ตอนที่ 8 : หลานชายของฮ่องเต้ก็มีนามว่าต้วนเอ๋อร์เหมือนกัน (อ่านฟรี)
คำพูดที่ประจบสอพลอเหล่านี้แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่ก็ได้ยินเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่อันมีความสุขมากที่ได้ยินพวกเขาชื่นชมบุตรสาวของนาง แต่ทันทีที่เธอเดินจากไป เธอไม่รู้เลยว่า หลายคนกลับเปลี่ยนไปกระซิบกระซาบกับสหายของตนเองแทน “รูปร่างหน้าตาที่สวยงามของนางก็คือภาพลวงตาที่สร้างขึ้นด้วยเงินนั่นแหละ”
“แม้แต่ขอทานก็ยังดูเหมือนนางสวรรค์ได้ในชุดผ้าไหมลายเมฆมงคลนั่น นางก็แค่เด็กสาวบ้านนอก ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าจวนหวังอันหยวนจะไล่เธอออกไปเมื่อไหร่”
เฉียวจินเหนียงปฏิบัติตามฮูหยินใหญ่อย่างเชื่อฟัง เธอทักทายแขกและพยายามจดจำตัวตนของพวกเขา
มันอาจจะยากสำหรับคนอื่นที่จะจดจำคนจำนวนมากพร้อมๆกัน แต่เฉียวจินเหนียงที่ดูแลโรงเตี๊ยมมาตลอดสามปี ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีความจำที่ดี
หลังจากแนะนำเธอให้เหล่าสาวๆ ฮูหยินใหญ่ขอให้เฉียวหรูหยุนพาจินเหนียงไปทำความรู้จักกับสาวๆคนอื่นๆ
“ฮูหยินใหญ่อัน หรูฉีอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ ทำไมนางจึงไม่อยู่ในวันสำคัญเช่นนี้”
ผู้ที่พูดคือลี่หลิงหลิง บุตรสาวของโหวเฉิงอัน
นางไม่ชอบหญิงสาวคนนี้เลยจริงๆ แต่หรูฉีกลับนับเธอเป็นสหายที่ดีที่สุด “นางไม่สบาย จึงไม่สามารถเข้าร่วมงานในวันนี้ได้”
เฉียวหรูหยุนพาเฉียวจินเหนียงไปพบกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์คนอื่นๆ แต่หลายคนก็หลบหน้าราวกับว่าพวกเธอสองคนเป็นสัตว์ประหลาด
แม้จะมีบางคนที่ริเริ่มประจบประแจงพวกเธอ แต่ก็เป็นเพราะคนเหล่านั้นส่วนใหญ่มีบิดาทำงานอยู่ในกรมกลาโหมซึ่งอยู่ในสังกัดของหวังอันหยวน
เฉียวหรูหยุนพาเฉียวจินเหนียงไปหาคุณหนูฉินน้องสามีของเธอ
ฉินเมียวเหมี่ยวยังคงโกรธองค์หญิงฟู่ลู่ แต่เธอไม่สามารถนำมันมาระบายกับพี่สะใภ้ผู้บอบบางของเธอได้ดังนั้นเธอจึงหันมาระบายใส่เฉียวจินเหนียงแทน "เจ้ามาทำอะไรที่นี่? จะมาหัวเราะเยาะข้างั้นเหรอ”
เฉียวจินเหนียง: “…”
“จินเหนียง เมียวเหมี่ยอาจจะปากไวไปบ้าง แต่จริงๆแล้วนางจิตใจดีนะ”
ฉินเมียวเหมี่ยว “ลืมมันไปเถอะ เจ้าเองก็ยากจนเหมือนกันนี่ แต่ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะเป็นเพื่อนกับข้าและช่วยข้าสอนบทเรียนให้กับองค์หญิงฟู่ลู่ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าก็ได้”
“ถ้าเจ้าเป็น 'เพื่อน'กับนาง เจ้าคงจะต้องทนกับความอารมณ์ร้ายของนางทุกวันเป็นแน่!” องค์หญิงฟู่ลู่เดินเข้ามาหาเฉียวจินเหนียง “มาเป็นเพื่อนข้าแทนซะสิ แล้วข้าจะพาเจ้าไปกิน ดื่ม เที่ยวให้สนุกทุกวันเลย”
ฉินเมียวเหมี่ยวเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ท่านนี่ช่างสุรุ่ยสุร่ายอะไรเช่นนี้”
องค์หญิงฟู่ลู่ตรัสว่า “เจ้าก็เหมือนกับข้าไม่ใช่รึ? เจ้าถึงไม่ได้ที่หนึ่งในการสอบของราชวงศ์ไง ไม่งั้นข้าคงจะขอเสด็จลุงให้แต่งตั้งเจ้าเป็นขุนนางหญิงไปแล้ว”
“ท่านหยุดโอ้อวดไม่ดีกว่าหรือเพคะ ฝ่าบาทไม่ทรงอนุญาตให้ท่านสมรสกับองค์รัชทายาทด้วยซ้ำนี่ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดราวกับท่านสนิทสนมกับฮ่องเต้แบบนั้นเลยดีกว่านะเพคะ” ฉินเมียวเหมี่ยวตอกกลับ
เฉียวจินเหนียงมองไปที่องค์หญิงฟู่ลู่และฉินเมียวเหมี่ยว พวกเธอช่างแตกต่างจากสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่เธอเคยจินตนาการไว้จริงๆ
องค์หญิงฟู่ลู่ไม่สามารถเอาชนะฉินเมียวเหมี่ยวในเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามรักษาหน้าโดยการถามเฉียวจินเหนียงว่า "เจ้าน่ะ จะเลือกเป็นเพื่อนกับผู้ใดกัน"
เฉียวจินเหนียงถามอย่างไม่แน่นอนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หม่อมฉันไม่เลือกได้ไหมเพคะ”
"ไม่ได้!"
ฉินเมียวเหมี่ยวและองค์หญิงฟู่ลู่ตะโกนพร้อมกัน
เฉียวจินเหนียงเป็นแม่คนแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่อยากยุ่งกับการทะเลาะแบบเด็กๆของทั้งสองคนนี้
“ตัดสินใจเร็วๆ”
แต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะเอาจริง ดังนั้นเฉียวหรูหยุนจึงรีบเข้ามาแทรกว่า “น้องสาม หยุดเถอะ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้วนะ”
หลังจากที่เฉียวหรูหยุนพาคุณหนูฉินออกไปแล้ว สาวๆ คนอื่นๆ ก็ทยอยแยกย้ายกันไป
เหลือเพียงองค์หญิงฟู่ลู่เท่านั้นที่เดินมาหาเฉียวจินเหนียงและถามว่า “เจ้าตัดสินใจได้หรือยังว่าต้องการเป็นเพื่อนกับใคร?”
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงของลี่หลิงหลิง บุตรสาวของโหวเฉิงอันก็ดังขึ้น
“ยัยหน้าโง่เฉียวหรูฉีนั่นถูกฉันหลอกอีกแล้ว นางยั่วยุพี่สาวตัวเอง ทำให้นางต้องถูกต่อว่าและโดนฮูหยินอันลงโทษ เท่านี้ข้าก็มีคู่แข่งน้อยลงไปหนึ่งรายแล้ว”
“แล้วองค์หญิงฟู่ลู่ล่ะเจ้าคะ?”
“องค์หญิงฟู่ลู่? นางนั่นจะไปคู่ควรกับองค์รัชทายาทได้อย่างไร!”
องค์หญิงฟู่ลู่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดทันที “หากข้าไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาท แล้วนางคู่ควรหรือ? โหวเฉิงอันนับเป็นอะไรได้ ตระกูลของพวกเขาก็เป็นแค่พวกงี่เง่า!”
เฉียวจินเหนียงอยากจะบอกว่า “ท่านยายของพระองค์ก็มาจากตระกูลโหวเฉิงเอินเช่นกันนี่เพคะ” แต่เธอกลัวว่าหัวอาจจะขาดได้หากพูดมันออกมา
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะการยุยงของลี่หลิงหลิง จึงเป็นสาเหตุให้เฉียวหรูฉีเกลียดเธอขนาดนั้น
ผู้ชายหล่อก็เป็นตัวอันตรายได้!
องค์หญิงฟู่ลู่นำเฉียวจินเหนียงเข้ามาใกล้ขึ้นเพื่อฟังสิ่งที่ลี่หลิงหลิงและสาวใช้ของเธอพูดคุยกัน
ลี่หลิงหลิงพูดกับสาวใช้ว่า “หาทางหว่านความบาดหมางระหว่างเฉียวหรูฉีและนังบ้านนอกคนนั้นต่อไป
ฮูหยินอันรักนังบ้านนอกนั่นมาก ดังนั้นนางจะต้องไม่ปล่อยให้เฉียวหรูฉีแต่งเข้าวังตะวันออกแน่นอน”
“คุณหนู ทำไมท่านต้องสนใจคุณหนูเฉียวหรูฉีมากขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ”
ลี่หลิงหลิงกล่าวว่า "ข้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้ไอ้เด็กเวรนั่นตอนที่อยู่ที่พระราชวังตะวันออกแล้วแต่เขากลับไม่สนใจข้าเลย แต่ในตอนนั้นเขากลับเรียกเฉียวหรูฉีว่า 'แม่'
“ดังนั้นข้าจึงหลอกเฉียวหรูฉีว่าเรื่องนี้จะทำให้ชื่อเสียงของนางเสียหาย และก็เป็นอย่างที่ข้าคาดเอาไว้ หรูฉีเริ่มไม่ชอบไอ้เด็กเวรนั่นแล้ว ถ้าเฉียวหรูฉีได้รับความรักจากไอ้เด็กนั่นเมื่อไหร่ ประกอบกับการที่พ่อของนางเองมีอำนาจมากเพียงใด นางจะต้องได้เป็นพระชายาอย่างแน่นอน”
ยิ่งองค์หญิงฟู่ลู่ได้ฟังมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น เธอเดินอ้อมภูเขาจำลองเพื่อเผชิญหน้ากับลี่หลิงหลิง “ดีมาก เจ้ากล้าดียังไงที่เรียกต้วนเอ๋อร์ว่าไอ้เด็กเวร ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับองค์รัชทายาท!”
เฉียวจินเหนียงตกตะลึงเมื่อได้ยิน "ต้วนเอ๋อร์"
ลี่หลิงหลิงพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “นอกจากท่านแล้ว มีใครเป็นพยานได้อีกบ้าง? หม่มฉันก็สามารถบอกได้เช่นกันว่าพระองค์กำลังใส่ร้ายหม่อมฉัน!”
องค์หญิงฟู่ลู่มองไปข้างหลังและดึงเฉียวจินเหนียงออกมา “นางก็ได้ยินเช่นกัน เจ้าใส่ร้ายเฉียวหรูฉีด้วยกลอุบายสกปรกๆ หวังอันหยวนจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่!”
ลี่หลิงหลิงรีบพูดว่า "ท่านพูดเรื่องอะไรกัน หม่อมฉันไม่รู้เรื่อง" และจากไป
เจ้าหญิงฟู่ลู่ถ่มน้ำลาย “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ต้วนเอ๋อร์จะไม่ชอบนาง”
เมื่อเห็นเฉียวจินเหนียงนิ่งไป เธอจึงถามว่า “จินเหนียง เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”
เฉียวจินเหนียงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “องค์หญิงฟู่ลู่ ท่านเพิ่งบอกว่าองค์ชายน้อยแห่งพระราชวังตะวันออกมีพระนามว่าต้วนเอ๋อร์หรือเพคะ?”
องค์หญิงฟู่ลู่พยักหน้า “ใช่ ต้วนเอ๋อร์เป็นชื่อเล่น แต่นั่นเป็นเพราะเสด็จพี่รัชทายาทยังไม่ได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการให้
“ลูกพี่ลูกน้องของข้าบอกว่านักบวชลัทธิเต๋าในภาคใต้เคยบอกเขาว่าอย่าเพิ่งตั้งชื่อให้ต้วนเอ๋อร์จนกว่าเขาจะอายุครบสามขวบ
“เขาได้ชื่อต้วนเอ๋อร์เป็นเพราะเขาเกิดในเทศกาลไหว้พระจันทร์และเขายังดูเหมือนก้อนแป้งอีกด้วย”
เมื่อเฉียวจินเหนียงได้ยินดังนั้น เหมือนกับมีเสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ในหูของเธอ จะมีเรื่องบังเอิญมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!
องค์รัชทายาทหายตัวไปสามปีในภาคใต้ ลูกชายของพระองค์ก็อายุสองขวบ ต้วนเอ๋อร์ของเธอก็อายุสองขวบเช่นกัน และทั้งคู่ก็ยังมีนัยน์ตาหงส์เหมือนกันอีก
องค์ชายน้อยทรงเข้าใจผิดว่าน้องสาวของเธอเป็นพระมารดา ...
วันเกิดของพวกเขาทั้งคู่ตรงกันกับเทศกาลไหว้พระจันทร์...
เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเฉียวจินเหนียง องค์หญิงฟู่ลู่ก็รีบถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?
“ทำไมเจ้าถึงขี้แงเหมือนเฉียวหรูหยุนเลยล่ะ?
“ตกลง ตกลง ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าเป็นเพื่อนของข้าอีกแล้ว เจ้ารู้ไหม ข้าน่ะกลัวการที่พวกผู้หญิงร้องไห้มากที่สุด เพราะงั้นเจ้าก็หยุดร้องซะ”
เฉียวจินเหนียงเอื้อมมือไปแตะที่หางตาของเธอ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงส่งจดหมายหย่าให้เธอ จะให้องค์รัชทายาทแต่งเข้าครอบครัวของเธอได้อย่างไร?
แต่ถ้าต้วนเอ๋อร์เป็นหลานชายของฮ่องเต้ แล้วเธอจะแย่งเขากลับมาได้ยังไงกัน?
“องค์หญิงฟู่ลู่ หม่อมฉันอยากเป็นเพื่อนกับพระองค์เพคะ แต่พระองค์ช่วยอะไรหม่อมฉันสักหน่อยได้ไหมเพคะ? หม่อมฉันอยากพบองค์ชายน้อย หม่อมฉันแค่อยากจะเจอพระองค์สักครู่เท่านั้น”
เธอแค่ต้องการยืนยันว่าองค์ชายน้อยคือต้วนเอ๋อร์ของเธอใช่หรือไม่
องค์หญิงฟู่ลู่มองเฉียวจินเหนียง "หะ? เจ้าก็อยากเป็นพระชายาด้วยอย่างนั้นหรือ
เฉียวจินเหนียงส่ายหัวปฏิเสธ
ถ้าองค์รัชทายาทไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่น เธอย่อมไม่คู่ควร
แต่ถ้าองค์รัชทายาทคือไอ้สารเลวนั่น เธอยิ่งไม่ต้องการแต่งเข้าพระราชวังตะวันออก
ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ต้องการแต่งงานกับเขาเท่านั้น เธอยังต้องปกปิดตัวตนของเธออีกด้วย
ถ้าไอ้สารเลวนั่นต้องการฆ่าเธอเพื่อปิดปากล่ะ?
“แล้วทำไมเจ้าถึงอยากเจอองค์ชายน้อยล่ะ”
เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า “ในฐานะเพื่อนของพระองค์ หม่อมฉันแค่อยากจะเตือนองค์ชายน้อยให้ระวังผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นเท่านั้นเองเพคะ”
“โอ้ นั่นเป็นเรื่องที่ดี งั้นข้าจะพาเจ้าไปพบองค์ชายน้อยในช่วงเทศกาลการล่าฤดูใบไม้ผลิแล้วกัน”
ทันใดนั้นองค์หญิงฟู่ลู่ก็ได้กลิ่นหอมบนตัวของเฉียวจินเหนียง “เจ้าใช้เครื่องหอมกลิ่นอะไร? เหตุใดจึงหอมจัง”
เฉียวจินเหนียงตอบว่า “เป็นดอกมะลิสดจากทางใต้เพคะ ถ้าท่านชอบข้าจะให้บ่าวนำไปถวายให้ องค์หญิงสามารถชงมันเป็นชาหรือใส่ในถุงหอมก็ได้เพคะ”
มิตรภาพของเด็กผู้หญิงอาจเริ่มต้นจากการพูดคุยเกี่ยวกับถุงหอมและเรื่องซุบซิบในหลินอันหรือฉางอัน
ในตอนท้ายของวัน เธอและองค์หญิงฟู่ลู่กลายเป็นเหมือนสหายที่รู้จักกันมานาน
หลังจากที่เฉียวจินเหนียงกลับไปที่ห้องของเธอ เธอนับด้วยนิ้วว่าเหลือเวลาอีกกี่วันก่อนจะถึงการล่าในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อการล่าในฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้น เธอก็จะได้พบกับองค์ชายน้อย
ตอนนั้นเธอถึงจะรู้ได้ว่าต้วนเอ๋อร์คนนั้นคือต้วนเอ๋อร์ของเธอหรือไม่