคำรามดังขึ้นมาจากระยะไกลและมันคือจวินว่านจี๋
เส้นผมของเขาดำปลิวไสว ดวงตาระเบิดสายฟ้ายาว และมีอักขระสายฟ้าปรากฏขึ้นทั่วทั้งร่างกายของเขาราวกับเทพสายฟ้า
“นั่น…ลำดับห้าแห่งตระกูลจวิน จวินว่านจี๋รึ?”
“เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องจะวิวาทกันหรือ?”
“ตรงนั้นดูเหมือนจะเป็นลำดับสิบแห่งตระกูลจวิน จวินจ้างเจี้ยน และธิดาสูงศักดิ์จวินหลิงหลง”
“คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนยังไม่ทันเปิด แต่ตระกูลจวินกำลังจะตีกันเองแล้วหรือ?”
ดวงตาหลายดวงถูกดึงดูด
“จวินว่านจี๋ เจ้ากำลังตั้งใจจะทำอะไร?”
เห็นจวินว่านจี๋ระเบิดลมหายใจออกมา จวินจ้างเจี้ยนจึงหมวดคิ้ว
เลื่องลือกันว่าอารมณ์ของจวินว่านจี๋มักจะเป็นคนบูดบึ้งและเอาแต่ใจ
ไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย แม้แต่สมาชิกตระกูลจวินเอง เขาก็สั่งสอนไปหลายคน
“ตัวตนลำดับแห่งตระกูลจวินอันสง่างามจะกลายเป็นผู้ติดตาม ถ้าเจ้าตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง งั้นก็รีบปลดตัวเองออกจากตัวตนลำดับให้เร็วที่สุดซะ!”
หลังจากจวินว่านจี๋พูดจบ เขาก็โจมตีทันที
เมื่อเขายกมือขึ้นและมีแสงสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ
เขาฝึกฝนเคล็ดทะลวงสวรรค์ ก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์และได้ปลุกกายารบทัณฑ์สวรรค์
ท่ามกลาง 3,000 กายา มันอยู่ใน 300 อันดับแรก
ยิ่งไปกว่านั้น กายารบทัณฑ์สวรรค์นี้ทรงพลังอย่างยิ่งในการโจมตีและมีพลังการทำลายล้างอันน่าทึ่ง มันเหนือกว่ากายาราชันแห่งดวงดาวของเย่ซิงหยุน
ครืนน!
จวินว่านจี๋ผลักฝ่ามือของเขาออกไปและสายฟ้าคำรามดังกึกก้องได้แปรเปลี่ยนเป็นกระแสคลื่น มันกระแทกใส่จวินจ้างเจี้ยนและจวินหลิงหลงโดยตรง
“ไม่ดีแล้ว!”
จวินจ้างเจี้ยนชักกระบี่ออกมาอย่างรีบร้อนและแสงกระบี่อันเจิดจ้าก็กระจายออกไป
จวินหลิงหลงลงมือเช่นกัน
แต่ขนาดว่าพวกเขาทั้งสองโจมตีพร้อมกัน มันก็ยังคงยากที่จะต้านทานการโจมตีของจวินว่านจี๋ ทั้งจวินจ้างเจี้ยนและจวินหลิงหลงตกใจและถอยหลังกลับทีละคน
มันไม่เป็นอะไรมากสำหรับจวินจ้างเจี้ยน สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นถึงลำดับสิบ แม้ว่าจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าจวินว่านจี๋ แต่ช่องว่างไม่ควรจะใหญ่เกินไป
แต่ในอีกด้านหนึ่ง จวินหลิงหลงค่อนข้างอ่อนแอในการบ่มเพาะและถอยกลับไปหลายสิบก้าว ใบหน้าของนางซีดลงเล็กน้อยและมีรอยเลือดจางๆ ที่มุมปาก
จวินว่านจี๋เหลือบมองเขาและกล่าวอย่างเฉยเมย “วันนี้แค่เตือน จงไปบอกจวินเซียวเหยาผู้นั้นซะว่าอย่าทำตัวโอหังอีกในอนาคต”
หลังจากพูดจบ จวินว่านจี๋หันหลังและจากไป
ไม่ว่ายังไง ทั้งจวินจ้างเจี้ยนและจวินหลิงหลงต่างก็เป็นคนของตระกูลจวิน ฉะนั้นแค่นี้ก็พอแล้วที่จะสอนบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้กับพวกเขาเพื่อสยบความโอหังของจวินเซียวเหยา
จวินว่านจี๋ไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายพวกเขาจริงๆ
“ความแข็งแกร่งของนายท่านยอดเยี่ยมที่สุดในโลก!”
เห็นจวินว่านจี๋ยกมือผลักออกไปและผลักดันจวินจ้างเจี้ยนและจวินหลิงหลง ดวงตาของเฮยถู่แสดงความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง
เขาหันไปมองจวินหลิงหลงด้วยสายตาอันเยาะเย้ย “บอกเจ้านายของเจ้า นายท่านของข้าต่างหากที่เป็นเสาหลักและความหวังของรุ่นเยาว์ตระกูลจวิน!”
หลังจากพูดจบ เฮยถู่ก็หันหลังกลับไปพร้อมจวินว่านจี๋
ตอนนี้ จวินหลิงหลงได้กระอักเลือดออกมาเล็กน้อยอีกครั้ง
“เจ้าบาดเจ็บสาหัสนะ” จวินจ้างเจี้ยนกล่าว น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความสิ้นหวัง
เทียบกับจวินว่านจี๋แล้ว เขาด้อยกว่าจริงๆ
“ไม่เป็นไร ข้ายังต้องไปซื้อชาให้กับนายท่านก่อน” จวินหลิงหลงไม่ลืมหน้าที่ของตัวเองและได้ซื้อชาจิตกระจ่างให้กับจวินเซียวเหยา
จวินจ้างเจี้ยนมองพร้อมกับถอนหายใจ
ในเวลาแบบนี้ สิ่งที่นางนึกถึงในใจยังคงเป็นเรื่องของจวินเซียวเหยา
แต่จวินจ้างเจี้ยนรู้เช่นกันด้วยว่าจวินเซียวเหยาไม่ใช่เจ้านายที่กลืนความโกรธของตัวเอง
ถ้าเขาหาเรื่องคนใกล้ตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ เกรงว่าจวินว่านจี๋อาจไม่เหลืออะไรดีๆ อีกเลย
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)