ตอนที่แล้วตอนที่ 402 15,000 เมตรต่อวินาที
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 404 กฎแห่งมิติ

ตอนที่ 403 ระดับลีเจนด์


ตอนที่ 403 ระดับลีเจนด์

ชายหนุ่มแอบรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็ก ๆ ที่ความเร็วของเขาทะลุ 15,000 เมตรต่อวินาทีไปแล้ว แต่พละกำลังของเขายังคงเหลืออยู่ ซึ่งมันก็หมายความว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดในระหว่างการวิ่ง

“17,000 เมตรต่อวินาที”

“18,000”

“19,000”

“20,000!! ตอนนี้ความเร็วนายเพิ่มมา 2 เท่าแล้ว รีบเร่งความเร็วขึ้นไปอีก ความเร็วของนายเข้าใกล้ระดับลีเจนด์มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!” อันธตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นราวกับว่าเขากำลังออกวิ่งด้วยตัวเอง

ภาพวิวทิวทัศน์ทั้งสองข้างทางกำลังเคลื่อนที่ไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว และในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังวิ่งไปเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโบยบิน!

ความสุขของการได้ครอบครองสุดยอดความเร็วไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ซึ่งในชั่วพริบตาหนึ่งนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับดาวทั้งดวงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเอง

ระยะทางบนดาวเคราะห์ดวงเล็กไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป และเขาก็สามารถจะเดินทางไปที่ไหนก็ได้ตามแต่เขาต้องการ ซึ่งถ้าหากว่าเขายังคงอยู่บนโลกเขาก็สามารถเดินทางจากขั้วโลกเหนือไปยังขั้วโลกใต้ได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที และการเคลื่อนไหวของคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างไปจากภาพสโลว์โมชั่นเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าผู้ใช้พลังสายความเร็ว!

นี่คือความสามารถโดยทั่วไป แต่มันก็เป็นหนึ่งในความสามารถที่สามารถฝึกฝนได้อย่างยากลำบากมากที่สุด

เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง จากนั้นเขาจึงเริ่มกัดฟันและปลดปล่อยศักยภาพที่มีออกไปทั้งหมด

มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดมากที่ผู้ครอบครองความเร็วระดับสุดยอดจะต้องทนอยู่ในยานรบลำเล็กตลอดเวลา เพราะสำหรับผู้ที่มีพลังสายความเร็วแล้วพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากวิหคที่ต้องการโบยบินท่ามกลางกระแสลม

การวิ่งด้วยความเร็วเต็มกำลังไม่ใช่เพียงแค่การออกกำลังกายเท่านั้น แต่มันยังเป็นความสุขที่พวกเขาสามารถออกโบยบินได้อย่างอิสระอีกด้วย

“22,000”

“23,000”

วิญญาณนักฆ่าที่อาศัยอยู่ในหินมัวร์รายงานสถานการณ์ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น และเนื่องมาจากว่าเขาได้อาศัยอยู่ในหินมัวร์ มันจึงทำให้เขามีโอกาสสัมผัสความเร็วที่น่าตกใจไปร่วมกับเซี่ยเฟย

“25,000 ความเร็วของได้ถึง 25,000 เมตรต่อวินาทีแล้ว ถ้าหากนายเร่งความเร็วได้มากกว่านี้มันก็มีโอกาสที่นายจะมีความเร็วทะลุไปจนถึงระดับลีเจนด์”

“26,000”

“27,000”

“อย่ายอมแพ้! ระดับลีเจนด์อยู่ตรงหน้านายแล้ว”

“29,000 อีกนิดเดียว อดทนเอาไว้!”

เมื่อเร่งความเร็วมาจนถึงจุดนี้ร่างกายของชายหนุ่มก็เริ่มหมดกำลังลงเรื่อย ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงพยายามกัดฟันเพื่อที่จะข้ามขีดจำกัด 30,000 เมตรต่อวินาทีไปให้ได้

เส้นทางการวิ่งในปัจจุบันคือการวิ่งอ้อมเป็นวงกลมซึ่งการวิ่งในลักษณะนี้มันไม่ใช่การเอื้ออำนวยให้เขาสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วระดับสูงสุด

‘ย้าก!’ เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามออกมาภายในใจ และเขาก็พยายามกัดฟันเพื่อทำลายขีดจำกัดของตัวเอง

ตูม!

ในขณะที่ความเร็วของชายหนุ่มทะลุ 30,000 เมตรต่อวินาที ทุก ๆ สิ่งรอบ ๆ ตัวก็เหมือนกลับกลายเป็นเพียงแค่ภาพสโลว์โมชั่น

ดาวทั้งดวงคล้ายกับตกอยู่ในความเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงดัง ไร้ซึ่งสีสันคล้ายกับทุกอย่างเป็นเพียงแค่ภาพขาวดำที่ไม่มีชีวิตชีวา

ช่วงระยะเวลาอันแปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่สั้น ๆ แต่มันกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เซี่ยเฟยรู้สึกราวกับว่ามันกำลังมีใครบางคนกำลังส่งเสียงเรียกเขาอย่างแผ่วเบา ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเสียงนั้นมันดังขึ้นมาจากที่ไหน รู้แต่ว่ามันเป็นเสียงที่ดังก้องกังวานมาจากทั่วทุกบริเวณ

ชายหนุ่มพยายามเอียงหูเพื่อพยายามฟังว่าเสียงลึกลับกำลังพูดถึงอะไร แต่น่าเสียดายที่เขาได้ยินเพียงแค่เสียงที่คลุมเครือคล้ายกับเสียงคนร้องไห้อย่างโศกเศร้าเพียงลำพัง

ความรู้สึกที่เซี่ยเฟยสัมผัสคล้ายกับมันมีกำแพงมาปิดกั้นสายตาของเขาเอาไว้ตลอดเวลา จนทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อีกฟากหนึ่งของกำแพงได้ แต่ในวันนี้เขาได้ใช้ความเร็วทำลายกำแพงนั้นลงไปแล้ว และมันก็ทำให้เขาได้เห็นวิวทิวทัศน์รูปแบบใหม่ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน

น่าเสียดายที่ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่พริบตา และถึงแม้ชายหนุ่มจะสัมผัสได้ถึงโลกที่แตกต่างออกไป แต่มันก็มีเรื่องมากมายที่เกินกว่าความเข้าใจในปัจจุบันของเขา

“เซี่ยเฟยในที่สุดความเร็วของนายก็ทะลุ 30,000 เมตรต่อวินาทีแล้ว ตอนนี้นายได้กลายเป็นผู้ใช้ความเร็วระดับลีเจนด์!” อันธตะโกนขึ้นมาสุดเสียง

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับผงกศีรษะตอบกลับไป

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีภาพเหตุการณ์อันน่าตกใจได้เกิดขึ้น เพราะชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ ปลิวว่อนในอากาศในพริบตา

เมื่อไม่มีการป้องกันของชุดต่อสู้ร่างกายของมนุษย์ก็ไม่มีทางทนรับแรงต้านอากาศด้วยความเร็วระดับนี้ได้ ซึ่งมันก็ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันกลายเป็นสถานการณ์วิกฤติขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ไม่กี่นาทีต่อมาท่ามกลางดินแดนอันรกร้างก็มีร่างของชายหนุ่มเปลือยกายยืนอยู่บนพื้นหญ้า โดยเขาได้สวมใส่เพียงแค่รองเท้าอีซูซุ, แหวนมิติ, หมวกและถุงมือ แต่ชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดทั้งชุดที่เคยอยู่บนร่างของเขาได้ถูกทำลายหายไป หลงเหลือเพียงแต่คราบเลือดทั่วทั้งร่างกายที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เขาวิ่งด้วยความเร็วสูง

ชายหนุ่มทำได้เพียงแต่ขมวดคิ้วก่อนที่เขาจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดบรรเทาความเซ็ง ส่วนอันธที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะถึงแม้ว่าฉากเมื่อสักครู่จะเป็นฉากที่น่าตื่นเต้น แต่ฉากในปัจจุบันกลับเป็นฉากที่น่าสนใจมากยิ่งกว่า

“อย่าเศร้าไปเลย ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของนายเร็วกว่าคนอื่น ร่างกายของนายคงถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในอากาศไปนานแล้ว โชคไม่ดีที่ชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดไม่ใช่ชุดเกราะสำหรับผู้ใช้พลังสายความเร็ว และมันก็เป็นเรื่องปกติที่มันจะไม่สามารถทนต่อแรงต้านอากาศในความเร็วสูงระดับนั้นได้” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“แล้วฉันจะเอาชีวิตรอดในดินแดนเซิร์กได้ยังไงถ้าหากว่าฉันไม่มีชุดต่อสู้?” เซี่ยเฟยพูดออกมาอย่างเซ็ง ๆ

“สถานการณ์ตอนนี้น่าลำบากจริง ๆ เพราะถึงแม้ว่านายจะมีความเร็วสูงแต่นายก็ไม่สามารถใช้ความเร็วทั้งหมดออกมาได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดนายยังมีชุดต่อสู้ของสมาพันธ์จัสทิสที่ทูรามให้มาอยู่ใช่ไหม? ช่วงนี้นายก็ใช้ชุดต่อสู้ชุดนั้นไปก่อนก็แล้วกัน” อันธกล่าว

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ แต่ชุดต่อสู้นั้นอาจจะไม่สามารถทนความเร็ว 10,000 เมตรต่อวินาทีได้ด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างผิดหวัง

ความห่างชั้นระหว่างความเร็ว 30,000 เมตรต่อวินาทีกับความเร็วระดับ 10,000 เมตรต่อวินาทีถือว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ และโดยปกติแล้วถ้าหากผู้ใช้ความเร็วไม่ได้สวมใส่ชุดต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ มันก็ยากที่พวกเขาจะสามารถวิ่งด้วยความเร็วระดับสูงขนาดนั้นโดยที่ชุดต่อสู้ไม่ถูกทำลายได้

ชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดเป็นชุดเกราะระดับลีเจนด์ขั้นกลางที่สูงกว่าระดับความเร็วในปัจจุบันของเซี่ยเฟยมาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถที่จะทนรับความเร็วในปัจจุบันของชายหนุ่มได้อีกต่อไป เพราะไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ใช่ชุดต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อต้านทานกระแสลม

เพียงแค่การสูญเสียชุดเกราะระดับลีเจนด์ขั้นกลางก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากแล้ว และมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้ามากยิ่งกว่าที่เขาได้สูญเสียชุดต่อสู้ชุดสำคัญไปในระหว่างที่เขาอยู่ในดินแดนของศัตรู

“ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้ความเร็วของนายก็เกินกว่า 30,000 เมตรต่อวินาทีไปแล้ว นายควรจะดีใจนะที่ในที่สุดนายก็ได้กลายเป็นผู้ใช้ความเร็วระดับลีเจนด์” อันธกล่าว

“มันเป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ ที่ฉันสามารถทำความเร็วทะลุ 30,000 เมตรต่อวินาทีไปได้ ส่วนเรื่องชุดต่อสู้ค่อยเก็บเอามาคิดทีหลังก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“ในตอนที่นายกำลังวิ่งอยู่ฉันก็ได้อยู่ในหินมัวร์ด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นหัวใจของฉันแทบจะกระโดดออกมา การวิ่งด้วยความเร็วสูงเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

“ระดับลีเจนด์เป็นประตูบานใหญ่ที่ยากจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ และในระหว่างการก้าวข้ามผ่านประตูนายก็คงจะได้สัมผัสถึงโลกใบใหม่ที่นายไม่เคยสัมผัสถึงใช่ไหมล่ะ? ในตอนที่ฉันก้าวข้ามผ่านระดับลีเจนด์ไปได้ฉันก็สัมผัสถึงความหมายที่แท้จริงของพลังควบคุมเงา แล้วมันก็ทำให้ฉันได้รับฉายาว่าเงาอันธการ”

“ว่าแต่ตอนที่นายกำลังก้าวข้ามผ่านระดับ 30,000 เมตรต่อวินาที ตอนนั้นนายสัมผัสได้ถึงอะไรบ้างไหม?” อันธถาม

“ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนกับไม่มีอะไรในจักรวาลนี้สามารถหยุดฉันได้ ไม่ว่าจะเป็นอากาศหรือแรงโน้มถ่วงต่างก็ไม่มีผลกับฉันอีกต่อไป ความเป็นจริงฉันก็เคยสัมผัสกับความรู้สึกคล้าย ๆ แบบนี้มาก่อน แต่มันก็มีความรุนแรงน้อยกว่าในตอนนั้นมาก” เซี่ยเฟยกล่าวขณะเดินกลับไปยังเบโอเนท

“แม้แต่ชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดก็ยังถูกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ เพราะไม่สามารถทนต่อแรงต้านอากาศในระหว่างความเร็วขนาดนั้นได้ แล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่นายจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ประเด็นคือมันมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ในความรู้สึกนั้นหรือเปล่า?” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

“ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนภาพทุกอย่างถูกหยุดลง และทุกอย่างก็เหมือนกับจะมีแต่สีขาวกับสีดำ” เซี่ยเฟยกล่าว

“อะไรนะ?! นายกำลังบอกว่านายกำลังสัมผัสได้ถึงห้วงมิติงั้นเหรอ?” อันธอุทานพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง

“น่าจะใช่ละมั้ง แต่มันเป็นช่วงระยะเวลาสั้นมาก ๆ ก่อนที่ชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉันจึงจำเป็นจะต้องใช้เล่ห์กายาเพื่อลดความเร็วอย่างฉับพลัน และมันก็ทำให้ความรู้สึกในตอนนั้นมันหายไปเลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างผ่อนคลาย

“มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย” อันธนำมือข้างหนึ่งมาจับคางพร้อมกับจมดิ่งลงในห้วงความคิด

ชายหนุ่มก้าวเดินไปด้วยร่างกายที่เจ็บปวด และถึงแม้ว่าเขาจะอาศัยเล่ห์กายาเพื่อหลบหนีจากช่วงเวลาวิกฤติในตอนที่ชุดต่อสู้ได้พังทลาย แต่ถึงกระนั้นร่างกายของเขาก็ยังคงได้รับผลกระทบจากแรงต้านอากาศอันรุนแรงอยู่ดี ในตอนนี้เขาจึงค่อย ๆ เดินเพื่อฟื้นฟูพละกำลังและบรรเทาอาการเจ็บปวดตามร่างกาย

แต่ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังตบไหล่ซ้ายของเขาเบา ๆ แต่เมื่อเขาหันศีรษะกลับไปมันก็ไม่มีอะไรอยู่ด้านหลัง

เซี่ยเฟยแอบคิดว่าความรู้สึกเมื่อสักครู่นี้อาจจะเป็นเพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกาย แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนั้นอีกไม่นานเขาก็ได้พบว่ามีใครบางคนกำลังจับไหล่ของเขาอีกครั้ง

ชายหนุ่มมีประสาทสัมผัสที่เหนือชั้นกว่าคนทั่วไป และมันก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ กับเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด

“นั่นนายกำลังทำอะไร?” อันธถาม

“แถวนี้มีคนอยู่”

“เป็นไปไม่ได้! ทำไมฉันสัมผัสถึงอะไรไม่ได้เลย”

เซี่ยเฟยและอันธมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด เพราะคนหนึ่งมีประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยม ขณะที่วิญญาณอีกดวงหนึ่งก็เก่งเรื่องการสัมผัสถึงพลังงาน แต่การที่คนคนนี้สามารถหลบพ้นการตรวจจับของพวกเขาไปได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าระดับของผู้มาใหม่อยู่เหนือกว่าระดับของพวกเขาไปไกล

สิ่งที่เลวร้ายมากกว่านั้นคือตอนนี้เซี่ยเฟยไม่มีแม้แต่กางเกงใน มันจึงทำให้พลังการสู้รบของเขาน้อยกว่าปกติ เพราะเขาไม่สามารถที่จะใช้ความเร็วสูงโดยไม่มีเกราะปกป้องร่างกายได้ ขณะที่ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ ทำให้วิวทิวทัศน์บริเวณโดยรอบยิ่งมัวหมองลงมากกว่าเดิม

***************

อย่าบอกนะว่าพวกเซิร์กเจอพี่เฟยแล้ว?!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด