ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 399 หอกกับโล่ (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 399 หอกกับโล่ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
แสงสว่างทำให้ศิษย์นิกายเถาองุ่นเขียวปิดเปลือกตาลง พวกเขาโอดครวญอยู่ภายใน อีกกี่ครั้งกว่าเขาจะพอใจ? สองครั้งแรกเขามาคนเดียว แต่ครั้งนี้เขากระทั่งนำเรือรบมาด้วย!
สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป ข้าไม่สามารถเป็นศิษย์นิกายเถาองุ่นเขียนได้อีก แต่ข้ายังมีโอกาสหรือไม่?
หลี่ฉิงซานพอใจมากกับพลังอำนาจของเรือเหาะมังกรทะยาน เขายกนิ้วให้ชิวไห่ถัง “เด็กดี!”
ชิวไห่ถังไม่แม้แต่จะสบตากับเขา นางเล่นพวงมาลัยเรือจิ๋วในมือและยิงลำแสงออกไปมากขึ้น
บนหน้าจอแสดงภาพสามมิติ ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว
ลำแสงตกกระทบสิ่งกีดขวาง พวกมันบิดเบี้ยวก่อนจะสลายตัวเป็นอนุภาพเล็กๆล่องลอยไปทั่วเหมือนพายุหิมะ
ค่ายกลแตกสลายถูกจัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษโดยฟู่ชิงยินจากวังหลอมรวมดาบ ผู้ใดก็ตามที่พยายามฝ่าเข้าไปจะถูกบดขยี้เป็นผุยผง มันถูกเตรียมไว้เพื่อหลี่ฉิงซานโดยเฉพาะ
“เจ้าเห็นหรือไม่? ปีศาจที่น่าสมเพช เจ้าเข้ามาที่นี่ไม่ได้!” ผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวกางแขนออกและหัวเราะเย้ยหยันขึ้นสู่ท้องฟ้า ขนบนใบหน้าของเขาเต้นไปมาทำให้เขาดูเหมือนบ้าคลั่งเล็กน้อย
อวี๋ฉูกวงปิดเปลือกตาลง เขาไม่มีอารมณ์ชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามและหายากที่อยู่ตรงหน้า ศิษย์คนอื่นๆของนิกายเถาองุ่นเขียวก็เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดรีบหลบหนีลงจากภูเขาอีกครั้ง
ยอดเขาและหัวเรืออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดวงตาสีแดงของหลี่ฉิงซานสบกับดวงตาสีเขียวของผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียว
“ยิงต่อไป! ข้าอยากเห็นว่ามันจะอยู่ได้นานเท่าใด!” หลี่ฉิงซานสะบัดธงขนาดใหญ่ในมือขวาและชี้นิ้วซ้ายออกไป
โดยไม่ต้องรอคำสั่งของเขา เรือเหาะมังกรทะยานยิงปืนใหญ่ออกไปอย่างเต็มกำลัง
แสงจันทร์ช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับเรือเหาะมังกรทะยานในค่ำคืนที่มืดมิด มันเหมือนนักแสดงหลักของค่ำคืนนี้ที่คำรามอย่างสาแก่ใจอยู่บนเวที
ที่ใจกลางของเรือ เตาปฏิกรณ์ทำงานอย่างหนัก มันเหมือนหัวใจดวงใหญ่ที่เต้นรัวอย่างรวดเร็วและส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายของมัน นั่นทำให้เรือเหาะดูเหมือนมังกรแสงบินผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมกับเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัว
อย่างไรก็ตามค่ายกลแตกสลายยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มันปล่อยให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่เพียงพอจะกวาดล้างภูเขาเถาองุ่นเขียวทั้งหมดก่อนจะที่มันจะกลายเป็นละอองฝนร่วงหล่นลงไป
“ไร้ประโยชน์ การโจมตีทั้งหมดของเจ้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล! เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะผ่านเข้ามา!” ผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียนวลอบติดต่อฟู่ชิงยินอย่างลับๆขณะที่เขาล้อเลียนหลี่ฉิงซานเสียงดัง
“ไม่จำเป็น!” หลี่ฉิงซานสังเกตเห็นเช่นกัน จนถึงตอนนี้ค่ายกลแตกสลายยังไม่ส่งสัญญาณของการอ่อนแอลง เขารู้ว่าผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวกล่าวถูก
อย่างไรก็ตามความเร็วในการสลายลำแสงของมันก็ช้าลงเช่นกัน เขาเชื่อว่าไม่มีค่ายกลใดที่ไร้ขีดจำกัด
หนึ่งคือค่ายกลป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของวังหลอมรวมดาบจากมณฑลชิงโจว อีกหนึ่งคือการตกผลึกทางภูมิปัญญาและความสามารถของนิกายม่อจื้อซึ่งเป็นเครื่องจักรสงครามขั้นสูงสุด เมื่อหอกที่สามารถทะลวงทุกสิ่งพบกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่างเผชิญหน้ากัน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย
คนสองคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลี่ฉิงซานกับผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวทำได้เพียงเฝ้าดูด้วยความกระตือรือรั้นและคาดหวัง
“เอาสุรามาให้ข้า!” หลี่ฉิงซานนั่งลงและตะโกนเสียงดัง
…..
ในคฤหาสน์ตระกูลฮัว การแข่งขันรอบที่สองของหลี่ฉิงซานกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ
ไม่มีผู้ใดส่งเสียง พวกเขาทำเพียงสบตากันอย่างเงียบๆเพราะไม่สามารถบอกได้ว่าฝ่ายใดเหนือกว่าในเวลานี้
ใบหน้าของม่านหรูบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าพลังปราณเมฆากุหลาบของนางจะมีมากมายเพียงใด มันก็ยังมีขีดจำกัด ต่อหน้านาง หลี่ฉิงซานดูเหมือนหลุมลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ไม่ว่านางจะส่งพลังปราณเข้าไปในร่างของเขามากเพียงใด นางก็ไม่สามารถเติมเต็มเขาได้
และตราบเท่าที่พลังปราณของนางอ่อนแอลง พลังปราณธาตุน้ำของหลี่ฉิงซานก็จะทะลักเข้ามาทันที ดังนั้นนางจึงไม่สามารถหยุด อันตรายจากการปะทะกันด้วยพลังปราณค่อยๆปรากฎขึ้น คมเขี้ยวของมันกำลังพุ่งเข้าหานาง
นางปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งคุณภาพและปริมาณของพลังปราณ หลี่ฉิงซานด้อยกว่านางอย่างชัดเจน เขาใช้วิธีการพิเศษบางอย่างจัดการพลังปราณแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายของเขา นางเชื่อว่าตราบเท่าที่นางอดทนต่อไป หลี่ฉิงซานจะต้องยอมแพ้
ในที่สุดนางก็รู้สึกเสียใจเมื่อนางหมดแรง แต่ตอนนี้นางไม่สามารถพูดได้และไม่สามารถยอมแพ้ มิฉะนั้นพลังปราณของหลี่ฉิงซานจะบุกรุกเข้าสู่ร่างของนางและทำลายนาง
ในชั่วพริบตาพลังปราณธาตุน้ำของหลี่ฉิงซานก็ไหลผ่านฝ่ามือไปถึงตันเถียนของนาง ตราบเท่าที่หลี่ฉิงซานต้องการ เขาสามารถทำลายเส้นลมปราณที่อ่อนแอของนางได้อย่างง่ายดาย
ผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดสามารถบอกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาต้องการสอดมือเข้าไปแต่ถูกหยุดโดยฮัวเฉิงซานซึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ก่อนที่ท่านจะสามารถขับไล่พลังปราณออกจากร่างของนาง พลังปราณที่สูญเสียการควบคุมก็จะระเบิดร่างนางไปแล้ว” จากนั้นเขาก็กล่าวกับหลี่ฉิงซาน “ฉิงซาน พอแล้ว”
นั่นทำให้สติของหลี่ฉิงซานกลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าของม่านหรูที่กลายเป็นซีดเผือด ดวงตาของนางราวกับกำลังขอร้องเขาจากส่วนลึกของหัวใจ นั่นทำให้นางดูน่าสงสารมาก
หลี่ฉิงซานยิ้มและค่อยๆถอนพลังปราณของเขากลับ
“ข้าแพ้แล้ว” ม่านหรูเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางกัดริมฝีปากขณะที่นางยอมรับความพ่ายแพ้อย่างแผ่วเบา นางรู้สึกมึนงง พลังปราณของนางหมดแล้ว เสียงของนางก็อ่อนแรงมาก นางมองหลี่ฉิงซานด้วยความโกรธและความเศร้า
เสียงโห่ร้องดังสนั่นจากด้านหลังของหลี่ฉิงซาน ศิษย์สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์มองเขาด้วยความอิจฉาและชื่นชม เขายื่นมือออกไปคว้าเหยือกสุราขึ้นมาดื่มจนหมด ในเวลาเดียวกันชิวไห่ถังก็นำเหยือกสุรามาให้เขาบนหัวเรือมังกรทะยาน
ความรู้สึกของสุราที่ไหลลงท้องจากสองแห่งพร้อมกันทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่และพอใจมาก ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการดื่มสุราและต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลัง นอกจากนั้นความรู้สึกนี้ยังเพิ่มเป็นสองเท่าซึ่งทำให้เขาพอใจมากขึ้นไปอีก
“ผู้ใดอีก?”
ชั้นบน เหล่าผู้นำของสำนักศึกษาพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข ขณะที่ผู้นำนิกายต่างๆแสดงออกอย่างเคร่งขรึม พวกเขาชมการแข่งขันที่ชั้นล่างเช่นกัน ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์พลังปราณสามารถแสดงให้เห็นถึงโอกาสและอนาคตของกองกำลัง การแข่งขันเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมส์ธรรมดา
หวังฝูซื่อดื่มอย่างเต็มที่ แม้ปากของเด็กหนุ่มจะเก่งเป็นพิเศษในการทำให้ผู้อื่นโกรธ แต่เขาก็รู้วิธีเอาชนะและนำความรุ่งโรจน์มาให้กองกำลัง
ฟู่ชิงยินยืนดื่มอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าของเขาค่อนข้างมืดมน บรรยากาศที่ครึกครื้นเช่นนี้ไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่น้อย
เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาขมวดคิ้วและหยิบเครื่องประดับหยกชิ้นหนึ่งออกมา เสียงที่ลนลานของผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวดังขึ้น
“นายท่าน ปีศาจมาแล้ว! ตอนนี้มันกำลังโจมตีภูเขาเถาองุ่นเขียว!”
“เหตุใดต้องตื่นตระหนก? ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถผ่านค่ายกลแตกสลายเข้าไปได้” ฟู่ชิงยินกล่าวอย่างช้าๆ ปีศาจอาจส่งร่างแยกมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบค่ายกล ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเข้าไปยุ่ง
“แต่...เขานำเรือเหาะมังกรทะยานมาด้วย!”