ตอนที่ 41 แก๊งมาเฟียวีตัส(อ่านฟรี)
ตอนที่ 41 แก๊งมาเฟียวีตัส
อาคารแถวท่าเรือ สถานที่รวมตัวกันของเหล่าแรงงานราคาถูก ที่นี่ถูกควบคุมโดยมาเฟียแก๊งหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “วีตัส” และภายในแก๊งจะมีกลุ่มย่อยที่มี 12 หน่วยนำโดยหัวหน้าแก๊งที่คุมลูกน้องในกลุ่มอีกที
ในตอนนี้กลุ่มมาเฟียทั้งหมดต่างถูกเรียกมารวมกันที่ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง
ภายในห้องที่เปลี่ยนเป็นผับขนาดใหญ่ที่เปิดไว้ให้กับนักท่องเที่ยวมาสุมหัวกันเสพยา ตอนนี้ได้ถูกปิดลงห้ามนักท่องเที่ยวเข้า มีมาเฟียระดับหัวหน้ากลุ่มและรองกลุ่มอีก 2 คนต่างยืนเรียงแถวกันอยู่ด้านใน
ใจกลางห้องมีหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มหัวทองที่นอนถอดเสื้อนั่งคุกเข่าในสภาพเลือดอาบทั้งกาย
ใบหน้าฟกซ้ำ ดวงตาปูดบวมจนคล้ำกลืนไปกับรอยสักตามร่างกาย โดยที่มีหญิงสาวกล้ามโตคนหนึ่งกำลังใช้เก้าอี้บาร์แบบไม้ทุบตีอย่างไม่ยั้งมือจนไม้ขาเก้าอี้หักไปข้างหนึ่งก็ยังไม่หยุดมือ
“อัก...” สีหน้าหัวหน้ากลุ่มผมทองแสดงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน แต่ถูกทุบจนเสียงดังอัก ๆ หลายครั้งก็ไม่ปริปากบ่นใด ๆ นั้นเพราะเขารู้ว่านี่คือความปรานีที่หัวหน้าใหญ่มอบให้เขาแล้ว
ทุกคนมีท่าทางต่างกันไป บ้างก็ใบหน้าเหยเก บ้างก็หลับตา บางคนมีแววตาสมเพชและเยาะเย้ยด้วย แก๊งขนาดใหญ่ย่อยต้องมีการแบ่งฝ่าย ครั้งนี้หัวหน้าคนนี้สมควรได้รับโทษเพราะไม่อาจจะทำงานที่หัวหน้าใหญ่ให้ความสำคัญได้
แน่นอนว่ามีหลายคนอยากให้หัวหน้าฆ่าหัวหน้ากลุ่มผมทองคนนี้ทิ้ง เพื่อจะผลักดันคนของตัวเองให้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มแทน แต่พวกเขาไม่มีใครกล้าเสนออะไรในตอนนี้ เนื่องจากหัวหน้าใหญ่กำลังอารมณ์เสียแบบสุด ๆ
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์และกำลังดื่มเครื่องดื่มหันหลังฟังเสียงทุบตีโดยไม่พูดอะไร ทุกคนรู้ดีว่านี่คือความหัวหน้าใหญ่กำลังโกรธ
ระหว่างที่มีเสียงทุบตี หัวหน้าใหญ่ก็พูดเรื่องราวของตัวเองไปด้วย
“เมื่อก่อนฉันเป็นเด็กหนุ่มที่เกเรคนหนึ่งเรียกว่าแม้แต่เงินจะซื้อเสื้อผ้าใหม่สักตัวก็ไม่มี ฉันอยากเงินไปกินขนมที่โรงเรียนก็ไม่มี แม้แต่เงินจ่ายค่าบ้านก็ไม่มี เจ้าของห้องเช่ามักมาทวงพวกเราบ่อย ๆ สุดท้ายก็ไล่ฉันและพ่อกับแม่ออกมา ระหว่างที่เดินอยู่บนถนนหาที่ซุกหัวนอน ฉันเคยถามพ่อว่าทำไมเราถึงไม่มีเงิน พวกแกรู้ไหมพ่อบอกกับฉันว่ายังไง”
“พ่อบอกกับฉันว่า เพราะพ่อตกงานและยังหาไม่ได้ ฉันจึงถามว่าทำไม พ่อก็บอกว่าเพราะยังไม่มีใครหยิบยื่นโอกาสนั้นให้ ฉันจึงถามพ่อว่าโอกาสคืออะไร พ่อก็บอกว่ามันคือสิ่งที่คนเหนือกว่าจะหยิบยื่นให้กับคนที่อยู่เบื้องล่าง ฉันจึงถามว่าทำไมถึงไม่สร้างมันเอง พ่อไม่เคยตอบฉันจนกระทั่งเขาขายฉันให้กับมาเฟีย หลังจากมองดูโลกในกลางคืนที่พวกเราคือผู้ควบคุมอยู่นานในที่สุดฉันก็ได้รับสิ่งที่พ่อฉันไม่เคยมี นั้นคือโอกาส โอกาสในการเป็นเหนือมนุษย์ ฉันเอาชนะทุกคน ฆ่าพวกมันจนหมดและสามารถไต่เต้าจากลูกสมุนจนกลายเป็นหัวหน้ามาเฟียแห่งแก๊งได้”
“แต่ตอนนี้คนที่มอบโอกาสนั้นให้ฉันได้ส่งน้องชายของเขามาหลบภัยที่นี่และเรียนรู้งาน ฉันคาดหวังกับเขาไว้มากว่าจะช่วยทำให้ฉันก้าวไปอีกขั้นได้ แต่พวกแกกลับทำลายโอกาสที่ฉันได้รับมาทิ้งไป แถมพวกแกยังหาคำอธิบายมาให้ฉันไม่ได้ด้วย พวกแกคิดว่าฉันควรทำยังไง”
คำพูดในประโยคสุดท้ายแน่นอนว่าหมายถึงหัวหน้าผมทอง หัวหน้าผมทองสั่นด้วยความกลัวไม่รู้จะพูดยังไง
“แล้วพวกแกละ ใครที่หาคำอธิบายให้ฉันได้บ้าง” หัวหน้าใหญ่หันไปมอง
“หัวหน้าใหญ่ ผม...ผมขอโอกาสอีกครั้ง” หัวหน้าผมทองคลานเข้ามาร้องขอ ขณะที่หญิงสาวนักกล้ามกำลังจะทุบเก้าอี้ลงไปที่หลัง
หัวหน้าใหญ่วางแก้วลงดังปัง! ทำเอาทุกคนสะดุ้งด้วยความตกใจ สาวนักกล้ามหยุดเก้าอี้ในมือ ก่อนจะโยนมันทิ้งและเดินไปนั่งชมอยู่ข้าง ๆ
หัวหน้าใหญ่หันกลับมาใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่แก้มอยู่ พึ่งจะถูกเย็บเมื่อเช้านี้ ทุกคนไม่กล้ามองที่แผล เพราะอาจจะทำให้หัวหน้าใหญ่ขุ่นเคืองได้
สายตาเยือกเย็นของหัวหน้าใหญ่จ้องไปที่หัวหน้าผมทอง
“ฉันจะให้แก ไม่ใช่แค่แก แต่เป็นทุกคนในนี้ ใครที่หาคำอธิบายและหรือเจอตัวคนที่หนีรอดจากที่นั่นมาให้ฉันได้คนนั้นจะได้ตำแหน่งหัวหน้าของกลุ่ม 3 ไป”
พวกรองหัวหน้ากลุ่มที่ได้ยินก็ตาเป็นประกายในทันที พวกเขารู้ว่านี่คือโอกาส อาจจะเป็นโอกาสแบบที่หัวหน้าเคยได้รับ พวกเขากำลังคิดว่าถ้าตัวเองทำสำเร็จจะกลายเป็นหัวหน้า ถึงตอนนั้นผลประโยชน์ที่ได้รับจะมากมายกว่าตอนนี้มาก
โดยเฉพาะรองหัวหน้าที่อายุไม่เยอะพวกเขายังมีสิทธิ์ปลุกพลังเหนือมนุษย์อยู่ ขอแค่มีเงินมากพอก็สามารถหาซื้อสารกระตุ้นได้
หัวหน้าใหญ่กล่าวต่อ
“ส่วนแกทริส ถ้าแกหาได้ก่อน แกจะไม่เสียตำแหน่งหัวหน้าไป แต่ถ้าแกทำไม่ได้ภายใน 1 เดือน แกก็ต้องรับผลที่ตามมา”
สาวนักกล้ามหยิบยาออกมาและโยนให้กับทริส
“ดื่มซะ มันจะออกฤทธิ์ในอีก 30 วัน”
ทริสมองไปที่ขวดยาด้วยมือสั่นเทา เขาเคยเห็นคนโดนลงโทษแบบนี้มาก่อนยานี่เป็นยาจากข้างล่าง แน่นอนว่าหมายถึงตลาดใต้ดิน คนที่ดื่มไปแล้วจะต้องได้รับยาแกในอีก 30 วันไม่อย่างนั้นยาที่เข้าไปเกาะในอวัยวะภายในจะทำให้อวัยวะทั้งหมดเน่าเป็นน้ำสีดำตายอย่างน่าอนาถ
หัวหน้ามาเฟียจ้องไปที่ทริส ทำเอาทริสสั่นด้วยความกลัว รีบหยิบขึ้นมาดื่ม แต่ทันทีที่หัวหน้าทริสดื่มเสร็จ ก็มีหัวหน้ากลุ่มคนหนึ่งที่เป็นศัตรูกับทริสก้าวเดินออกมา
“หัวหน้าใหญ่ครับ พอดีผมจับนายหน้าที่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของชิ้นส่วนโลกต่างมิติที่ทำให้คุณซาดตายไปได้พอดีหัวหน้าให้ทำยังไงกับเขาดี”
ทริสสะอึก ก่อนจะหันไปจ้องมองหัวหน้าคนนั้นด้วยแววตาอาฆาต เพราะเขาก็พยายามหาตัวเจ้าหน้าที่คนนั้นอยู่ แต่หายังไงก็ไม่พบ ตอนนี้ทริสรู้แล้วว่าตัวเองโดนเข้าให้แล้ว พวกนั้นตั้งใจให้เป็นแบบนี้
“ไอ้ชั่วกรูมัส” ทริสอยากจะตะโกนออกไป แต่ไม่กล้า เพราะอยู่ต่อหน้าหัวหน้าใหญ่จึงได้แต่เก็บความแค้นนี้ลงไป
“เอามันมา”
กรูมัสพยักหน้า สั่งให้ลูกน้องคนสนิทที่เป็นรองหัวหน้าไปเอาตัวเจ้าหน้าที่คนนั้นที่โดนยัดท้ายรถมา สภาพของเจ้าหน้าที่คนนั้นถูกจับมาโดยมีถุงคลุมหัวไว้ มือถูกมัดอย่างแน่นหน้า
รองหัวหน้าดึงเอาถุงที่คลุมหัวออกมา เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบหลับตาไม่กล้าลืม
“ลืมตามองฉันสิ” หัวหน้าใหญ่กล่าว
“หึ คิดว่าฉันโง่เหรอ ถ้าเห็นหน้าแกฉันก็แย่สิ” เจ้าหน้าที่คนนั้นยังตอบอย่างเย่อหยิ่ง ไม่รู้ว่าเพราะมั่นใจว่าถ้าไม่มองหน้าหัวหน้าใหญ่แล้วจะไม่โดนฆ่าหรือเพราะคิดว่าฐานะเจ้าหน้าที่ของตัวเองจะทำให้มันรอดได้
“แกหลอกขายชิ้นส่วนที่ใกล้หมดเวลาให้กับพวกฉัน เรื่องนี้จะอธิบายยังไง”
“ไม่ ฉันไม่เคยหลอกขายของแบบนั้น ชิ้นส่วนนั้นยังเหลือเวลาอีกเกือบ 20 ชั่วโมงจริง ๆ”
“หึ แกกล้าโกหกเหรอ จับมันลืมตา” หัวหน้าใหญ่สั่ง รองหัวหน้าที่พาเจ้าหน้าที่คนนี้มาพยายามบังคับให้เจ้าหน้าที่คนนี้ลืมตา แต่เจ้าหน้าที่คนนี้ยังไงก็ไม่ลืมตา
“ไอ้เชี่ยนี้อยากตายนักเหรอวะ” รองมาเฟียพยายามทำให้เจ้าหน้าที่ลืมตา แต่ก็ไม่สำเร็จแถมยังโดนกัดมือด้วย
“หลบไป” สาวนักกล้ามเดินเข้ามา ก่อนจะกระหน่ำต่อยหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้น ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น โดยเจ้าหน้าที่คนนั้นอยู่ในสภาพเลือดท่วมปาก
“แกพูดว่าไม่ได้โกหก แสดงว่ามีหลักฐานสินะ”
“มี...มีอยู่ในกระเป๋า แกได้ไปแล้วอย่าฆ่าฉันนะ”
หัวหน้าใหญ่ไม่สนใจ ให้สาวนักกล้ามเอาของในกระเป๋าของเจ้าหน้าที่คนนั้นออกมามันเป็นแฟลชไดรฟ์อันหนึ่ง ค่อยนิยมใช้กันแล้ว
“เปิดดู” หัวหน้าใหญ่สั่งบาร์เทนเดอร์ บาร์เทนเดอร์รีบรับมาก่อนจะวิ่งไปหลังร้านและกลับออกมาในเวลาไม่นาน
“มีไฟล์เอกสารอยู่ มันเกี่ยวกับชิ้นส่วนชิ้นนั้นและเป็นของจริง”
หัวหน้าใหญ่พยักหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่คนนั้น
“แกรู้อะไรอีก”
“พวกเราขายของไปแล้วจะไม่กลับไปยุ่ง พวกแกก็รู้กฎดี”
“สิ่งที่แกให้มานั้นโกหก ดังนั้นแกต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้” หัวหน้าใหญ่กล่าว คนอื่น ๆ ประหลาดใจเล็กน้อย ตอนแรกได้ยินว่ามีหลักฐานจริง ๆ และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้หัวหน้าใหญ่บอกเจ้าหน้าที่โกหก
แพะ...ทุกคนเข้าใจทันที ต้องมีคนรับผิดชอบ ในเมื่อยังหาคนที่รอดไปคนนั้นไม่เจอ ถ้าอย่างนั้นเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ต้องเป็นแพะ
“ไอ้ชั่ว แกมันสารเลว” เจ้าหน้าที่ร้องโวยวาย
“หึ” หัวหน้าใหญ่สูดลมเข้าเต็มปอดก่อนจะอ้าปากพ่นลมหายใจออกไปใส่เจ้าหน้าที่คนนั้นที่อยู่บนพื้น
“ลมหายใจกัดกร่อน” คนอื่น ๆ รีบถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
เจ้าหน้าที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่เกือบ 5 นาที ก่อนที่จะโดนกัดกร่อนก่อนจนกลายเป็นน้ำเมือกที่ผสมกับชิ้นเนื้อ
ทริสที่อยู่ใกล้สุดสั่นด้วยความกลัว ส่วนหัวหน้าคนอื่น ๆ ทุกคนเหงื่อแตกกันหมด
“เอามันไป ส่วนหัวหน้าหน่วยกรูมัสทำดีมาก”
“ขอบคุณหัวหน้าใหญ่ที่ชม หัวหน้าใหญ่ที่จริงแล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง พวกคนที่ตายในตอนนั้นยังติดหนี้อยู่จำนวนมาก พวกเขาน่าจะมีญาติกันอยู่ เราจะเอายังไงกับพวกเขาดีครับ”
“หยุดเรื่องฮันเตอร์เถื่อนไปก่อน พวกเจ้าหน้าที่ขายชิ้นส่วนโลกเริ่มไว้ใจไม่ได้ รอเคลียร์เรื่องนี้จบค่อยเริ่มกันใหม่ แต่ยังไงก็ต้องเร่งหาเงิน เอาตัวญาติพวกนั้นมาและทำทุกอย่างเพื่อเอาเงินมา ถ้าใครไม่มีก็รู้นะว่าต้องทำยังไง”
“ครับหัวหน้าใหญ่ หัวหน้าใหญ่ยังมีคนหนึ่งที่หัวหน้าเคยให้ความสนใจ”
“ใคร”
“สองพี่น้องนั้น หัวหน้าบอกว่าให้จัดการเป็นพิเศษ แต่คนพี่คงตายไปแล้ว ส่วนคนน้องคงยังอยู่ ให้จับมาด้วยไหม”
หัวหน้าใหญ่หรี่ตาลง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
...
หลังจากแยกตัวออกมา ทริสถูกห้ามมาด้วยรองคนสนิททั้งสองคน
“เจอสัญญาณหรือยัง”
“หัวหน้ายังไม่เจอสัญญาณเลยครับ หัวหน้าแน่ใจนะว่ากระเป๋าใบนั้นมีเครื่องติดตาม”
“ฉันแน่ใจ ซาดบอกกับฉันเอง มันมีเครื่องติดตามอยู่ คนที่รอดน่าจะเอามันไปสิ สารกระตุ้นในนั้นราคามากพอที่ใครก็ต้องโลภมากกันทั้งนั้น”
“หัวหน้าเป็นไปได้ไหมว่ามันจะโดนโยนไปในชิ้นส่วนโลกต่างมิติแล้ว” หนึ่งในรองสองคนเอ่ยขึ้นมา
“ไม่รู้โว้ย หาสัญญาณต่อไปพอ แล้วก็รีบส่งคนไปจับเด็กสาวคนนั้นที่แมนชั่นนั่นซะ หัวหน้าใหญ่ให้ความสำคัญกับเธอ เราต้องแย่งโอกาสนี้ไว้ อย่าให้ไอ้ชั่วกรูมัสได้ตัวเธอไปก่อน”
“ครับหัวหน้า”