ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 398 เพื่อนสาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 400 แล่นผ่านสายลมทำลายเถาองุ่นเขียว

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 399 หอกกับโล่ (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 399 หอกกับโล่ (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

แสงสว่างทำให้ศิษย์นิกายเถาองุ่นเขียวปิดเปลือกตาลง พวกเขาโอดครวญอยู่ภายใน อีกกี่ครั้งกว่าเขาจะพอใจ? สองครั้งแรกเขามาคนเดียว แต่ครั้งนี้เขากระทั่งนำเรือรบมาด้วย!

สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป ข้าไม่สามารถเป็นศิษย์นิกายเถาองุ่นเขียนได้อีก แต่ข้ายังมีโอกาสหรือไม่?

หลี่ฉิงซานพอใจมากกับพลังอำนาจของเรือเหาะมังกรทะยาน เขายกนิ้วให้ชิวไห่ถัง “เด็กดี!”

ชิวไห่ถังไม่แม้แต่จะสบตากับเขา นางเล่นพวงมาลัยเรือจิ๋วในมือและยิงลำแสงออกไปมากขึ้น

บนหน้าจอแสดงภาพสามมิติ ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว

ลำแสงตกกระทบสิ่งกีดขวาง พวกมันบิดเบี้ยวก่อนจะสลายตัวเป็นอนุภาพเล็กๆล่องลอยไปทั่วเหมือนพายุหิมะ

ค่ายกลแตกสลายถูกจัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษโดยฟู่ชิงยินจากวังหลอมรวมดาบ ผู้ใดก็ตามที่พยายามฝ่าเข้าไปจะถูกบดขยี้เป็นผุยผง มันถูกเตรียมไว้เพื่อหลี่ฉิงซานโดยเฉพาะ

“เจ้าเห็นหรือไม่? ปีศาจที่น่าสมเพช เจ้าเข้ามาที่นี่ไม่ได้!” ผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวกางแขนออกและหัวเราะเย้ยหยันขึ้นสู่ท้องฟ้า ขนบนใบหน้าของเขาเต้นไปมาทำให้เขาดูเหมือนบ้าคลั่งเล็กน้อย

อวี๋ฉูกวงปิดเปลือกตาลง เขาไม่มีอารมณ์ชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามและหายากที่อยู่ตรงหน้า ศิษย์คนอื่นๆของนิกายเถาองุ่นเขียวก็เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดรีบหลบหนีลงจากภูเขาอีกครั้ง

ยอดเขาและหัวเรืออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดวงตาสีแดงของหลี่ฉิงซานสบกับดวงตาสีเขียวของผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียว

“ยิงต่อไป! ข้าอยากเห็นว่ามันจะอยู่ได้นานเท่าใด!” หลี่ฉิงซานสะบัดธงขนาดใหญ่ในมือขวาและชี้นิ้วซ้ายออกไป

โดยไม่ต้องรอคำสั่งของเขา เรือเหาะมังกรทะยานยิงปืนใหญ่ออกไปอย่างเต็มกำลัง

แสงจันทร์ช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับเรือเหาะมังกรทะยานในค่ำคืนที่มืดมิด มันเหมือนนักแสดงหลักของค่ำคืนนี้ที่คำรามอย่างสาแก่ใจอยู่บนเวที

ที่ใจกลางของเรือ เตาปฏิกรณ์ทำงานอย่างหนัก มันเหมือนหัวใจดวงใหญ่ที่เต้นรัวอย่างรวดเร็วและส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายของมัน นั่นทำให้เรือเหาะดูเหมือนมังกรแสงบินผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมกับเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัว

อย่างไรก็ตามค่ายกลแตกสลายยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มันปล่อยให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่เพียงพอจะกวาดล้างภูเขาเถาองุ่นเขียวทั้งหมดก่อนจะที่มันจะกลายเป็นละอองฝนร่วงหล่นลงไป

“ไร้ประโยชน์ การโจมตีทั้งหมดของเจ้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล! เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะผ่านเข้ามา!” ผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียนวลอบติดต่อฟู่ชิงยินอย่างลับๆขณะที่เขาล้อเลียนหลี่ฉิงซานเสียงดัง

“ไม่จำเป็น!” หลี่ฉิงซานสังเกตเห็นเช่นกัน จนถึงตอนนี้ค่ายกลแตกสลายยังไม่ส่งสัญญาณของการอ่อนแอลง เขารู้ว่าผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวกล่าวถูก

อย่างไรก็ตามความเร็วในการสลายลำแสงของมันก็ช้าลงเช่นกัน เขาเชื่อว่าไม่มีค่ายกลใดที่ไร้ขีดจำกัด

หนึ่งคือค่ายกลป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของวังหลอมรวมดาบจากมณฑลชิงโจว อีกหนึ่งคือการตกผลึกทางภูมิปัญญาและความสามารถของนิกายม่อจื้อซึ่งเป็นเครื่องจักรสงครามขั้นสูงสุด เมื่อหอกที่สามารถทะลวงทุกสิ่งพบกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่างเผชิญหน้ากัน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย

คนสองคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลี่ฉิงซานกับผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวทำได้เพียงเฝ้าดูด้วยความกระตือรือรั้นและคาดหวัง

“เอาสุรามาให้ข้า!” หลี่ฉิงซานนั่งลงและตะโกนเสียงดัง

…..

ในคฤหาสน์ตระกูลฮัว การแข่งขันรอบที่สองของหลี่ฉิงซานกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ

ไม่มีผู้ใดส่งเสียง พวกเขาทำเพียงสบตากันอย่างเงียบๆเพราะไม่สามารถบอกได้ว่าฝ่ายใดเหนือกว่าในเวลานี้

ใบหน้าของม่านหรูบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าพลังปราณเมฆากุหลาบของนางจะมีมากมายเพียงใด มันก็ยังมีขีดจำกัด ต่อหน้านาง หลี่ฉิงซานดูเหมือนหลุมลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ไม่ว่านางจะส่งพลังปราณเข้าไปในร่างของเขามากเพียงใด นางก็ไม่สามารถเติมเต็มเขาได้

และตราบเท่าที่พลังปราณของนางอ่อนแอลง พลังปราณธาตุน้ำของหลี่ฉิงซานก็จะทะลักเข้ามาทันที ดังนั้นนางจึงไม่สามารถหยุด อันตรายจากการปะทะกันด้วยพลังปราณค่อยๆปรากฎขึ้น คมเขี้ยวของมันกำลังพุ่งเข้าหานาง

นางปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งคุณภาพและปริมาณของพลังปราณ หลี่ฉิงซานด้อยกว่านางอย่างชัดเจน เขาใช้วิธีการพิเศษบางอย่างจัดการพลังปราณแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายของเขา นางเชื่อว่าตราบเท่าที่นางอดทนต่อไป หลี่ฉิงซานจะต้องยอมแพ้

ในที่สุดนางก็รู้สึกเสียใจเมื่อนางหมดแรง แต่ตอนนี้นางไม่สามารถพูดได้และไม่สามารถยอมแพ้ มิฉะนั้นพลังปราณของหลี่ฉิงซานจะบุกรุกเข้าสู่ร่างของนางและทำลายนาง

ในชั่วพริบตาพลังปราณธาตุน้ำของหลี่ฉิงซานก็ไหลผ่านฝ่ามือไปถึงตันเถียนของนาง ตราบเท่าที่หลี่ฉิงซานต้องการ เขาสามารถทำลายเส้นลมปราณที่อ่อนแอของนางได้อย่างง่ายดาย

ผู้นำนิกายอาภรณ์สีชาดสามารถบอกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาต้องการสอดมือเข้าไปแต่ถูกหยุดโดยฮัวเฉิงซานซึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ก่อนที่ท่านจะสามารถขับไล่พลังปราณออกจากร่างของนาง พลังปราณที่สูญเสียการควบคุมก็จะระเบิดร่างนางไปแล้ว” จากนั้นเขาก็กล่าวกับหลี่ฉิงซาน “ฉิงซาน พอแล้ว”

นั่นทำให้สติของหลี่ฉิงซานกลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าของม่านหรูที่กลายเป็นซีดเผือด ดวงตาของนางราวกับกำลังขอร้องเขาจากส่วนลึกของหัวใจ นั่นทำให้นางดูน่าสงสารมาก

หลี่ฉิงซานยิ้มและค่อยๆถอนพลังปราณของเขากลับ

“ข้าแพ้แล้ว” ม่านหรูเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางกัดริมฝีปากขณะที่นางยอมรับความพ่ายแพ้อย่างแผ่วเบา นางรู้สึกมึนงง พลังปราณของนางหมดแล้ว เสียงของนางก็อ่อนแรงมาก นางมองหลี่ฉิงซานด้วยความโกรธและความเศร้า

เสียงโห่ร้องดังสนั่นจากด้านหลังของหลี่ฉิงซาน ศิษย์สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์มองเขาด้วยความอิจฉาและชื่นชม เขายื่นมือออกไปคว้าเหยือกสุราขึ้นมาดื่มจนหมด ในเวลาเดียวกันชิวไห่ถังก็นำเหยือกสุรามาให้เขาบนหัวเรือมังกรทะยาน

ความรู้สึกของสุราที่ไหลลงท้องจากสองแห่งพร้อมกันทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่และพอใจมาก ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการดื่มสุราและต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลัง นอกจากนั้นความรู้สึกนี้ยังเพิ่มเป็นสองเท่าซึ่งทำให้เขาพอใจมากขึ้นไปอีก

“ผู้ใดอีก?”

ชั้นบน เหล่าผู้นำของสำนักศึกษาพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข ขณะที่ผู้นำนิกายต่างๆแสดงออกอย่างเคร่งขรึม พวกเขาชมการแข่งขันที่ชั้นล่างเช่นกัน ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์พลังปราณสามารถแสดงให้เห็นถึงโอกาสและอนาคตของกองกำลัง การแข่งขันเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมส์ธรรมดา

หวังฝูซื่อดื่มอย่างเต็มที่ แม้ปากของเด็กหนุ่มจะเก่งเป็นพิเศษในการทำให้ผู้อื่นโกรธ แต่เขาก็รู้วิธีเอาชนะและนำความรุ่งโรจน์มาให้กองกำลัง

ฟู่ชิงยินยืนดื่มอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าของเขาค่อนข้างมืดมน บรรยากาศที่ครึกครื้นเช่นนี้ไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่น้อย

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาขมวดคิ้วและหยิบเครื่องประดับหยกชิ้นหนึ่งออกมา เสียงที่ลนลานของผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวดังขึ้น

“นายท่าน ปีศาจมาแล้ว! ตอนนี้มันกำลังโจมตีภูเขาเถาองุ่นเขียว!”

“เหตุใดต้องตื่นตระหนก? ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถผ่านค่ายกลแตกสลายเข้าไปได้” ฟู่ชิงยินกล่าวอย่างช้าๆ ปีศาจอาจส่งร่างแยกมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบค่ายกล ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเข้าไปยุ่ง

“แต่...เขานำเรือเหาะมังกรทะยานมาด้วย!”