บทที่ 335 – ได้พบกับอาจารย์อีกครั้ง
เหล่าบรรดานายทหารระดับสูงเกือบทั้งหมดพากันตกตะลึง ที่เห็นผมคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน พวกเขาส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าผมนั้นมาจากอาณาจักรอ้ายเซี่ย แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ถึงความเป็นมาของผมอย่างชัดเจน
อาจารย์ชราทั้ง 2 คนพากันเดินเข้ามาใกล้ ๆ ทั้งคู่ไม่ได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนัก โดยเฉพาะอาจารย์ตี้เดินก้าวยาวเข้ามาพร้อมกับน้ำตาที่เต็มใบหน้า หัวใจของผมสั่นไปตามการก้าวเท้าของอาจารย์ทั้งสองแล้ว “อาจารย์ครับ..ผม.. ผม..”
อาจารย์ตี้ก้าวเข้ามาถึงตัวผม ค่อย ๆ ยื่นมืออันเหี่ยวย่นของเขาออกมาลูบอยู่ที่หัวของผมอย่างอ่อนโยน “เด็กเอ๋ย อาจารย์นึกว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว”
คำกล่าวสั้น ๆ นั้นทำให้ผมสะเทือนใจเป็นอย่างมา ‘ใช่แล้ว ในที่สุดฉันก็มีโอกาสกลับมาหาท่านอาจารย์ได้อีกครั้งจนได้’
ผมต้องใช้เวลานานไม่น้อยทีเดียว กว่าที่จะทำจิตใจของตัวเองให้สงบลงได้ โดยที่ยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ผมเริ่มกล่าวถามออกไป “อาจารย์ครับ หลายปีมานี้อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เขาพยักหน้าให้ผมอย่างช้า ๆ น้ำตายังคงเต็มหน้าอยู่เหมือนเดิม และเป็นอาจารย์เจิ้นที่เอ่ยออกมาแทน “จะเป็นอย่างไรได้? ต้องโทษเจ้านั่นแหละ เจ้าเฒ่าเหล่าหลุนนี่ไม่เคยอยู่ได้อย่างสบายใจเลย ตั้งแต่เจ้าหายตัวไป เจ้าเฒ่านี้เอาแต่มาคลุกอยู่กับข้าทุกวัน ไม่มีแม้แต่กะจิตกะใจจะทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ในฐานะลูกศิษย์แล้ว เจ้าถือว่าทำตัวได้แย่มากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีข่าวที่เจ้าทำตัวเป็นคนกลางในการเจรจาสงบศึกระหว่าง 3 เผ่าพันธุ์จนสำเร็จ เขาก็คงจะไม่สบายใจได้อย่างนี้หรอก และยังคราวนี้อีก เจ้าหายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง แถมยังหายไปตั้ง 2 ปี กว่าจะกลับมาได้”
อาจารย์ตี้หันไปมองหน้าสหายของเขา เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีกแล้ว ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เด็กเอ๋ย ลุกขึ้นมาให้อาจารย์ดูให้เต็มตาหน่อย ว่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” แล้วค่อยพยุงให้ผมลุกขึ้น มือของเขายังเต็มไปด้วยความอบอุ่นเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด “อาจารย์ครับ” ผมกล่าวออกมาได้เพียงแค่นั้นจริง ๆ
“จางกงเอ๋ย เจ้าไม่ได้ทำให้อาจารย์ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เวทย์ที่เกิดนอกป้อมนั่น เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่? บอกอาจารย์มา เจ้าสามารถบรรลุระดับมหาเมธีเวทย์ในตำนานได้แล้วใช่มั้ย?”
ผมพยักหน้าให้เขา “ครับอาจารย์ ผมทำได้แล้ว”
อาจารย์ตี้ยืดตัวตรงขึ้นอย่างตื่นเต้น ส่งเสียงหัวเราะดังก้องออกมา เสียงของมันก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า “เยี่ยม! เยี่ยม! ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ สมกับที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ หลังจากที่ตั้งใจสั่งสอนมาหลายปี ในที่สุดความตั้งใจสูงสุดของอาจารย์ เจ้าก็ทำได้สำเร็จแล้ว เด็กดี เจ้านี่เป็นเด็กดีจริง ๆ เป็นลูกศิษย์ที่ดีจริง ๆ”
เมื่อเห็นอาจารย์ตี้ดีใจมากขนาดนั้น อาจารย์เจิ้นก็ยิ้มออกมาด้วยอีกคน พร้อมกับถอนหายใจยาว แล้วแกล้งบ่น “เหล่าหลุน ในที่สุดผลการทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลานานก็ประสบความสำเร็จจนได้เสียทีนะ ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริง ๆ”
อาจารย์ตี้ยิ้มกว้าง “มีอะไรให้น่าอิจฉากัน? ไม่ใช่ว่าเขาก็เป็นลูกศิษย์เจ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? เวทย์มิติที่เขาใช้อยู่ก็ได้รับการสั่งสอนมาจากเจ้า จะไม่นับว่าเป็นลูกศิษย์ของเจ้าด้วยได้อย่างไร?”
ผมรีบตามน้ำไปอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วครับ อาจารย์เจิ้น ถ้าไม่ได้อาจารย์ช่วยสั่งสอน ผมคงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ได้หรอกครับ”
อาจารย์เจิ้นยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วเปลี่ยนเรื่องออกมา “จางกง! ทำไมเจ้าถึงต้องสวมหน้ากากด้วยล่ะ? ไม่ลองถอดออกมาให้ดูหน่อยเถอะ หรือว่าใส่ไว้เพราะหน้าเสียโฉมไปมากจริง ๆ?”
ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ “ถูกแล้วครับ ตอนนี้หน้าตาของผมเสียโฉมจนกลายเป็นน่าเกลียดน่ากลัวไปแล้วครับ” ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยินเรื่องที่ผมเสียโฉมมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน ผมเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเผ่าปีศาจให้พวกเขาได้ฟังทั้งหมด เหล่าบรรดาทหารระดับสูงของกองทัพอาณาจักรทั้ง 3 เลยได้มีโอกาสฟังเรื่องราวดังกล่าวไปด้วยพร้อมกัน
อาจารย์เจิ้นกล่าวออกมาหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมดจบลง “ไม่เป็นไรหรอก ถึงเจ้าจะเสียโฉมไปยังไง ก็ยังเป็นของพวกข้าอยู่ดี ลองถอดหน้ากากออกมาดูหน่อย ให้ข้าลองดูว่าจักรพรรดิปีศาจทำร้ายเจ้าหนักแต่ไหน?”
ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ถอดหน้ากากออกให้เขาดู และมันก็สร้างความตกตะลึงให้กับคนที่อยู่บนกำแพงของป้อมปราการทั้งหมดโดยทั่วหน้ากัน
.............
ตงรื่อเหาะนำผมเข้าไปในป้อมปราการ หลังจากที่ได้เจอกับอาจารย์ที่ไม่ได้พบมานาน อารมณ์ของผมนั้นก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ผมบอกลาพวกเขาทั้ง 2 คน สวมหน้ากากของเทพเหมันต์เอาไว้บนใบหน้าอย่างเดิม และบอกให้ตงรื่อนำทางไปพบกันพี่น้องที่กำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอยู่ แต่เพื่อเป็นการป้องกันเผ่ามารจะทำการโจมตีเข้ามาอีกครั้ง ผมทิ้งให้เสี่ยวจินกับเสี่ยวโร่วคอยดูแลอยู่ที่กำแพงเมืองนั้นอีกแรงหนึ่ง
ผมต้องรีบตรวจสอบอาการของทุกคนให้เร็วที่สุด จากคำบอกเล่าของตงรื่อ ดูเหมือนว่าทุกคนจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเลยทีเดียว และถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาจะไม่มีทางผสานเข้ากับเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ที่เล่ยมี่เจียมอบให้ไว้ได้แน่ แล้วถ้าพลังของผู้สืบทอดแห่งเทพเจ้าทุกคนไม่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม คงไม่มีทางสามารถรับมือกับราชามารที่กำลังจะคืนชีพกลับมาได้แน่
“ตงรื่อ ฉันได้ยินมาจากเสี่ยวจินว่าเผ่ามังกรน่าจะมาถึงป้อมปราการแล้ว ในเมื่อมีพวกเขาคอยช่วยเหลืออยู่ ทำไมพวกเราถึงยังได้สูญเสียมากถึงขนาดนี้ได้อีกล่ะ?”
ตงรื่อส่ายศีรษะออกมา “เผ่ามังกรไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย จะให้ความช่วยเหลือได้อย่างไร? ถ้าพ่อของเสี่ยวจินอยู่ที่นี่จริง ๆ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวสามมหามารเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าสามมหามารนั่น ทรงพลังสมกับชื่อเสียงของพวกเขาจริง ๆ ขนาดพวกเรารวมพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์เข้าด้วยกันแล้ว ยังไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้เลย เพื่อช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ ผู้อาวุโสที่สาม กับผู้อาวุโสที่สี่ ถึงกับต้องยอมสละชีวิตของตัวเองออกไปเลย” เมื่อต้องกล่าวถึงผู้อาวุโสทั้งสองที่เสียชีวิตไปอีกครั้ง สีหน้าของตงรื่อก็มืดมนลงไปไม่น้อย
ผมได้แต่ถอนหายใจ “เหล่าผู้อาวุโสได้ช่วยเหลือพวกเราเอาไว้มากจริง ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงกับต้องให้พวกเขาสละชีวิตเพื่อช่วยโลกนี้ด้วย แต่เผ่ามังกรน่าจะมาถึงที่นี่แล้วสิ เสียวจินบอกว่าพวกเขาตามมาที่นี่ หลังจากที่พวกนายยกกำลังออกมาไม่นาน หรือว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของพวกเขา?” ความแข็งแกร่งของเผ่ามังกร นั้นมีประโยชน์ต่อการทำสงครามกับเผ่ามารมาก ถ้าไม่มีพวกเขา ความสูญเสียของเราจะต้องเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย ต่อให้ผมสืบทอดพลังของเทพเจ้ามาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ยังไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าจะรับมือกับพวกเขาได้ แต่ทำไม? เผ่ามังกรถึงไม่ปรากฏตัวออกมา?
“ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ยังไม่ปรากฏตัว? จางกง! ตอนนี้นายมีความมั่นใจในการรับมือกับราชามารมากแค่ไหนแล้ว?”
สีหน้าของผมนั่นไม่มั่นใจเท่าไรนัก “ถ้ามั่นใจมาก ก็คงจะไม่กังวลอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้หรอก นายก็น่าจะเห็นกับตาตัวเองแล้ว ขนาดพลังของฉันสูงขึ้นมากขนาดนี้ ยังไม่สามารถจะจัดการกับสามมหามารได้เลย ความแข็งแกร่งของราชามารน่าจะสูงกว่าพวกเขาไปอีกมาก เพราะแม้แต่ราชาเทพก็ยังไม่สามารถจัดการกับเขาได้เลยนะ! ฉันจะไปมั่นใจได้อย่างไร?”
“อยู่ตรงนี้จางกง! พวกเรามาถึงแล้ว” ตงรื่อร่อนลงหน้าบ้านใหญ่หลังหนึ่ง “พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ ถ้าทุกคนรู้ว่านายกลับมาแล้ว จะต้องดีใจกันอย่างมากแน่นอน”
เมื่อคิดว่าจะได้พบหน้ากับทุกคนที่ไม่ได้เจอกันมานานอีกครั้ง หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเมื่อคิดได้ว่า กำลังจะพบหน้ากับมู่จือและไหสุ่ยอีกครั้งแล้ว