1027 - เย่เหยากง(จอมอสูรเย่)
1027 - เย่เหยากง(จอมอสูรเย่)
สถานที่จัดงานค่อนข้างสงบ เมฆลอยอยู่ใต้เมฆสีดอกกุหลาบ นกกระเรียนกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ยาโบราณมีกลิ่นหอม และถ้ำที่อยู่ด้านในสุดก็ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม
มีบุคคลรูปร่างใหญ่โตมากมายจากทุกทิศทุกทาง ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่บางคน และผู้บ่มเพาะที่เคยมีชื่อเสียงในอดีตเมื่อหลายพันปีก่อนล้วนนำทายาทของพวกเขามาที่นี่
เย่ฟานเดินมาพร้อมกับเด็กอายุห้าขวบ ซึ่งสะดุดตาเป็นอย่างมาก และทำให้ผู้คนมากมายให้ความสนใจพวกเขาทันที
ไม่ไกลนักอสูรวัวที่ถูกอสูรเฒ่าลากออกไป เหงื่อแตกพลั่กและกล่าวว่า
“เขาคือผู้ที่รอดพ้นจากดวงตาทะเล โก่งคันเกาทัณฑ์และยิงองค์ชายอีกาทองห้าคนเสียชีวิตในวันเดียว?”
เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่ผู้ฝึกฝนเผ่าอสูรทุกคนในทะเลเหนือระมัดระวังตัวมากเพราะกลัวว่าจะเดินไปชนเทพสังหารผู้ยิ่งใหญ่โดยไม่เจตนา
เย่ฟ่านจับมือเด็กและเดินเข้าไปในสถานที่จัดงาน หลายคนประหลาดใจ ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักเขา ดังนั้นหลายคนจึงเกิดความสงสัยว่าเจ้าหนุ่มบ้านนอกคนนี้มาจากที่ไหน
เย่ฟ่านพาเด็กน้อยเดินไปยังโต๊ะอาหารโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง
“คนนี้ใครกัน เขาไม่เข้าใจกฎเขาพาเด็กมาดื่มกินโดยเสียมารยาท นี่เป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง”
ไม่ไกลนักเสียงที่เย็นชาดังขึ้น ชายหนุ่มที่สวมชุดผ้าทอ 5 สีเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
มีผู้คนมากมายเข้าและออกจากเกาะ เมฆหลากสีไหลอยู่ใต้ฝ่าเท้าของผู้คน เสียงเพลงกระหึ่ม นางระบำมากมายที่กำลังร่ายรำให้ความบันเทิงแก่แขกเหรื่อล้วนหยุดความเคลื่อนไหวเพราะการปรากฏตัวของชายหนุ่ม
“ปรมาจารย์ศักสิทธิ์ซวนกุ้ยบอกว่าเด็กไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเจ้าไม่รู้มารยาทหรือ?”
เย่ฟานหันไปมองผู้คนที่อยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย แน่นอนว่าทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นผู้คนก็หลีกหนีไปจนหมดสิ้น ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามาบอกกฎของสถานที่แห่งนี้แก่เย่ฟ่าน
อย่างไรก็ตามต่อให้มีใครมาบอกจริงๆ เย่ฟ่านก็ไม่คิดจะฟังอยู่แล้ว
“ไม่ ไม่มีใครมาบอกอะไรข้า” เย่ฟ่านพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะไปอวยพรให้แก่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ซวนกุ้ยด้วยตัวเอง หากเขาไม่ต้อนรับข้า ข้าจะพาเด็กจากไปทันที”
ผู้นำของกลุ่มอสูรที่รู้จักตัวตนของเย่ฟ่านพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว และสั่งให้ใครบางคนชักนำเย่ฟ่านเข้าไปข้างในด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
อีกด้านหนึ่งนายน้อยจินเป่ยอารมณ์เสียมาก เขาไม่คาดคิดว่าเย่ฟ่านจะเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาโดยสิ้นเชิง
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปข้างในได้ มีเพียงปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่ก็ตัวแทนของมหาอำนาจเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปอวยพรปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ซวนกุ้ย แล้วดูเด็กของเจ้าสิ เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไม่แตกต่างอะไรจากขอทาน เจ้าก็คงไม่มีสถานะแตกต่างกันมากนัก”
เมื่อเย่ฟ่านได้ยินคำพูดที่ไม่สำคัญเช่นนั้น เขาก็หยุดฝีเท้าและหันกลับมามองอย่างเย็นชา
“เจ้าของที่นี่ไม่ได้กล่าวอะไรเลย แล้วเจ้าเป็นใคร? ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า”
“เจ้า…”
นายน้อยจินเป่ยหุบพัดในมือและก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธ
“ข้าเป็นทายาทของปรมาจารย์ศักสิทธิ์ซวนกุ้ยข้าคิดว่าเจ้าควรเรียนรู้กฎของเกาะอสูรเรา”
ในขณะนี้เขาไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ยืนปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าได้ รอยยิ้มของเขามีความเย้ยหยันหยั่งถึงที่สุด
เย่ฟ่านมีสีหน้าเรียบเฉยเขานำตงตงเดินไปข้างหน้า และทุกฝีก้าวของเขาจะมีอักขระเต๋าสีทองปรากฏขึ้นบนพื้น
สีหน้าของนายน้อยจินเป่ยเปลี่ยนไปอย่างกระทันนั้น ในฐานะผู้สืบทอดถ้ำโบราณในเป่ยไห่(ทะเลเหนือ) เขาเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าเขาอย่างเทียบไม่ติด
ทุกย่างก้าวของเย่ฟ่านนั้นอ่อนโยนมาก แต่ทุกอักขระเต๋าที่เป็นมงคลนั้นกวาดออกไปรอบทิศทางทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“เขาคือใคร เป็นไปได้ไหมว่า…”
นายน้อยจินเป่ยรู้สึกหนาวสั่นในใจ เขาพอจะมองเห็นแล้วว่าเย่ฟ่านที่มาพร้อมกับเด็กชายตัวน้อยเป็นใครกันแน่
ในขณะนี้อักขระเต๋าได้คุกคามเข้าหานายน้อยจินเป่ยแล้วมันทำให้หูของเขามีเสียงสายฟ้าคำรามดังกึกก้อง!
เขารู้สึกเหมือนมียักษ์ที่สูงเสียดฟ้ากำลังเหยียบย่ำเขาจนบี้แบน เสียงฝีเท้านี้เหมือนคำสาปแห่งสวรรค์ที่พร้อมจะบดขยี้ร่างของเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ
เพียงความกดดันที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยออกมามันก็ทำให้เส้นเลือดของเขาปูดโปนจนแทบจะระเบิดแล้ว
เขาอยากจะเดินออกไป แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะนั่นจะเป็นการทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของตัวเอง และนับจากวันนี้เป็นต้นไปเขาคงไม่อาจประสบความสำเร็จได้อีกแล้วในชีวิตนี้
“บูม”
เย่ฟ่านก้าวสุดท้ายและทำให้นายน้อยจินเป่ยกระอักเลือดคำใหญ่ ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปทางด้านหลังราวกับฟางแห้ง
ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก เย่ฟ่านจับมือเด็กวัยห้าขวบเดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่น ด้วยความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดคนหนึ่งกลับกลายเป็นเพียงเศษสวะที่ไม่มีนัยยะอะไร
นี่คือตัวตนของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งผสานตัวเองเข้ากับธรรมชาติของสวรรค์และพิภพ เพียงการขยับตัวอย่างแผ่วเบาของเย่ฟ่าน เต๋าที่แฝงอยู่ในร่างกายของเขาก็แผ่ซ่านออกมาข้างนอกให้เห็นอย่างชัดเจน
“ปรมาจารย์ศักสิทธิ์จินเป่ย!”
หลังจากที่เย่ฟ่านเดินจากไปก็มีผู้คนมากมายรีบเข้าไปประคองนายน้อยจินเป่ย
“เจ้ารังแกข้ามากเกินไปแล้ว หากไม่แก้แค้นข้าจินเป่ยไม่ขอมีชีวิตอยู่...” จอมอสูรหนุ่มนามจินเป่ยกัดฟัน
“หุบปาก!”
มีคนรีบเดินเข้ามาและกระซิบเขายางแผ่วเบา “แม้ว่าเจ้าเป็นจ้าวแห่งอสูรก็ยังต้องก้มหัวให้เขา นับประสาอะไรกับคนอย่างเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นใคร เขาคือผู้ที่รอดพ้นจากกับดักในดวงตาแห่งทะเลเหนือ เจ้าเทียบเขาได้หรือ?”
“อะไรนะ เป็นเขาจริงๆ ...” ใบหน้าของจอมอสูรจินเป่ยซีดขาว และเขาตกตะลึงจนไม่กล้าลุกขึ้นยืน
คนที่แข็งแกร่งกว่าร้อยคนของเผ่าอีกาทองถูกฆ่าตายโดยคนๆ เดียว ว่ากันว่าความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาในตอนนั้นต่อให้เป็นครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ไม่อาจต้านทานได้ถึงสิบกระบวนท่า
ตอนนี้ผู้บ่มเพาะจำนวนมากในเป่ยไห่กลัวมาก ไม่มีใครกล้าขัดแย้งกับฆาตกรผู้น่าสะพรึงกลัวนี้
เย่ฟ่านพาเด็กอายุห้าขวบเดินขึ้นไปบนบันไดเพื่อเข้าสู่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านในสุด
วันเกิดของปรมาจารย์ซวนกุ้ยซึ่งมีอายุครบสามพันหกร้อยปีเป็นหนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทุ่งดวงดาวโบราณจื่อเว่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้านหลังโต๊ะแต่ละละตัวผู้ที่นั่งอยู่ล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงทั้งสิ้น เมื่อเย่ฟ่านมาถึง หลายคนประหลาดใจเพราะพวกเขารู้จักตัวตนของเขาเป็นอย่างดี
ชายชราหลังค่อมคนหนึ่งรีบลุกขึ้นยืนและแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมกับกล่าวว่า
“วีรบุรุษน้อยโปรดนั่งตรงนี้แทนเราผู้เฒ่า”
อสูรโบราณที่มีอายุยืนยาวหลายพันปีต่างรีบลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่าน ในตอนนี้สถานะของเย่ฟ่านไม่แตกต่างจากผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นทุกคนจำเป็นต้องให้เกียรติเขา
“คำนับปรมาจารย์อสูรผู้เฒ่า”
เย่ฟานทำความเคารพอสูรโบราณที่ลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพเขา สำหรับเย่ฟ่านเมื่อผู้อื่นให้ความเคารพต่อเขาหนึ่งศอก เขาก็ให้ความเคารพต่อผู้อื่นหนึ่งวาเช่นกัน
“นี่คือบุคคลที่หลบหนีจากดวงตาแห่งทะเลเหนือ เขากวาดล้างปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เผ่าอีกาทองนับร้อยด้วยการเคลื่อนไหวไม่กี่กระบวนท่า
“อา เขาฆ่าคนมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร”
ผู้คนกระซิบ เย่ฟานเพิ่งปรากฏตัวขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แต่ความสำเร็จของเขาไม่ต้องสงสัยอะไรว่าได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งสวรรค์พิภพไปแล้ว
“เย่เหยากง(จอมอสูรเย่)ที่ทำให้โลกทั้งใบปั่นป่วน ความแข็งแกร่งของเขาน่าทึ่งอย่างยิ่ง”
ในขณะนี้ครึ่งเซียนซึ่งเป็นตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆล้วนเข้ามาทักเย่ฟ่านด้วยไมตรีจิต ต่อให้เย่ฟ่านเป็นศัตรูกับอีกาทองและวังโบราณไป๋จิง ผู้คนเหล่านี้ก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด สิ่งที่พวกเขาต้องการมีเพียงผลประโยชน์สูงสุดเท่านั้น
“ตั้งแต่สมัยโบราณวีรบุรุษล้วนเกิดจากคนหนุ่ม มาขอให้เราผู้เฒ่าได้ดื่มแก่สหายน้อยเย่สักครั้ง”
ผลลัพธ์การต่อสู้ของเย่ฟ่านและเผ่าอีกาทองได้สั่นสะเทือนทั้งสวรรค์พิภพ เพียงความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาก็สามารถทำให้เขาทะยานขึ้นกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริวารคอยติดตามแต่อย่างใด
…………….