ตอนที่ 405 สัญลักษณ์ดวงตาสีม่วง
ตอนที่ 405 สัญลักษณ์ดวงตาสีม่วง
“มันชื่อขนอุยครับเป็นสัตว์อสูรของผมเอง เจ้านี่มีนิสัยเจ้าเล่ห์มากแล้วมันก็ชอบออดอ้อนผมอยู่เป็นประจำ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์อะไร” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ
หยูฮัวพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ โดยสีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา
เซี่ยเฟยต้องการสังเกตปฏิกิริยาของหยูฮัวเพื่อดูว่าชายคนนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับขนอุยหรือเปล่า เพราะท้ายที่สุดหยูฮัวก็มีระดับพลังงานที่สูงมากและตัวตนของเขายังค่อนข้างลึกลับ แต่ถึงกระนั้นเขาเริ่มจ้องมองขนอุยตั้งแต่เขาเข้ามาในตัวยาน ดังนั้นบางทีเขาอาจจะรู้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้เป็นสัตว์อสูรประเภทอะไร
แม้ว่าขนอุยจะมีนิสัยเจ้าเล่ห์อยู่เล็กน้อยก็จริงแต่มันก็มีพลังที่จะเปลี่ยนวัตถุให้กลายเป็นพลังงานได้ ดังนั้นถ้าหากว่าเขาพอจะรู้ว่ามันคือตัวอะไร มันก็พอจะช่วยเขาวางแผนได้ว่าควรจะทำยังไงให้มันเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผู้อาวุโสหยูคงจะเคยเห็นอะไรผ่านตามามาก ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสพอจะรู้ไหมว่าขนอุยมันเป็นสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์อะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันไม่รู้ ฉันแค่มองมันเพราะว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่ดูน่าสนใจดี” หยูฮัวกล่าวหลังจากจิบน้ำชา
เซี่ยเฟยสามารถสัมผัสถึงคำพูดจาอันหลอกหลวงได้อย่างง่ายดาย แต่เนื่องจากหยูฮัวไม่ต้องการจะพูดเรื่องนี้ออกมาเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะท้ายที่สุดระดับพลังของเขาก็ด้อยกว่าอีกฝ่ายมาก ซึ่งถ้าหากอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาเขาก็คงจะจับหยูฮัวมัดเอาไว้เพื่อรีดถามข้อมูล
ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ไม่อยากรีบร้อนที่จะถามเรื่องกฎจักรวาล เพราะเขาตั้งใจจะเริ่มตีสนิทและมอบของขวัญให้อีกฝ่ายรู้สึกเอ็นดูเขามากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์การมอบของขวัญเป็นกลยุทธ์ที่ชายหนุ่มได้ใช้มาอย่างยาวนาน และเขาจะมอบของขวัญให้กับทุก ๆ คนในทุก ๆ ที่ที่เขาได้เดินทางไป เพราะท้ายที่สุดการเป็นมิตรย่อมดีกว่าการเป็นศัตรูและการผูกมิตรกับใครไว้สักคนหนึ่งมันก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายอะไร
เซี่ยเฟยชงชาและเสิร์ฟของว่างจากอาหารที่ถูกผลิตขึ้นมาบนดาวโลก แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกภาพที่ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ล่มสลาย ซึ่งมันก็หมายความว่าในอนาคตเขาอาจจะไม่สามารถดื่มชาหลงจิ่งได้อีก
เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้มันก็เริ่มทำให้เขารู้สึกอึดอัดและเศร้าใจ เพราะไม่ว่ายังไงดาวโลกก็ยังคงเป็นดาวบ้านเกิดของเขาอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหนแต่ดาวบ้านเกิดก็ยังคงอยู่ในใจของเขาเสมอ ซึ่งมันก็เป็นเสมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่ฝังรากลึกอยู่ในส่วนลึกของจิตใจที่ไม่อาจจะลบล้างออกไปได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปนานแค่ไหนแล้วก็ตาม
หยูฮัวยอมรับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เซี่ยเฟยมอบให้โดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ เพราะถึงแม้ว่าปากของเขาจะพูดว่าไม่เป็นไรแต่มือของเขาก็ยื่นออกไปรับของขวัญโดยไม่รู้สึกเขินอาย
หลังจากสนทนากันไปสักพักเซี่ยเฟยก็เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศดูผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว เขาจึงสั่งให้กระป๋องนำอาหารและเหล้าชั้นดีมาเสิร์ฟให้กับหยูฮัว
“พลังพิเศษของผู้อาวุโสลึกลับมาก ก่อนหน้านี้คุณสามารถที่จะปรากฎตัวข้าง ๆ ผมได้โดยที่ผมไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของคุณได้มาก่อนเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าผมถูกเทพเจ้าแกล้งเอาแล้วเสียอีก ผมไม่คิดเลยว่าคนที่มาแกล้งผมจะเป็นผู้อาวุโสที่อายุน้อยขนาดนี้ ผู้อาวุโสโปรดรับการคำนับจากเซี่ยเฟยด้วย”
หยูฮัวพยักหน้าพร้อมกับหยิบจอกเหล้าขึ้นมาดื่ม ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่หยูฮัวยอมพูดคุยมากขนาดนี้มันเป็นเพราะขนอุยหรือเปล่า เพราะถึงแม้หยูฮัวจะพูดคุยกับเขาแต่สายตาของเขากลับจ้องมองไปยังขนอุยอยู่เสมอ
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาทำอะไรในดินแดนเซิร์กเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันเป็นพ่อค้าและฉันก็เดินทางมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเพื่อนเก่า” หยูฮัวกล่าวตอบง่าย ๆ
“มีมนุษย์คนอื่นอาศัยอยู่ในดินแดนเซิร์กด้วยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
หยูฮัวยิ้มเป็นคำตอบพร้อมกับยกจอกเหล้าขึ้นมาดื่มโดยไม่คิดที่จะปริปาก
จากข้อมูลของระบบเรดาร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพื้นที่บริเวณนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาใด ๆ อาศัยอยู่
หรือว่าระบบทำงานผิดพลาด?
อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเฟยนึกถึงพลังที่น่าหวาดกลัวของหยูฮัว เขาก็ตระหนักว่าการคงอยู่ของคนระดับนี้ย่อมต้องไม่ธรรมดา และพวกเขาก็คงจะไม่ถูกตรวจจับโดยระบบเรดาร์ง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน
“ผู้อาวุโสถ้าคุณเป็นพ่อค้าแล้วไม่ทราบว่าคุณขายอะไรบ้างอย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“ไม่ว่าลูกค้าจะอยากได้อะไรฉันก็จะหาของสิ่งนั้นมาขายให้กับลูกค้า” หยูฮัวกล่าวอย่างกล้าหาญ
“ก่อนหน้านี้ชุดต่อสู้ของผมได้รับความเสียหาย ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีชุดต่อสู้อยู่ในมือบ้างไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันเห็นตอนที่ชุดต่อสู้นั้นถูกทำลายลงไปแล้วล่ะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นชุดต่อสู้ที่ดีแต่มันก็ไม่ใช่ชุดต่อสู้ที่มีเอาไว้สำหรับผู้ใช้พลังสายความเร็ว แม้ว่าก่อนหน้านี้มันจะยังพอให้นายใช้งานได้ แต่หลังจากความเร็วของนายเพิ่มขึ้นมันก็ไม่สามารถทนรับแรงต้านของกระแสลมได้อีกต่อไป ชุดต่อสู้นั้นเลยถูกทำลายในขณะที่นายใช้ความเร็วถึง 30,000 เมตรต่อวินาที” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณพูดถูกแล้ว สมแล้วที่ผู้อาวุโสเป็นผู้ที่มีความสามารถมากขนาดนี้” เซี่ยเฟยกล่าว
“พ่อค้าทุกคนต่างก็ต้องการได้รับกำไร ดังนั้นตราบใดก็ตามที่นายมีสิ่งของมาแลกเปลี่ยนฉันย่อมสามารถขายสินค้าให้กับนายได้” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นมันก็มีกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กหลายร้อยกล่องปรากฎขึ้นบนโต๊ะ ซึ่งกล่องแต่ละกล่องมีขนาดเท่า ๆ กับกล่องไพ่ อย่างไรก็ตามพวกมันกลับปรากฏตัวขึ้นมาราวกับเล่นกล เพราะเซี่ยเฟยที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าพวกมันปรากฏขึ้นมาได้ยังไง
“กล่องทุกกล่องเป็นชุดต่อสู้สำหรับผู้ใช้พลังสายความเร็ว วันนี้ฉันอารมณ์ดีฉันจะยอมขายพวกมันให้กับนายในราคาส่วนลดพิเศษก็แล้วกัน” หยูฮัวกล่าวอย่างใจกว้าง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยที่หยูฮัวสามารถนำชุดต่อสู้สำหรับผู้ใช้พลังสายความเร็วออกมาได้ครั้งเดียวหลายร้อยชุด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้วมันก็ดูคล้ายกับหยูฮัวได้เตรียมตัวขายชุดต่อสู้พวกนี้เอาไว้ให้กับเขาตั้งแต่ต้น
แต่หลังจากที่ชายหนุ่มพยายามคิดดูอีกครั้งพ่อค้าคนนี้ก็มีระดับพลังที่สูงมาก ซึ่งคนที่อยู่ในระดับนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจกับเขาเลย ชายหนุ่มจึงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องที่โชคดีที่หยูฮัวมีชุดต่อสู้ของผู้ใช้พลังสายความเร็วมากมายเก็บเอาไว้ติดตัว
กล่องบนโต๊ะแต่ละกล่องต่างก็ล้วนแล้วแต่มีสีสันที่แตกต่างกัน นอกจากนี้มันยังมีตราสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันไปบนกล่องแต่ละกล่องด้วย
เซี่ยเฟยเคยเห็นกล่องพวกนี้จากพันธมิตรมาก่อน ซึ่งมันเรียกว่ากล่องมิติที่มีเอาไว้สำหรับเก็บสิ่งที่มีราคาแพงเป็นพิเศษโดยเฉพาะ ท้ายที่สุดกล่องมิติแต่ละกล่องก็มีราคาแพงมาก สิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ภายในจึงสมควรจะมีราคาไม่ด้อยไปกว่ากัน
ตราสัญลักษณ์บนกล่องย่อมเป็นเครื่องหมายโลโก้ผู้ผลิตชุดต่อสู้ที่อยู่ด้านในอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เซี่ยเฟยกลับไม่รู้จักโลโก้บนกล่องเลยแม้แต่โลโก้เดียว คล้ายกับว่าพวกมันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากพันธมิตร ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหยูฮัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามทันทีที่ชายหนุ่มส่งกระแสจิตเข้าไปสัมผัสกับกล่องมิติ เขากลับสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่จำเป็นจะต้องเปิดกล่องพวกนั้นออกมา
“นั่นมันชุดต่อสู้ระดับลีเจนด์!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการตรวจสอบกล่องอีก 7-8 กล่อง และเขาก็ได้พบว่ากล่องทุกกล่องต่างก็ได้บรรจุชุดต่อสู้ระดับลีเจนด์ด้วยกันทั้งหมด
“ชุดพวกนี้เป็นชุดระดับลีเจนด์ซึ่งเหมาะกับระดับการฝึกฝนในปัจจุบันของนาย ความจริงฉันมีชุดต่อสู้ระดับอีเทอนิตี้อยู่เหมือนกัน แต่ของที่อยู่ในมือของฉันมีคุณภาพแตกต่างจากสิ่งที่นายเคยเห็นมาตลอดชีวิตมาก ดังนั้นสำหรับนายในตอนนี้ชุดต่อสู้ระดับลีเจนด์ก็เพียงพอแล้ว”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะทำการสวมใส่ชุดต่อสู้ข้ามระดับ เพราะชุดต่อสู้ควรจะพอดีกับร่างของผู้สวมใส่ แต่ถ้าหากว่าชุดมีแรงรัดมากเกินไปมันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของผู้ที่มีระดับต่ำกว่าชุดต่อสู้ได้” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ระหว่างบรรยายสายตาของหยูฮัวยังคงเหลือบมองไปทางขนอุยตลอดเวลา ซึ่งเจ้าก้อนขนตัวนี้ก็นอนหลับอย่างเกียจคร้านโดยไม่สนใจแขกที่ขึ้นมาเยี่ยมเยียนเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเฟยพยักหน้าและสำรวจชุดต่อสู้ไปทีละชุด ยิ่งเขาสำรวจชุดต่อสู้ไปได้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น
หยูฮัวไม่ได้พูดโกหกเลย ถ้าหากชุดพวกนี้ถูกนำไปขายในพันธมิตรพวกมันก็ควรจะมีระดับเทียบเท่ากับระดับอีเทอนิตี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบในการผลิตหรือการออกแบบ พวกมันก็ถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดีและสมควรแล้วที่จะเรียกชุดต่อสู้พวกนี้ว่าสุดยอดชุดต่อสู้ระดับลีเจนด์
‘ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงบอกว่าระดับของฉันเพียงพอที่จะใช้ชุดระดับลีเจนด์แล้ว ที่แท้ของพวกนี้ก็มีมาตรฐานสูงกว่าชุดต่อสู้ในพันธมิตรมาก พวกมันควรจะมีคุณภาพเทียบเท่ากับชุดระดับอีเทอนิตี้ในพันธมิตรด้วยซ้ำ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
หลังจากดูชุดต่อสู้ไปประมาณ 80 ชุดติดต่อกัน เขาได้พบกับชุดต่อสู้ดี ๆ อยู่มากมายแล้วมันก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกลังเลภายในใจ
ทันใดนั้นเขาก็ได้พบกับกล่องสีม่วงที่เหลือใน 20 กล่องสุดท้าย ซึ่งในบรรดากล่องมิติจำนวน 100 กว่ากล่องมีกล่องนี้เพียงกล่องเดียวที่เป็นสีม่วง นอกจากนี้มันยังมีตราสัญลักษณ์ดวงตาอันลึกลับติดอยู่บนตัวกล่อง ชายหนุ่มจึงถือกล่องใบนี้ขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่จะส่งกระแสจิตเข้าไปสำรวจชุดต่อสู้ภายในนั้น
“ผู้อาวุโสชุดต่อสู้ทุกชุดยอดเยี่ยมมาก แต่ผมรู้สึกชอบชุดต่อสู้ชุดนี้มากที่สุดครับ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ภายในใจรู้สึกตกตะลึงกับชุดภายในกล่องสีม่วงใบนี้มาก
“แล้วไม่ทราบว่าน้องชายต้องการจะแลกเปลี่ยนมันกับอะไร?” หยูฮัวกล่าวขณะที่สายตายังคงเหลือบไปมองทางขนอุย
เซี่ยเฟยถือกล่องสีม่วงเอาไว้ในมือก่อนที่จะหยิบหัวใจจักรวาลสีม่วงจากแหวนมิติออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“ของพวกนี้พอจะแลกเปลี่ยนกับชุดต่อสู้ชุดนี้ได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“วันนี้ฉันจะยอมลดราคาให้กับน้องชายก็แล้วกัน” หยูฮัวกล่าวก่อนที่กล่องมิติและหัวใจจักรวาลสีม่วงบนโต๊ะจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับเล่นกล
“เอาล่ะขอให้นายรักษาชีวิตเอาไว้ให้ดี ๆ แล้ววันหนึ่งหวังว่าพวกเราจะได้พบกันใหม่” หยูฮัวกล่าวอย่างไม่เต็มใจขณะที่สายตาอย่างคงจับจ้องมองไปยังขนอุย
“ผู้อาวุโสจะไปแล้วเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ฉันได้พบกับเพื่อนเก่าของฉันแล้วและข้อตกลงระหว่างเราก็เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี ดังนั้นฉันจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” หยูฮัวกล่าว
“ผมพอจะถามคุณเกี่ยวกับกฎแห่งมิติได้หรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“กฎจักรวาลทั้งสามข้อสามารถทำความเข้าใจได้แต่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ถ้าวันหนึ่งมีคนบอกนายว่าเขาสามารถสอนความหมายที่แท้จริงของกฎทั้งสามข้อได้จงจำเอาไว้ว่าพวกเขาพูดโกหก เอาล่ะถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปแล้วจริง ๆ หากมีโอกาสหน้าพวกเราค่อยพบกันใหม่” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เซี่ยเฟยเดินออกไปส่งหยูฮัวนอกเบโอเนท ซึ่งในระหว่างการเดินออกไปนั้นชายหนุ่มก็ได้พบว่าการเคลื่อนไหวของชายคนนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่าร่างของเขากำลังลอยอยู่ในอากาศ
“ระดับพลังของชายคนนี้จะสูงเกินไปแล้ว ฉันคิดว่าแม้แต่เจ้าสำนักเงากระเรียนก็เทียบชั้นกับเขาไม่ได้แม้แต่น้อยด้วยซ้ำ โชคดีที่เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่อย่างนั้นชีวิตของนายก็คงจะต้องจบลงในวันนี้” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจหลังจากที่ร่างของหยูฮัวหายไปจากที่นี่แล้ว
“รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ฉันไม่อยากเจอสัตว์ประหลาดระดับนั้นอีก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ชุดต่อสู้ที่นายได้มาไม่ใช่ชุดธรรมดาใช่ไหม? ฉันสังเกตเห็นว่าพลังงานของนายเกิดความผันผวนอย่างหนักในระหว่างที่นายส่งกระแสจิตเข้าไปตรวจสอบชุดต่อสู้ในกล่องสีม่วงนั่น” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ มันไม่ใช่ชุดต่อสู้ธรรมดา แล้วมันก็คงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าฉันจะไม่รู้สึกตกใจ” เซี่ยเฟยกล่าว
***************
เขาคือใคร? หรือว่าจะเป็นอาจารย์คนใหม่ของพี่เฟยกันนะ…