ตอนที่ 407 แผนการของหยูฮัว
ตอนที่ 407 แผนการของหยูฮัว
“มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิครับ สิ่งที่ผูกมัดระหว่างมารขาวกับเซี่ยเฟยอยู่คือพันธสัญญาโบราณที่เชื่อมโยงชีวิตของทั้งคู่เข้าด้วยกัน ดังนั้นผมจึงคิดว่าแม้แต่ตัวท่านผู้นำเองก็ไม่สามารถที่จะทำลายพันธสัญญาระหว่างเซี่ยเฟยกับมารขาวตัวนั้นได้” หยูฮัวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“นี่นายกำลังบอกว่าแม้แต่ฉันก็ไม่สามารถทำลายพันธสัญญานั้นได้งั้นเหรอ?!” ชายชราอุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมจะกล้าโกหกท่านผู้นำได้ยังไงล่ะครับ พันธสัญญาโบราณชนิดนี้ทรงพลังมากและมันยังเป็นพันธสัญญาที่ผูกพันความตายซึ่งกันและกัน มันจึงทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถที่จะทำลายพันธสัญญาได้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นมารขาวก็จะต้องเสียชีวิตของมันไป ซึ่งมันก็เป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีสำหรับเรา” หยูฮัวกล่าว
“ระดับพลังของเซี่ยเฟยไม่น่าจะสร้างพันธสัญญาที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมาได้ แล้วมันมีพันธสัญญาที่ทรงพลังแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง?” ชายชราอุทานออกมาด้วยความงงงวยมากขึ้นกว่าเดิม
ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีใครรู้ว่าเซี่ยเฟยได้ฝึกฝนวิชามนตราอสูร และเขายังได้อาศัยกระแสจิตจากสมองเซิร์กโบราณเพื่อทะลวงผ่านวิชามนตราอสูรขั้นที่ 6 ในคราวเดียว ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังในระดับลีเจนด์แต่เขาก็มีความสามารถมากพอที่จะสร้างพันธสัญญาที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ เพียงแต่เรื่องนี้อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการของคนอื่น ๆ เท่านั้นเอง
หยูฮัวส่ายหัวเป็นคำตอบเพื่อแสดงออกว่าเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเฟยจึงทำแบบนี้ได้เหมือนกัน
“เป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยเฟยจะมีอาจารย์ผู้ลึกลับคอยหนุนหลัง และอาจารย์คนนั้นก็เป็นคนสร้างพันธสัญญาให้กับเขา?” ชายชราถามอีกครั้ง
“มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ อย่าลืมว่ามารขาวเป็นสัตว์อสูรที่ล้ำค่ามากขนาดไหน แล้วมันจะมีคนที่ยอมมอบสัตว์อสูรแบบนี้ให้กับคนอื่นจริง ๆ เหรอครับ”
“นอกจากนี้มันคงไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนคิดจะรับศิษย์เป็นเพียงแค่คนไร้ประโยชน์ และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเคยผ่านการทดสอบของดาวมรดกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ยังไม่มีตราประทับของผู้เชี่ยวชาญคนไหนในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเลย ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเฟยยังไม่มีอาจารย์และบางทีเขาก็อาจจะสร้างพันธสัญญากับมารขาวขึ้นมาโดยบังเอิญ” หยูฮัวกล่าว
ชายชราเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบคันเบ็ดขึ้นมาเพื่อโยนเบ็ดลงไปในบ่อ
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่มารขาวต้องไปตกอยู่ในมือของขยะแบบนั้น” ชายชรากล่าวอย่างเสียดาย
“ท่านผู้นำสนใจรับเซี่ยเฟยเข้าตระกูลไหมครับ? ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็ยังไม่มีอาจารย์” หยูฮัวกล่าวเสนอ
“ขยะแบบนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไร ถึงแม้ว่าตระกูลหยูจะชื่นชอบคนมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่อาการบาดเจ็บในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรักษาได้ง่าย ๆ” ชายชรากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เซี่ยเฟยเป็นคนไร้ประโยชน์ก็จริงแต่มารขาวที่อยู่ข้าง ๆ เขาไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปด้วยนี่ครับ แม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเซี่ยเฟยได้ แต่สักวันหนึ่งเราก็คงจะมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากมารขาวอยู่ดี” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“นายหมายความว่ายังไง?”
“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเราหยิบยื่นโอกาสให้กับเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็จะต้องตอบแทนบุญคุณพวกเราด้วยการทำงานให้ตระกูลไปตลอดชีวิต แต่เนื่องจากเขามีพันธสัญญาที่ผูกพันกับมารขาว ดังนั้นการที่เซี่ยเฟยมาทำงานให้ตระกูลมันก็หมายถึงการที่ตระกูลของเราได้รับมารขาวมาด้วยเช่นเดียวกัน” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
ทันใดนั้นแววตาของชายชราก็เป็นประกายออกมาด้วยความตื่นเต้น และเขาก็ต้องยอมรับว่าหยูฮัวมีความคิดที่ดีมาก แล้วมันก็มีโอกาสสูงมากที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่พ่อค้าคนนี้ได้บอกเอาไว้
ท้ายที่สุดพวกเขาก็แค่รับเซี่ยเฟยเข้าตระกูลเป็นฉากบังหน้า เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ คืออสูรทำลายดาวที่มาพร้อมกับเซี่ยเฟยต่างหาก!
“นายนี่เป็นพวกหัวดีจริง ๆ ใช่แล้วตระกูลหยูของเราต้องการเพียงแค่อสูรตัวนั้น ส่วนเซี่ยเฟยจะพิการหรือไม่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเรานี่นา” ชายชรากล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็ตบไหล่หยูฮัวเบา ๆ พร้อมกับกล่าวว่า
“เอาล่ะพวกเราไปดูกันเถอะว่าเจ้าหนุ่มนั่นจัดการกับมารขาวได้ถึงระดับไหน?”
หวือ ~
พริบตาต่อมามันก็มีประตูมิติถูกเปิดออกบริเวณข้าง ๆ ท่าน้ำ ก่อนที่ร่างของชายทั้งสองจะหายไปจากพื้นที่บริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
—
หลังจากตกลงกับหยูฮัวเสร็จเซี่ยเฟยก็รีบขับยานออกจากดาวเคราะห์ดวงนั้นในทันที เพราะเขามีลางสังหรณ์ว่ามันกำลังจะมีปัญหาอะไรบางอย่างคืบคลานเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
“เริ่มวิเคราะห์พื้นที่ปลายทางและเตรียมพร้อมสำหรับการวาร์ปครั้งต่อไป” เซี่ยเฟยสั่งในห้องบัญชาการ
“ทำไมนายต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย? สรุปชุดต่อสู้ในกล่องสีม่วงนั่นมันมีอะไรดีกันแน่?” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยนั่งลงบนเก้าอี้กัปตันก่อนที่จะหยิบกล่องโลหะสีม่วงออกมาจ้องมองเป็นเวลานาน ซึ่งดวงตาที่อยู่หน้ากล่องก็กำลังจ้องมองเขากลับราวกับว่าดวงตาดวงนี้เป็นดวงตาของสิ่งมีชีวิตจริง ๆ
ต่อมาชายหนุ่มก็ค่อย ๆ หยิบชุดต่อสู้ออกมาจากกล่อง ซึ่งมันประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลายสิบชิ้น เช่น ชุดบอดี้สูท, หมวก, ถุงมือ, แว่นตา, แผ่นกรองอากาศ, รองเท้าและอุปกรณ์ขนาดเล็กอื่น ๆ อีกมากมายที่แม้แต่อันธก็ไม่เคยเห็นอุปกรณ์ยิบย่อยแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงการออกแบบอันไร้ที่ติที่ทำให้ชุดต่อสู้สามารถซ่อนสิ่งต่าง ๆ พวกนี้เอาไว้ในชุดได้อย่างมากมาย
“ชุดต่อสู้นี่ถูกผลิตขึ้นมาจากอารยธรรมโบราณ ชื่อเต็ม ๆ ของมันคือชุดต่อสู้ X7 ของบริษัทเบวิน โลโก้รูปดวงตาบนกล้องคือโลโก้ของบริษัทเบวิน แต่เนื่องจากว่าสีประจำบริษัทของพวกเขาเป็นสีม่วง มันจึงถูกเรียกติดปากอีกอย่างหนึ่งว่าบริษัทตาสีม่วง”
“นี่คือชุดต่อสู้จากอารยธรรมโบราณงั้นเหรอ? ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมกล่องของมันถึงดูเก่าไปหน่อยแต่ชุดข้างในก็ดูเหมือนกลับยังไม่เคยถูกใช้งาน ชุดนี้มันมีฟังก์ชั่นพิเศษอะไรทำไมมันถึงทำให้นายรู้สึกตื่นเต้นขนาดนั้น?” อันธถามอย่างสงสัย
“ฟังก์ชั่นของชุดมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนักหรอก แค่ฟังก์ชั่นของมันมีประโยชน์สำหรับฉันในสถานการณ์ปัจจุบันพอดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“มันคือฟังก์ชั่นอะไร? บอกมาให้ชัด ๆ”
“ฉันจำได้ว่าฉันเคยอ่านข้อมูลของชุดต่อสู้นี้ในห้องสมุด ซึ่งมันบอกว่าชุดต่อสู้นี้ถูกสร้างขึ้นมาจากวัตถุสังเคราะห์พิเศษที่ช่วยเพิ่มประสาทการรับรู้ของผู้ใส่มันได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ประสาทการรับรู้ของนายก็ดีอยู่แล้วนี่นา แค่นั้นยังไม่พออีกเหรอ? ฉันคิดว่าชุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วหรือการป้องกันให้กับนายมันน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากกว่านะ” อันธกล่าว
ข้อเท็จจริงในหลาย ๆ ครั้งได้พิสูจน์แล้วว่าประสาทการรับรู้ของเซี่ยเฟยทรงพลังมาก ซึ่งในบางครั้งแม้แต่ตัวของอันธเองก็ยังไม่สามารถรับรู้ถึงอันตรายพวกนั้นได้
“ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในดินแดนของศัตรูและมันอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ ดังนั้นยิ่งพวกเราสัมผัสถึงอันตรายได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้พวกเรามีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหน้า
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้อันธเข้าใจได้ในทันที เพราะในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในดินแดนเซิร์กจริง ๆ มันจึงทำให้โอกาสพบเจอกับอันตรายมีมากขึ้นกว่าเดิม แล้วมันก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาประสาทสัมผัสรับรู้ถึงอันตรายที่มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันประมาทมากเกินไปจริง ๆ ในช่วงเวลาวิกฤตไม่มีอะไรดีไปกว่าการรับรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าแล้ว ครั้งนี้นายตัดสินใจได้อย่างถูกต้องจริง ๆ” อันธกล่าว
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการติดตั้งชุด X7 บนร่างกาย ซึ่งทันทีที่เขาติดตั้งชุดต่อสู้เสร็จสีของชุดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับสภาพแวดล้อม และถึงแม้ว่าการเปลี่ยนสีของชุดจะยังห่างชั้นจากการล่องหน แต่มันก็ช่วยให้เขาสามารถพรางตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขาก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็อยู่ในขอบเขตการรับรู้ของเขาทั้งหมด
“เยี่ยมเลย! ตอนนี้ขอบเขตการรับรู้ของฉันเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% และความคล่องตัวของฉันก็เพิ่มขึ้นมาจากเดิมมากเหมือนกัน” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
—
หลังจากวาร์ปติดต่อกันไปแล้ว 3 ครั้ง เซี่ยเฟยก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานในห้องบัญชาการ ก่อนที่มันจะได้มีประตูมิติถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน
“ว่าไงน้องชายชุดต่อสู้จากฉันใส่สบายดีหรือเปล่า?” หยูฮัวกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเดินออกมาจากประตูมิติพร้อมกับชายชรา
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมาก เพราะอย่าลืมว่าที่นี่คือบนยานรบที่กำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ แล้วสองคนนี้มาปรากฏตัวในห้องบัญชาการเบโอเนทได้ยังไง
หรือว่านี่จะเป็นพลังของกฏแห่งมิติ?
อย่างไรก็ตามแม้ว่าภายในใจชายหนุ่มจะรู้สึกตกตะลึงมาก แต่ภายนอกชายหนุ่มก็ยังคงรักษาความสงบเอาไว้
“ชุดต่อสู้ของผู้อาวุโสดีมาก ๆ เลยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสคนนี้คือผู้นำตระกูลของฉันเอง เขาชื่อว่า ‘หยูเจียง’ พอดีว่าเขาอยากจะเจอนายเป็นการส่วนตัว” หยูฮัวกล่าวแนะนำ
“สวัสดีครับผู้อาวุโส” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าระดับพลังของชายชราคนนี้สูงแค่ไหน แต่ถ้าหากว่าหยูฮัวเป็นสิ่งมีชีวิตในระดับสัตว์ประหลาด หยูเจียงก็คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีระดับเหนือกว่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เชิญให้ชายชรานั่งลงบนเก้าอี้กัปตัน ก่อนที่เขาจะสั่งให้กระป๋องเสิร์ฟน้ำชา ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเขาก็คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของหยูเจียงอย่างระมัดระวัง
‘วันนี้มันวันอะไรกันวะเนี่ย? ทำไมถึงมีแต่สัตว์ประหลาดโผล่ออกมาหาฉัน’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยไม่ได้รู้เลยว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาหาตัวเขาเอง แต่พวกเขามาหาขนอุยต่างหาก
ในสายตาของหยูเจียงนั้นเซี่ยเฟยไม่ต่างไปจากขยะที่ไร้ประโยชน์ ซึ่งถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มเป็นผู้ทำพันธสัญญากับขนอุย ชั่วชีวิตนี้เขาก็อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกับหยูเจียงด้วยซ้ำ
ขนอุยยังคงนอนอยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟยอย่างเกียจคร้าน ซึ่งหลังจากที่มันเหลือบสายตามองไปยังแขกผู้มาใหม่เล็กน้อย มันก็กลับไปนอนหลับสนิทเหมือนเดิมราวกับมันไม่สนใจอะไรนอกจากอาหารและเซี่ยเฟย
‘นั่นมันมารขาวแน่นอน! สมแล้วที่มันได้รับขนานนามว่าอสูรทำลายดาว เพราะแม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถดึงดูดความสนใจของมันได้’ หยูเจียงพูดกับตัวเองภายในใจด้วยความตื่นเต้น
“แอ๊แอ่ม! เซี่ยเฟยฉันได้ยินมาจากหยูฮัวว่านายสัมผัสได้ถึงกฎแห่งมิติโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างที่นายกำลังเลื่อนระดับใช่ไหม?” หยูเจียงกล่าวถามหลังจากจงใจส่งเสียงกระแอมออกมา 2 ครั้ง
“ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผู้อาวุโสหยูฮัวได้กล่าวเอาไว้เลยครับ ผมบังเอิญได้สัมผัสถึงกฎแห่งมิติในช่วงเวลาสั้น ๆ จริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความเคารพ
หยูเจียงพยักหน้าเล็กน้อยและถามถึงความรู้สึกของชายหนุ่มในช่วงเวลานั้น ซึ่งเซี่ยเฟยก็ตอบคำถามทั้งหมดได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่มีร่องรอยของความโกหกอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย
‘น่าเสียดายจริง ๆ ที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูล’ หยูเจียงคิดภายในใจอย่างเสียดาย
อย่างไรก็ตามครั้งนี้หยูเจียงก็เดินทางมาเพื่อเรื่องของขนอุยโดยเฉพาะ ดังนั้นหลังจากที่เขาพูดคุยกับเซี่ยเฟยเป็นพิธีเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับชายหนุ่มคนนี้อีก
ท้ายที่สุดยิ่งเซี่ยเฟยไร้ประโยชน์มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์สำหรับตระกูลหยูมากขึ้นเท่านั้น เพราะเซี่ยเฟยจะต้องสำนึกบุญคุณที่ตระกูลหยูได้หยิบยื่นโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับเขา
แต่ในระหว่างที่หยูเจียงกำลังจะพูดคุยเกี่ยวกับการพาเซี่ยเฟยและขนอุยไปยังตระกูลหยูนั่นเอง จู่ ๆ ระบบเรดาร์ของเบโอเนทก็ส่งเสียงสัญญาณเตือนสีแดงออกมาเสียงดัง
***************