ตอนที่แล้วตอนที่ 403 ระดับลีเจนด์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 405 สัญลักษณ์ดวงตาสีม่วง

ตอนที่ 404 กฎแห่งมิติ


ตอนที่ 404 กฎแห่งมิติ

คนที่อันตรายที่สุดไม่ใช่คนที่อยู่ในแสงสว่างแต่เป็นคนที่กำลังคอยจ้องมองดูคนอื่นจากความมืดมิด เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ได้ เนื่องจากพวกเขาคอยหลบซ่อนไม่ทำตัวให้กลายเป็นจุดเด่นของคนอื่น

เซี่ยเฟยกวาดสายตามองพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง ซึ่งในความเป็นจริงท่าทางของเขาก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรระหว่างการเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับสูงมากนัก เพราะเมื่อยิ่งเป็นการเผชิญหน้าระหว่างนักสู้ระดับสูงมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจำเป็นจะต้องใช้ประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ต่อมาเขาก็ใช้กระแสจิตแผ่ออกไปเสมือนใยแมงมุมที่มองไม่เห็น กระจายออกไปในพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าหากว่ามันมีใครแอบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้คนคนนั้นก็จะถูกตรวจจับโดยกระแสจิตอย่างง่ายดาย แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอะไรเลย

แม้แต่อันธก็กำลังพยายามใช้ประสาทสัมผัสตรวจจับพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวด แต่ไม่ว่าเขาจะมีประสาทสัมผัสรับรู้พลังงานที่เฉียบแหลมมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่พบเงื่อนงำใด ๆ เช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟย

เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เพราะในสถานการณ์ปกติเขาภูมิใจในประสาทสัมผัสของตัวเองอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้เขากลับไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของผู้มาใหม่ได้เลย และเขาก็มั่นใจว่าไหล่ของเขาถูกใครบางคนสัมผัสด้วยนิ้วจริง ๆ

“คุณเป็นใคร? ถ้าไม่ได้มีเจตนาร้ายก็ช่วยปรากฎตัวออกมาด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาเบา ๆ

หลังจากกล่าวจบชายหนุ่มก็หยิบชุดกีฬาออกมาจากแหวนมิติเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะแต่เดิมเขาคิดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ เขาจึงเดินตัวเปลือยโดยไม่คิดมากอะไร แต่หลังจากที่เขายืนยันได้ว่ามันมีใครอยู่บริเวณรอบ ๆ นี้จริง ๆ การเดินตัวเปลือยก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก

ในเวลาเดียวกันเขาก็เก็บกระแสจิตทั้งหมดที่กระจายออกไปรอบ ๆ กลับมาทั้งหมด เนื่องจากถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถหาอีกฝ่ายเจออยู่แล้ว การปล่อยกระแสจิตออกไปอย่างต่อเนื่องก็มีแต่จะเสียพลังงานไปเปล่า ๆ เขาจึงเก็บพวกมันกลับมาทั้งหมดเพื่อเตรียมต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี

ฟุบ!

จู่ ๆ ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังเซี่ยเฟยห่างจากเขาไปไม่ถึง 30 เซนติเมตร ซึ่งมันก็ทำให้กล้ามเนื้อบนหลังของชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เกิดจากการหายใจของอีกฝ่าย

เซี่ยเฟยผงะไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังคงค่อย ๆ สวมใส่ชุดกีฬาเหมือนกับว่ามันไม่ได้มีเรื่องอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

“ทำไมนายถึงไม่โจมตีฉันล่ะ?” เสียงชายมีอายุดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“คุณไม่ได้แสดงความเป็นศัตรู แล้วทำไมผมจะต้องโจมตีใส่คุณด้วย?” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับเบา ๆ

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ใช่ศัตรู”

“ถ้าคุณเป็นศัตรูจริง ๆ ผมก็คงจะตายไปตั้งนานแล้ว คุณจะมัวมาเสียเวลายืนคุยกับผมแบบนี้ไปทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

หลังจากพูดจบเซี่ยเฟยก็สวมใส่ชุดกีฬาของเขาจนเสร็จ เขาจึงหันหลังกลับมาช้า ๆ โดยพยายามไม่กระตุ้นความตื่นตัวของอีกฝ่าย

ภาพที่เขาเห็นคือผู้มาใหม่เป็นชายวัยกลางคนที่ดูไม่แก่มากนัก เพียงแต่เสียงของเขาค่อนข้างที่จะแหบแห้งคล้ายกับคนแก่ ร่างของเขาค่อนข้างที่จะอ้วนท้วนอยู่เล็กน้อย ส่วนดวงตาของเขาก็เป็นดวงตาเล็ก ๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงความเจ้าเล่ห์ อย่างไรก็ตามสภาพโดยรวมของเขาก็ค่อนข้างธรรมดามากและเขาก็ไม่มีความโดดเด่นเลยแม้แต่น้อยถ้าหากว่าเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

“นายคิดถูกแล้ว ฉันแค่บังเอิญผ่านมาและสัมผัสได้ถึงพลังของกฎแห่งมิติ ฉันเลยเดินทางมาที่นี่ด้วยความรวดเร็ว แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าคนที่ฉันเจอจะเด็กมากขนาดนี้” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“กฎแห่งมิติ!?”

คำพูดง่าย ๆ ของชายคนนี้เป็นเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นมาภายในหูของเซี่ยเฟย

เคยมีตำนานกล่าวเอาไว้ว่ากฎของจักรวาลประกอบไปด้วยกฎแห่งมิติ, กฎแห่งเวลาและกฎของสสาร ซึ่งถ้าหากว่าใครได้เรียนรู้ถึงการใช้พลังของกฎเหล่านี้ พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงพลังของจักรวาลซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของนักรบทุกคน

ผู้คนทั่วไปคิดเพียงแค่ว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงควรจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาล เพื่อมองไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา อย่างไรก็ตามมันคงจะมีเพียงแต่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้นที่เข้าใจว่าการยืนบนจุดสูงสุดของจักรวาลเป็นเพียงแค่ความฝันของเหล่านักรบรุ่นเยาว์ เพราะนักรบแนวหน้าที่แท้จริงต่างก็มีความใฝ่ฝันที่จะได้เรียนรู้กฎแห่งจักรวาลทั้งสามข้อนี้

ไม่ว่านักรบจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดเพียงใดท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงตกอยู่ภายใต้กฎทั้งสามข้ออยู่ดี แต่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงคือผู้ที่ยืนอยู่เหนือกฎ เพราะพวกเขาสามารถใช้พลังของกฎได้เสมือนแขนขาของตัวเอง

ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยก็บังเอิญได้เข้าใจถึงการมีอยู่ของกฎทั้งสามข้อในระหว่างที่เขาเดินทางไปยังดาวมรดก ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกฎทั้งสามข้อนี้เช่นเดียวกัน

ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยไม่เคยคิดเลยว่าจักรวาลมีไว้ทำไม, ทำไมทุกอย่างถึงมีแรงดึงดูด, ทำไมหลุมดำถึงกลืนกินทุกอย่าง, ทำไมหลุมขาวถึงได้ปลดปล่อยพลังงานออกมา ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาที่เซี่ยเฟยคิดไม่ได้เท่านั้น เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่หมกมุ่นเรื่องพวกนี้อยู่ทั้งวันก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องลึกลับบางอย่างในจักรวาลได้

อย่างไรก็ตามในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็อยู่ภายใต้กฎของจักรวาล และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าใจกฎทั้งสามข้ออย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็ได้เรียนรู้ว่าการควบคุมกฎเหล่านี้จะทำให้เขาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้

ในตอนแรกเป้าหมายของเซี่ยเฟยก็เหมือนกับนักสู้ทั่ว ๆ ไปที่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพันธมิตร แต่หลังจากที่เขาได้เดินทางไปยังดาวมรดกเป็นเวลา 1 ปี ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงคือผู้ที่สามารถควบคุมกฎของจักรวาลได้ต่างหาก

ด้วยเหตุนี้เองมันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง เมื่อเขาได้ยินคำว่ากฎแห่งจักรวาลหลุดออกมาจากปากของชายวัยกลางคนคนนี้

“คุณกำลังบอกว่าเมื่อสักครู่ผมสามารถควบคุมกฎแห่งมิติได้โดยไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ในระหว่างที่นายก้าวข้ามผ่านระดับลีเจนด์ นายได้สัมผัสถึงความหมายที่แท้จริงของกฎแห่งมิติโดยไม่ได้ตั้งใจ และถึงแม้ว่าช่วงระยะเวลานั้นจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับนายมาก เพราะท้ายที่สุดนายก็พึ่งก้าวเท้าเข้ามาในระดับลีเจนด์ได้เพียงแค่ไม่กี่นาที แต่นายกลับได้มีโอกาสสัมผัสถึงกฎแห่งมิติแล้ว” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

คำตอบของชายตรงหน้าทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงอยู่ในความเงียบ เพราะเขาเพิ่งตระหนักว่าความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานั้นคือความรู้สึกถึงการเข้าถึงกฎแห่งมิติ!!

อย่างไรก็ตามการที่ชายวัยกลางคนได้มาปรากฎตัวที่นี่เพื่อแอบดูผู้ที่เข้าถึงกฎแห่งมิติ มันก็หมายความว่าชายคนนี้มีระดับพลังที่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของกฎแห่งมิติด้วยเช่นเดียวกัน!!!

“ผู้อาวุโสคุณก็เป็นมนุษย์เหมือนกันใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนคนนั้นกลับขมวดคิ้วราวกับว่าเขากำลังดูถูกคำว่า ‘มนุษย์’

“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ถ้าให้ดีเรียกฉันว่า ‘หยูฮัว’ ดีกว่า”

“พวกเราถือว่ามีวาสนาที่ดีต่อกันพวกเราจึงได้มาพบกันที่นี่โดยบังเอิญ ไหน ๆ พวกเราก็มีโอกาสได้พบกันแล้ว คุณสนใจไปดื่มชาสักถ้วยบนยานรบของผมไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ

เมื่อมีโอกาสมาถึงชายหนุ่มก็พร้อมที่จะคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ ซึ่งสำหรับเซี่ยเฟยเขาก็ตีความหมายของหยูฮัวออกมาเพียงแค่ 2 อย่าง หนึ่งคือชายคนนี้แข็งแกร่งมาก และสองคือเขาไม่ได้มีท่าทีเป็นศัตรู

เมื่อได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเซี่ยเฟยจึงพยายามเอาอกเอาใจชายคนนี้อย่างเต็มที่ และถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถตีสนิทหยูฮัวในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันปล่อยผู้เข้าใจถึงกฎของจักรวาลไปง่าย ๆ เช่นเดียวกัน

“เอาสิ” หยูฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

สถานที่ที่เขาได้พบกับหยูฮัวก่อนหน้านี้ห่างจากเบโอเนทไม่ถึง 100 กิโลเมตร ซึ่งโดยปกติเขาจะใช้เวลาในการเคลื่อนที่ไม่ถึง 1 วินาที แต่น่าเสียดายที่ชุดต่อสู้ของเขาได้รับความเสียหายเขาจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเดินทางกลับมาถึง แต่ถึงกระนั้นชุดกีฬาของเขาก็ยังถูกฉีกกระชากออกจากกัน เนื่องจากมันไม่สามารถทนรับแรงต้านอากาศในระหว่างที่เขาทำการออกวิ่งได้

เมื่อมาถึงเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าหยูฮัวยืนรออยู่ด้านข้างเบโอเนทแล้ว และถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าชายคนนี้เดินทางมาด้วยวิธีไหนแต่เขาก็ไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องนั้น

“เชิญทางนี้เลยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสุภาพ

เมื่อเซี่ยเฟยเดินขึ้นไปบนเบโอเนททั้งกระป๋องและขนอุยต่างก็รีบเข้ามาทักทายชายหนุ่มด้วยความรวดเร็ว

หยูฮัวเหลือบสายตามองไปยังกระป๋องและขนอุยอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อเขาพิจารณาลูกบอลที่มีขนตัวนั้นดี ๆ เขาก็อ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความตกใจ

อย่างไรก็ตามความตกใจของเขาก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เพราะเมื่อขนอุยได้กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเซี่ยเฟยอย่างออดอ้อนมันก็ทำให้เขารู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น

“หลบไปก่อน ฉันมีแขก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโยนขนอุยลงไปบนโซฟา ซึ่งมันก็ทำให้หยูฮัวอ้าปากค้าง เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเซี่ยเฟยจะกล้าปฏิบัติตัวต่อขนอุยอย่างหยาบคายแบบนี้

อย่างไรก็ตามหยูฮัวก็พยายามดึงสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะอย่างสงบ แต่สายตาของเขายังคงเหลือบไปมองขนอุยเป็นครั้งคราว ราวกับว่าเขาไม่อาจจะทำใจละสายตาไปจากสัตว์อสูรตัวนี้ได้

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมสังเกตเห็นปฏิกิริยาอันแปลกประหลาดของหยูฮัวเช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้เขาทำตัวราวกับคนที่ไม่สนใจอะไร แต่เมื่อขึ้นมาบนยานเขากลับแอบมองขนอุยอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าไอ้ก้อนมีความน่าสนใจมากกว่าตัวของเขาเอง

“มันชื่อขนอุยครับเป็นสัตว์อสูรของผมเอง เจ้านี่มีนิสัยเจ้าเล่ห์มากแล้วมันก็ชอบออดอ้อนผมอยู่เป็นประจำ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์อะไร” เซี่ยเฟยหยิบถ้วยน้ำชาจากกระป๋องมาเสิร์ฟให้กับหยูฮัว

ในระหว่างบทสนทนาเซี่ยเฟยก็คอยสังเกตอาการของหยูฮัวอย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของชายคนนี้แล้ว มันก็มีโอกาสสูงมากที่หยูฮัวจะรู้ว่าขนอุยคือสัตว์อสูรชนิดไหนกันแน่

***************

คราวนี้คงจะได้รู้สักทีว่าไอ้ก้อนมันคือตัวอะไร?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด