ตอนที่แล้วตอนที่ 407 แผนการของหยูฮัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 409 อยากเรียนกฎจักรวาลไหม?

ตอนที่ 408 ทูดี้ผู้โชคร้าย


ตอนที่ 408 ทูดี้ผู้โชคร้าย

ทูดี้กำลังรู้สึกหดหู่ใจมากที่อูดี้ได้ส่งเขามาตามล่ามนุษย์ที่แอบเข้ามาในดินแดนแบบนี้และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องส่งเขาซึ่งเป็นผู้นำของสมาพันธ์นักรบศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาทำภารกิจนี้ด้วยตัวเองก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่อูดี้ต้องการยังไม่ใช่เพียงแค่การสังหารเซี่ยเฟย แต่เขายังต้องการนำกรงเล็บภูติโลหิตกลับมาด้วย มันจึงทำให้ภารกิจนี้ยากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่อาจที่จะระบุระดับความยากได้ เพราะถ้าหากเซี่ยเฟยเอากรงเล็บภูติโลหิตไปซ่อนเอาไว้ที่ใดที่หนึ่งจริง ๆ การพยายามค้นหาสมุนไพรชนิดนี้มันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามงมเข็มในมหาสมุทร

ทูดี้พยายามคิดเป็นเวลานานและได้ข้อสรุปว่าเขาต้องจับเซี่ยเฟยมาทรมานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะถ้าหากว่าเขาเผลอลงมือสังหารมนุษย์ผู้นี้ไป เขาก็อาจจะไม่สามารถหากรงเล็บภูติโลหิตเจออีกเลย

แม้ภายนอกอูดี้จะดูเหมือนส่งมอบภารกิจนี้ให้ทูดี้เนื่องจากความไว้วางใจ แต่ถ้าหากว่าเขาทำภารกิจล้มเหลวขึ้นมามันก็ยากที่จะจินตนาการว่าจะมีอะไรรอเขาอยู่หลังจากที่เขากลับไปยังเต็นท์ทองคำ เพราะท้ายที่สุดไรฝุ่นตัวเตี้ยคนนี้ก็มักจะมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถไต่เต้าขึ้นมาจนกลายเป็นเจ้าของเต็นท์ทองคำผู้เป็นราชาของเหล่าเซิร์กทั้งมวลได้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทูดี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก แล้วมองไปยังห้องบัญชาการของยานรบที่ทั้ง 12 ตะไลยังคงนั่งเล่นหมากรุกอยู่อย่างสนุกสนาน ซึ่ง 12 ตะไลแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีระดับพลังที่สูงมาก โดยพวกเขาก็เทียบเท่าได้กับนักสู้ระดับสตาร์ริเวอร์ขั้นสูงของมนุษย์เลยทีเดียว

น่าเสียดายที่ถึงแม้ระดับพลังของพวกมันจะน่าเกรงขาม แต่สมองของพวกมันกลับมีสติปัญญาไม่มากนัก เพราะท้ายที่สุดพวกมันก็เล่นหมากรุกมา 10 วัน 10 คืนติดต่อกันโดยไม่ได้พักผ่อนแล้ว และพวกมันยังส่งเสียงตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นคล้ายกับพวกมันยังเป็นเพียงแค่เด็กเล็กของเผ่ามนุษย์เท่านั้น

ตอนนี้เมนี่เสียชีวิตไปแล้วมันจึงทำให้ 7 นักรบศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่เพียงแค่ 6 คนเท่านั้น แล้วมันก็คงจะก่อให้เกิดการแข่งขันครั้งใหญ่สำหรับเหล่านักรบที่มีระดับสติปัญญาสูง

อูดี้เป็นคนที่ฉลาดมากและเขาก็ให้ความสำคัญกับระดับสติปัญญาของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้ว่าในช่วงหลัง ๆ เผ่าพันธุ์เซิร์กจะพัฒนาระดับสติปัญญาขึ้นมาจากเดิมมากแล้ว แต่ทั้งเผ่าก็ยังคงมีเซิร์กที่มีระดับสติปัญญาสูงอยู่เพียงแค่เล็กน้อยอยู่ดี แน่นอนว่านักรบที่มีทั้งสติปัญญาและความสามารถมันก็ยิ่งหาได้ยากมากเข้าไปใหญ่

ตัวอย่างในเรื่องนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่น อูดี้เป็นเซิร์กที่มีระดับสติปัญญาสูงมาก แต่เขากลับไม่มีความสามารถในการสู้รบ ขณะที่ 12 ตะไลมีพลังในการสู้รบที่แข็งแกร่งแต่พวกเขากลับมีสติปัญญาอยู่เพียงแค่น้อยนิด

ทูดี้ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งและเลือกไม่สนใจ 12 ตะไลอีกต่อไป ท้ายที่สุดเขาก็คงจะไม่สามารถผลักดันคนพวกนี้ให้กลายเป็น 7 นักรบศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ได้ เพราะระดับสติปัญญาของพวกมันต่างก็ล้วนแล้วแต่ต่ำกว่าเกณฑ์

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เซิร์กที่คอยดูแลยานรบก็กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เพราะท้ายที่สุดยานรบก็จอดอยู่เฉย ๆ มาเป็นเวลานานกว่า 10 วันแล้ว นอกจากนี้เซิร์กยังมีพฤติกรรมที่ชอบเคลื่อนไหวอยู่เสมอ การอยู่นิ่ง ๆ จึงทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายเนื่องมาจากว่ามันขัดกับสัญชาตญาณภายในสายเลือดของตัวเอง

“เฮ้ยตื่นตัวกันหน่อยสิวะ! ถ้าใครหลับฉันจะตัดคอพวกแกไปให้หมาแดก!!” จู่ ๆ มันก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาจากประตูห้องบัญชาการ และเมื่อทูดี้หันศีรษะกลับไปเขาก็ได้พบว่าเจ้าของเสียงนี้คือลารี่ ผู้ซึ่งเป็น 1 ใน 7 นักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งเต็นท์ทองคำ

เมื่อได้ยินเสียงของลารี่ทั้ง 12 ตะไลและเจ้าหน้าที่ผู้คุมยานต่างก็รีบยืดตัวด้วยความหวาดกลัว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีเชื่อฟังทูดี้มากนัก แต่เมื่อลารี่ปรากฏตัวพวกเขากลับตื่นตัวเหมือนกับกระต่าย

‘ใช่สิ ฉันมันก็เป็นเพียงแค่ผู้นำสมาพันธ์ ฉันจะไปมีอำนาจเท่ากับผู้พิทักษ์เต็นท์ทองคำได้ยังไง’ ทูดี้ทำได้เพียงแต่หัวเราะเยาะตัวเองภายในใจ

“นี่คุณผู้นำคุณช่วยสอนลูกน้องของตัวเองให้ดี ๆ หน่อยได้ไหม ท่านอูดี้อุตส่าห์มอบภารกิจนี้ให้กับเรา อย่างน้อยพวกเราก็ควรจะตั้งใจทำภารกิจนี้กันหน่อยใช่ไหม?” ลารี่กล่าวพร้อมกับนั่งลงตรงข้าง ๆ ทูดี้

การกระทำของลารี่ยิ่งทำให้ทูดี้รู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เพราะการกระทำแบบนี้มันไม่ต่างไปจากการลากเขาออกไปตบหน้ากลางสี่แยก แล้วมันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามต่อว่าว่าเขาสั่งงานอย่างเหยาะแหยะและไร้วินัย

‘ไอ้ลารี่มันจะยิ่งผยองมากจนเกินไปแล้ว พวกแกคิดว่าในระหว่างที่ตัวเองกำลังฝึกฝนไปวัน ๆ ฉันกำลังนั่งเล่นอยู่เฉย ๆ หรือยังไง?’ ทูดี้คิดกับตัวเองอย่างไม่พอใจ

อันที่จริงลารี่ก็ไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายมากนัก เพราะตั้งแต่ขึ้นมาบนยานเขาก็มักที่จะออกมาติดตามความคืบหน้าในห้องบัญชาการเป็นระยะ ๆ ดังนั้นชายคนนี้จึงรับรู้ความก้าวหน้าของภารกิจเป็นอย่างดีเพียงแต่นิสัยของเขาค่อนข้างจะหยิ่งผยองมากเกินไป

แม้ว่าภายในใจทูดี้จะไม่ชอบนักรบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนที่เดินทางมาพร้อมกับเขา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทางไม่พอใจ เพราะท้ายสุด 7 นักรบศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นตำแหน่งเทียบเท่ากับตัวเขาเอง และ 7 นักรบศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นคนของราชาอูดี้โดยตรงด้วย

“พวกเจ้าหน้าที่ต้องนั่งเฉย ๆ มาเป็นเวลามากกว่า 10 วันแล้ว และมันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเริ่มหย่อนยานเล็กน้อย แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงในอนาคตฉันจะจัดการกับพวกเขาอย่างเคร่งครัดมากกว่านี้” ทูดี้ฝืนยิ้มอย่างน่าเกลียด

ลารี่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อทำการฝึกฝนต่อไป เพราะท้ายที่สุดคนส่วนใหญ่ในนี้ก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเขา และการอยู่กับคนพวกนี้ก็ทำให้เขารู้สึกต้องลดศักดิ์ศรีลงมาเล็กน้อย

แต่ทันใดนั้นเองระบบเรดาร์ที่เงียบไปนานก็เริ่มส่งเสียงสัญญาณขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าเซิร์กภายในยานไม่ได้รับข่าวมานานกว่า 10 วัน ความผันผวนของพลังงานอันแปลกประหลาดจึงไม่ทำให้ใครตอบสนองในทันที

“กัปตันนั่นมันสัญญาณการปรากฏตัวของมนุษย์คนนั้น!” ทหารคนหนึ่งรีบรายงานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“รีบตามมันไปเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้มันหนีรอดออกไปได้!” ทูดี้ออกคำสั่งอย่างมีความสุข

เมื่อหยูฮัวกับหยูเจียงได้ขึ้นมายังเบโอเนทมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกหดหู่ใจมาก เพราะเดิมทีเขารีบออกเดินทางเนื่องมาจากว่าเขาไม่ต้องการพบกับสัตว์ประหลาดพวกนี้ แต่จู่ ๆ พวกหยูฮัวกลับเปิดประตูวาร์ปเข้ามาในห้องบัญชาการของยานรบอย่างฉับพลัน และพวกเขาก็เดินเข้ามาภายในยานราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตัวเอง

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมรู้สึกอิจฉาพลังอันน่าทึ่งนี้ แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ เพราะไม่ว่ายังไงเซี่ยเฟยก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับสัตว์ประหลาดพวกนี้จริง ๆ

หยูเจียงได้ทำการทดสอบเซี่ยเฟยแล้วและพบว่าชายหนุ่มคนนี้มีความฉลาดเฉลียวอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยได้รับความเสียหาย ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มใกล้จะพัฒนามาจนถึงขีดจำกัดแล้ว

แต่ในระหว่างที่กำลังจะเปิดบทสนทนาที่จะนำเซี่ยเฟยกับขนอุยเดินทางไปยังตระกูลหยูอยู่นั่นเอง จู่ ๆ ระบบเรดาร์ของเบโอเนทก็ส่งเสียงสัญญาณเตือนภัยออกมาเสียงดัง

“แจ้งเตือนยานรบของศัตรูกำลังเปิดรูหนอนวาร์ปเข้ามา โปรดเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้”

ครู่ต่อมายานรบเซิร์กขนาดใหญ่ก็แล่นผ่านรูหนอนออกมาปรากฏตัวห่างจากเบโอเนทไม่ถึง 10,000 กิโลเมตร และมันก็เผยให้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายของยานรบลำนี้

เซี่ยเฟยไม่มีเวลาอธิบายสถานการณ์ให้หยูเจียงได้ฟัง เขาจึงรีบตรงไปยังศูนย์ควบคุมเพื่อเตรียมสั่งการ

สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมากที่สุดคือเขาไม่รู้ว่าเซิร์กรู้ตำแหน่งของเขาได้ยังไง?

หรือว่ามันจะมีอุปกรณ์ติดตามถูกติดตั้งอยู่บนยาน!?

“คงระบบล่องหนไว้และรีบเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด”

เบโอเนทเริ่มเร่งความเร็วหนีออกห่างจากยานเซิร์ก เพราะถ้าหากว่าเบโอเนทอยู่ใกล้ศัตรูมากเกินไปตำแหน่งของพวกเขาก็จะถูกเปิดเผย

“พ่อหนุ่มนายเคยคิดบ้างไหมว่าในชีวิตนี้นายต้องการจะพัฒนาพลังไปจนถึงระดับไหน?” หยูเจียงกล่าวถามด้วยรอยยิ้มโดยไม่สนใจจะมองยานรบของเซิร์กที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นมา

แน่นอนว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังกังวลเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับชายชราเลย แล้วถ้าหากว่าเขาเสียชีวิตลงที่นี่จริง ๆ มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะพูดคุยกับชายชราต่อไป

“เดี๋ยวค่อยคุย! ตอนนี้มีศัตรูห่างจากเราไปไม่ไกล” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย และเนื่องจากสถานการณ์ที่เร่งรีบมันจึงทำให้คำพูดของเขามีความสุภาพลดน้อยลง

เซี่ยเฟยเก่งทุกอย่างแต่มักจะลืมตัวในระหว่างที่เขาทำงาน ซึ่งความจริงจังแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ติดตัวเขามาเป็นเวลานาน แต่ในสายตาของหยูเจียงท่าทางของเขากลับเป็นท่าทางที่หยาบคาย

ชายชราขมวดคิ้วและต้องการที่จะเริ่มทำการโจมตี แต่มันก็ดูเหมือนกับขนอุยจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของชายชราที่เปลี่ยนไป มันจึงค่อย ๆ ลืมตาและจ้องมองมาที่หยูเจียงด้วยแววตาระแวดระวัง

หยูเจียงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและปิดปากของตัวเองเอาไว้ เพราะเขาไม่อาจยอมเสียอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปได้เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

“ระบบตรวจพบความผันผวนของพลังงาน สันนิษฐานว่าศัตรูกำลังใช้อาวุธระเบิด” เสียงจากระบบรายงานสถานการณ์

“เปิดระบบโอเวอร์โหลด, รีบคำนวณตำแหน่งเป้าหมายและเตรียมพร้อมสำหรับการวาร์ปฉุกเฉินทุกเมื่อ” เซี่ยเฟยรีบสั่งการอย่างร้อนรน

“ความจริงนายไม่จำเป็นจะต้องประหม่าขนาดนั้นก็ได้…” หยูฮัวพยายามห้ามปรามเซี่ยเฟย แต่ชายหนุ่มกำลังเคร่งเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้ามันจึงทำให้เขาไม่สนใจใครอื่นทั้งนั้น

ความเป็นจริงตอนนี้เซี่ยเฟยลืมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าบนยานยังมีแขกอยู่อีกสองคน เพราะเมื่อเขากำลังจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างเขาก็แทบที่จะไม่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสนใจของเขาเลย

หยูฮัวพยายามจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์กลับมา แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมากลับเป็นเพียงเสียงร้องคำรามของชายหนุ่ม

“หุบปากไปซะ!”

ในที่สุดหยูฮัวก็ไม่สามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้อีกต่อไป ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของเขากำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ

ทันใดนั้นมันก็มีแสงสีน้ำเงินดวงเล็ก ๆ สว่างขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่แสงสีน้ำเงินนี้จะครอบคลุมพื้นที่ไปหลายพันกิโลเมตร

“แจ้งเตือนฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้ระเบิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ ยานรบจะออกจากสถานะล่องหนภายใน 3.4 วินาที ลูกเรือทุกคนโปรดเตรียมพร้อมรับแรงกระแทก”

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม เพราะท้ายที่สุดระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้าก็เป็นระเบิดที่สามารถทำลายระบบล่องหนของยานรบได้ แล้วมันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้เตรียมพร้อมมาจัดการเขาเป็นอย่างดีแล้ว

ในเวลาเดียวกันหยูเจียงที่กำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งของกัปตันก็กำลังรู้สึกรำคาญใจยิ่งกว่าเซี่ยเฟย เพราะถึงอย่างไรสถานะของเขาก็เหนือกว่าเซี่ยเฟยไปไกล แต่ในตอนนี้เขาทั้งถูกเพิกเฉยและถูกตวาดใส่จากขยะไร้ค่า มันจึงทำให้เขาโกรธมากจนยากที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองได้

พริบตาต่อมาชายชราก็ทำการโบกมือพร้อมกับทำให้ทะเลดวงดาวกลายเป็นสีดำสนิท ซึ่งแม้แต่ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลก็หายไปทั้งหมดคล้ายกับจู่ ๆ ทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด

ผู้ที่โชคร้ายที่สุดในคราวนี้ก็คือทูดี้ เพราะเนื่องจากหยูเจียงไม่มีที่ระบายความโกรธโทสะทั้งหมดจึงได้มาตกอยู่ที่ยานอวกาศของเขา

***************

พี่เฟยจะเจอปัญหาใหญ่อีกไหมเนี่ย?! ทุกคนคิดว่ายังไงกันบ้าง?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด