ตอนที่ 82 กลัวจนต้องถอยกลับ
เฉินเฟยใช้ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณด้วยพลังทั้งหมดที่มี ภาพต้นไม้ทั้งสองด้านผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นซือเสวี่ยชินกลับตามมาอย่างใกล้ชิด
เฉินเฟยขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟยสู้กับผู้เชี่ยวชาญขัดเกลาอวัยวะภายในและได้ทำให้เปิดโลกทัศน์กว้างขึ้น แม้บาดเจ็บขนาดนั้นแต่ท่าร่างซือเสวี่ยชินยังรวดเร็วอยู่ดี
กล่าวคือหากเมื่อครู่เฉินเฟยไม่ได้ทำให้ซือเสวี่ยชินบาดเจ็บ แม้เฉินเฟยต้องการจะหนีเขาก็หนีไม่พ้น
ไม่ใช่เพียงท่าร่าง การโต้กลับของซือเสวี่ยชินเมื่อครู่เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะโล่กระบี่ดาวประดับราตรีระดับรู้แจ้ง ตอนนี้เฉินเฟยคงบาดเจ็บหนัก และในเวลานั้นกระบี่ที่เฉินเฟยใช้มาเป็นเวลานานได้รับความเสียหาย
เฉินเฟยอาจต้านทานได้อีกสองสามครั้งก่อนที่กระบี่จะถูกโดนทำลาย
หากไม่มีอาวุธ ฝ่ามืออ้วนๆของเฉินเฟยอย่างเดียวย่อมต้านทานการโจมตีซือเสวี่ยชินไม่ได้ และการนอนนิ่งอยู่บนพื้นอาจเกิดขึ้นในไม่กี่กระบวนท่า
ในจุดนี้สามารถเห็นได้ว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทั้งสอง พูดได้ว่าเป็นช่องว่างระหว่างระดับหลอมกระดูกกับขัดเกลาอวัยวะภายใน ในระดับบ่มเพาะ ห่างกันเพียงหนึ่งขั้นก็เทียบกันไม่ได้แล้ว
“ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!”
อาวุธลับลอยมาจากด้านหลัง เฉินเฟยแกว่งกระบี่ในมือ รอบตัวเฉินเฟยราวกับว่ามีโล่ล้อมรอบ อาวุธลับโจมตีใส่เฉินเฟยแต่เฉินเฟยยังวิ่งไปด้านหน้าเร็วขึ้นเหมือนไม่ได้รับผลใดๆ
นี่คือการใช้โล่กระบี่ดาวประดับราตรีระดับรู้แจ้งร่วมกับฝีเท้าล่าวิญญาณระดับรู้แจ้ง
ซือเสวี่ยชินที่อยู่ด้านหลังลอบกัดฟันแน่น วันนี้เฉินเฟยนักยุทธ์หลอมกระดูกตัวเล็กทำให้นางประหลาดมากนัก
ตอนแรกหลุดจากมนต์เสน่ห์ จากนั้นมีมีดสั้นปรากฏในมือจนทำให้การป้องกันของนางเป็นเรื่องตลก และตอนนี้ท่าร่างยังเกินจริง มันไม่ได้ด้อยกว่าระดับขัดเกลาอวัยวะภายในเลย
แม้แต่บางจุดยังดีกว่าระดับขัดเกลาอวัยวะภายในทั่วไปมาก
ซือเสวี่ยชินเก่งด้านท่าร่างเช่นกัน แม้นางจะบาดเจ็บอยู่แต่นางมั่นใจว่าตัวเองยังเร็วกว่านักยุทธ์ทั่วไปในระดับเดียวกัน แต่การที่ไล่ตามเฉินแฟยไม่ทันแบบนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อย
“คิดว่าจะหนีไปได้หรือ!”
ซือเสวี่ยชินหายใจเข้าลึกแล้วกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ท่ามกลางหมอกเลือดนี้ความเร็วซือเสวี่ยชินพุ่งสูงขึ้นทันที ระยะห่างจากเฉินเฟยหลายสิบหมี่ลดลงครึ่งหนึ่งทันที ดูเหมือนว่าอีกไม่นานนางจะจับเฉินเฟยได้
เร็วกว่านี้!
เฉินเฟยตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงแรกดดันจากด้านหลัง พลังเข้าใจต้นกำเนิดเริ่มหมุนเวียน ร่างกายเขาเบาขึ้น ครู่ต่อมาเขาพุ่งออกไปไกล
“ชึก!”
รอยข่วนจากกรงเล็บแหลมปรากฏตรงตำแหน่งเดิมของเฉินเฟย ซือเสวี่ยชินที่เห็นเฉินเฟยเร็วขึ้นอย่างกะทันหันถึงกับกำหมัดแน่น เจ้าเด็กนี้มีวิชาลับเยอะจริง!
มันฝึกฝนอย่างไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่าระดับไม่ดี แต่ทำไมถึงได้มีวิชามากมายเช่นนี้ หากมีแรงมากขนาดนั้นไม่เอาไปบ่มเพาะไม่ดีกว่าหรือ!
หากเฉินเฟยอยู่ในระดับขัดเกลาไขกระดูก ซือเสวี่ยชินคงจัดการเฉินเฟยโดยไม่ประมาท
แต่เนื่องจากเฉินเฟยมีระดับต่ำ ซือเสวี่ยชินจึงลดความระวังลงโดยไม่รู้ตัวจนนำมาสู่สถานการณ์นี้
“เจ้า...”
ซือเสวี่ยชินมองแผ่นหลังเฉินเฟยที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆอย่างโกรธแค้น นางกระอักเลือดออกมาเต็มปากและใบหน้าซีดลงทันใด นางได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วแต่กลับใช้วิชาลับอีก ตอนนี้จึงบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
“อาจารย์อาเฉียน ช่วยข้าด้วย ปีศาจสาวจะฆ่าคนแล้ว!”
เสียงเฉินเฟยดังมาจากระยะไกลทำให้การไล่ล่าของซือเสวี่ยชินหยุดลง ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส หากเจอนักยุทธ์ระดับเดียวกันนางคงไม่รอด
ซือเสวี่ชินมองเฉินเฟยอย่างจริงจังและจดจำรูปลักษณ์ของเฉินเฟยไว้ในใจ เรื่องในวันนี้จะไม่ถูกลืมเลือน ความแค้นในวันนี้นางจะตอบแทนเป็นสองเท่า
ร่างซือเสวี่ยชินสั่นไหวและหายไป
เฉินเฟยตะโกนอีกสองสามครั้ง พอรู้สึกว่าลมหายใจที่อยู่ข้างหลังหายไปจึงโล่งใจ
การถูกไล่ฆ่าโดยระดับขัดเกลาอวัยวะภายในเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ขนาดวางแผนไว้ล่วงหน้าจนทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส แต่เฉินเฟยยังไม่อาจชนะนางได้ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง
นอกจากนี้เฉินเฟยไม่ได้รู้วิชาลับของระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน เขาเพียงกลัวว่าซือเสวี่ยชินจะสิ้นหวังจนยอมเผลาผลาญทุกอย่างเพื่อไล่ตามให้ทัน พอถึงตอนนั้นเฉินเฟยคงหลบหนีไม่ได้จริงๆ
ดังนั้นเฉินเฟยจึงตะโกนเรียกคนจากระยะไกล ซึ่งได้ทำให้คนกลัวจนต้องถอยกลับ
วิ่งไปอีกหนึ่งลี้จึงมาถึงที่พัก เฉินเฟยพบว่าเฉียนหลินตู้กำลังวิ่งมาทางด้านนี้เช่นกัน ในตอนนี้เขาได้ยินเสียงเฉินเฟยแล้วจริงๆ
สำหรับผู้นักยุทธ์ขัดเกลาอวัยวะภายในโดยเฉพาะนักยุทธ์ขัดเกลาอวัยวะภายขั้นสูงเช่นนี้ ประสาทสัมผัสทั้งห้านั้นเฉียบคมมาก
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าหรือ?” เฉียนหลินตู้ขมวดคิ้วมองเฉินเฟย
“อาจารย์อาเฉียน เป็นข้าเอง”
เฉินเฟยสูดลมหายใจและพูด “เมื่อครู่ศิษย์พี่กัวและข้ารู้สึกว่ามีสิ่งแปลกประหลาดอยู่ใกล้ๆจึงออกไปตรวจสอบ จากนั้นได้พบกลุ่มตั้งที่พักอยู่ห่างออกไปสิบลี้ สงสัยว่านั่นจะเป็นสมาชิกของสำนักเพลิงเทพ”
“สำนักเพลิงเทพ?” ดวงตาเฉียนหลินตู้เบิกกว้าง
“ยังไม่มั่นใจ”
เฉินเฟยอธิบายภูมิประเทศตรงนั้น “ตรงนั้นเป็นที่ร่มและไม่ใช่พื้นที่ที่เราเก็บสมุนไพรในครั้งนี้ ดังนั้นจึงสงสัยว่าเป็นสำนักเพลิงเทพ ศิษย์พี่กัวยังคอยตรวจสอบอยู่ที่นั่น ส่วนข้ารีบกลับมาบอกท่าน”
“อยู่ที่ไหนล่ะ? ช่างเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปด้วย เจ้าบอกทางมา”
เฉียนหลินตู้คิดอยู่ครู่หนึ่งและกลับไปยังที่พักเพื่ออธิบายให้เหล่าศิษย์ฟัง จากนั้นเขาจับเฉินเฟยวิ่งนำไปข้างหน้าและทิ้งรอยพิเศษไว้ตามทางเพื่อให้ศิษย์ที่อยู่ข้างหลังสามารถติดตามได้
“อาจารย์อาเฉียน เมื่อครู่ข้าเพิ่งเจอปีศาจสาวมา นางจะหว่านเสน่ห์ผู้คน นางควรอยู่ในระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน”
เฉินเฟยรีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง
ซือเสวี่ยชินได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียนหลินตู้แน่นอน แต่เฉินเฟยไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายมีระดับขัดเกลาอวัยวะภายในคนเดียวหรือไม่ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่เฉียนหลินตู้จะระวังตัว
“ปีศาจสาว?”
เฉียนหลินตู้นึกถึงเมื่อครู่ที่ได้ยินเสียงเรียกของเฉินเฟยจากระยะไกล และสิ่งที่เขาได้ยินคือคำว่าปีศาจสาว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เฉียนหลินตู่ออกมาก่อน
“นางได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ศิษย์จึงบังเอิญหนีมาได้”
เฉินเฟยไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองเป็นคนทำให้ซือเสวี่ยชินบาดเจ็บสาหัส นั่นเป็นเพราะมันไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ระดับหลอมกระดูกแตกต่างจากระดับขัดเกลาอวัยวะภายในอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมองอย่างไรเฉินเฟยก็ควรเป็นไก่ในกำมือ และการโดนบีบจนตายเป็นเรื่องสมเหตุผล
เฉินเฟยออกไปต่อสู้ ฟังดูแล้วเหมือนกำลังพูดเรื่องไร้สาระ เมื่อเป็นเช่นนั้นหากไม่พูดอะไรคงเป็นการดีกว่า เพียงแค่บอกว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บก็พอ
เฉียนหลินตู้พยักหน้า หากกลุ่มสำนักเพลิงเทพอาศัยอยู่ที่นั่นจริง การมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในกลุ่มด้วยย่อมเป็นเรื่องปกติ เฉียนหลินตู้หวังว่ากัวหลินซานจะไม่ประมาทจนพาตัวเองไปอยู่ในอันตราย
ระยะทางสิบลี้ไม่ไกลนัก ด้วยการวิ่งเต็มกำลังของเฉียนหลินตู้เพียงครู่เดียวจึงมาถึงที่หมาย
ไม่เห็นร่างกัวหลินซาน แต่ในเวลานี้ค่ายที่อยู่ไกลออกไปค่อนข้างโกลาหล มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นไม่หยุดพัก
“เจ้าคอยอยู่ที่นี่ รอให้คนอื่นมาถึง”
เฉียนหลินตู้วางเฉินเฟยลงและพุ่งตรงไป เห็นได้ชัดว่าในสายตาเฉียนหลินตู้ ระดับหลอมกระดูกของเฉินเฟยต่ำเกินไป เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากนักและบางทีอาจกลายเป็นภาระแทน