เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 1: ความคลางแคลง
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 2 บทที่ 1: ความคลางแคลง
.
หลายวันหลังจากนั้น ข้าเกือบจะไม่ได้สนทนาอะไรกับเกรซเลยหรือพูดให้เฉพาะเจาะจงก็คือ เราสื่อสารแค่พื้นฐานกัน
"อรุณสวัสดิ์ "," อาหารเช้าพร้อมแล้ว ", "ถึงเวลาอาหารกลางวัน "," เจ้าอาบน้ำก่อนได้ ", "ราตรีสวัสดิ์"... ความสัมพันธ์ของเราเริ่มจะไม่ค่อยดีนัก
ส่วนเครื่องรางที่ข้ามอบให้นาง ในขณะที่ข้าทำความสะอาดที่ตั้งแคมป์ในวันรุ่งขึ้น ข้าก็พบเครื่องประดับไม้ที่ไหม้เกรียมตกแต่งด้วยรูปทรงของดอกซากุระอยู่ในแคมป์ไฟ
เนื่องจากมันทำจาก [ไม้นางฟ้า] ไฟธรรมดาจึงไม่สามารถเผาไหม้ได้ง่าย ดังนั้นมันจึงไม่ได้รับความเสียหายจริงๆ ทว่าก็มีรอยถูกรมควันและปรากฏเป็นรอยไหม้ แต่ว่าพอมันถูกโยนลงไปในกองไฟ มันทำให้ข้ารู้สึก...รู้สึกว่า...
มันเป็นวัตถุดิบที่มีค่ามากเลยนะ แถมข้าใช้เวลาแกะสลักมันตั้งนานด้วย
สิ่งนี้ทำให้ข้าชักอยากจะเริ่มคิดเรื่องการทำไม้คทาของเกรซใหม่ มันเป็นงานที่ข้าดำเนินมาเป็นหลายเดือนแล้ว หากข้าทิ้งไปมันก็เหมือนเสียเปล่า แต่ข้าทำมันสำเร็จ... ข้าก็ไม่อยากเห็นนางทิ้งไม้คทาลงถังขยะภายในไม่กี่วันหรอกนะ
...แต่นี่เป็นสิ่งที่ข้าสัญญากับเกรซไว้ว่าข้าจะทำไม้เท้าให้เสร็จและมอบให้นาง จนถึงตอนนี้นางใช้แค่ไม้เท้าเริ่มต้นธรรมดาเท่านั้น
บางทีบางที...นางอาจกำลังรอให้ข้าทำไม้คทานี้ให้เสร็จ...
…
...
...ฮ่าๆ ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่แน่ใจเลยนะ
ข้ากุมศีรษะและนอนลงบนที่นั่งคนขับ มองท้องฟ้าที่สดใสและไร้เมฆพลลางถอนหายใจ
เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต นางมักจะเดินตามหลังข้าอยู่เสมอ คอยให้ข้าพานางไปดูทิวทัศน์ของภูเขา หรือพานางเรียนรู้เวทมนตร์ใหม่ วิ่งมาหาข้าเพื่อรับคำชม
...แต่ตอนนั้น...ทำไมเกรซถึงทำแบบนั้นลงไปกันนะ? ทำไมข้าถึงโกรธนางขนาดนี้ มันเกิดข้อผิดพลาดตรงไหนกัน? หรือว่าข้าทำอะไรเลวร้ายกับนางหรือเปล่า?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมข้าถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย... เดี๋ยวก่อนสิ บางทีอาจเป็นเพราะข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าข้าทำอะไรลงไปหรือเปล่า?
โอ้พระเจ้า ข้าอายุสี่สิบแล้วนะ! ทำไมข้าถึงมารู้สึกแย่กับความสัมพันธ์เด็กน้อยเช่นนี้กันเล่า? ถ้าชีวิตของข้าถูกสร้างเป็นสารคดี ข้าพนันได้เลยว่าคนมากมายคงกำลังด่าข้าอยู่แน่ ตอนนี้พวกเจ้าคงกำลังเดือดดาลใช่ไหม?
งั้นข้าควรไปขอโทษเกรซดีหรือเปล่า? ขอโทษนางแล้วก็... ข้าไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่บาดแผลบางอย่างคงไม่สามารถรักษาได้
ข้าเคยพูดเรื่องนี้ในอดีตว่าทุกอย่างในฐานลับไม่สามารถรั่วไหลหรือบอกใครได้ แน่นอนว่าข้าคอยเตือนเกรซและเมล่อนอยู่ตลอดเวลา และให้ความไว้วางใจกับพวกนาง แต่เกรซกลับพาคนนอกกลุ่มหนึ่งมา
นั่นอาจทำให้ข้าตายได้เลยนะ... ถึงแม้เราจะไม่ได้มีเรื่องกัน แต่กรทำให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้เลย
ยังไงก็เถอะ ทำไมข้าต้องคิดมากขนาดนี้ด้วย? ข้าแค่ต้องพาเกรซมาที่เมืองหลวง จากนั้นเราก็แยกกันไปตามทางของเรา
ส่วนแผนสำหรับอนาคตของข้ายังไม่ชัดเจน ตอนนี้ข้าอยากเป็นพ่อค้า ส่วนเมล่อน...เดี๋ยวก่อนสิ เมล่อนน่าจะเข้าเรียนได้ด้วยใช่ไหม?
อืม... ข้าคิดว่าราชบัณฑิตยสถานไม่ใช่แค่ที่ฝึกอบรม [นักเวทย์] แต่ยังมี [นักสู้] ด้วยเช่นกัน ดังนั้นข้าอาจสามารถส่งนางไปโรงเรียนได้ ด้วยเงินที่ข้ามีอยู่ในตอนนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการฝึกอบรมและการศึกษาของนาง หากการฝึกการต่อสู้ในสถาบันการศึกษาไม่ได้ผล อย่างน้อยนางก็จะได้เรียนการอ่านและการเขียน
แม้ว่าข้าจะสอนนางมาพอสมควร แต่เมลอนก็ขาดทักษะการอ่านและการเขียนมาโดยตลอด เนื่องจากเราอาศัยอยู่ในชนบท นางจึงไม่มีโอกาสฝึกฝนมากนัก
อ๊า! งี้นางก็จะไปเป็นนักผจญแล้วสินะ? เห็นว่านางเองดูจะสนใจด้วยสิ
เอาเถอะ ไม่ว่าเธอจะไปโรงเรียนหรือเป็นนักผจญภัยก็ดีหมด แต่ข้าอาจต้องพิจารณาหาที่พักในเมืองหลวงเสียก่อน
ด้วยความรู้สึกและความคิดที่ซับซ้อนเหล่านี้ที่แหวกว่ายอยู่ในหัวของข้า
เราก็ได้มาถึงเมืองหลวง เมืองเตกิตตัน
เมืองเตกิตตันหรือชื่อของประเทศและชื่อของราชวงศ์ โดยมีกษัตริย์เตกิตตันที่สิบเก้าเป็นผู้ปกครองคนปัจจุบัน
เมืองหลวงตั้งชื่อตามราชวงศ์และขนาดของทั้งเมืองใหญ่กว่าหมู่บ้านซาดินอย่างน้อยสิบเท่า นอกเหนือจากการขนส่งทางบกเป็นประจำแล้ว เมืองนี้ยังมีการขนส่งทางน้ำที่สะดวกและเจริญรุ่งเรืองมาก คลองทั่วเมืองได้ไหลผ่านให้ความรู้สึกแบบยุโรป
ในเมืองนี้มีคลองที่นำไปสู่ทุกทิศทาง เมืองจึงใช้เป็นวิธีการขนส่งหลัก การขนส่งทางน้ำสาธารณะถูกเรียกว่า "คาปิโน" ทำให้เมืองเตกิตตันมีชื่อว่า "เมืองแห่งวารี"
ว่ากันว่าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นบน [เขาวงกตแห่งวารี] น้ำได้ไหลจากเขาวงกตโดยใช้วิธีการสกัดแร่ธาตุในน้ำ ทำให้พืชผลมากมายในหมู่บ้านใกล้เคียงมีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในเมืองหลวงเติบใหญ่ไปอีก
เมืองเตกิตตันทั้งหมดแบ่งออกเป็น 5 พื้นที่ได้แก่ เขตกิจกรรม เขตอยู่อาศัย เขตขุนนาง เขตปราสาทและเขตสถาบันการศึกษา
นอกเหนือจากสมาคมการค้าต่างๆ ในเขตกิจกรรมแล้ว ยังมีสถาบันที่คล้ายกับฝ่ายบริหารของรัฐบาลหรือสมาคมผจญภัยตั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วย รวมถึงสมาคม [นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล] ที่เราจะไปเยี่ยมชมเช่นกัน
มีหลายสิ่งหลายอย่างในเขตอยู่อาศัย นอกเหนือจากบ้าน ก็ยังมีตลาดและร้านค้าที่อยู่ติดกับสถาบันการศึกษา มีของทุกอย่างครบครันพร้อมให้ซื้อ
เขตขุนนางเป็นบ้านของขุนนาง ในขณะที่ปราสาทเป็นที่อยู่ของราชวงศ์
ท้ายสุดคือเขตสถาบันการศึกษา ประเทศนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษาของ [นักสู้] และ [นักเวทย์] เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางสิ่งนี้ให้ใหญ่โตที่สุดเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน และนี่คือจุดหมายปลายทางของเกรซ
แม้ว่าข้าจะอธิบายไปมากแล้ว...เราก็ยังคงติดอยู่นอกเมืองเพราะรถลากหมาป่า
ถูกถามคำถามอย่างมากมาย ข้าต้องขอยอมรับว่าเป็นความผิดของข้าเอง... ข้าลืมไปว่าการนำไรเฟิลมาจะทำให้เกิดปัญหามากมาย ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปที่สมาคมนักผจญภัยเพื่อลงทะเบียนว่ามันเป็นสัตว์อสูรใช้งาน
"เฮ้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?" เมื่อได้ยินความโกลาหล หัวหน้าทหารก็เข้ามา
เขาเป็นชายหัวล้านหน้าเหลี่ยมที่มีคางทู่ และหลังจากเห็นเกวียนหมาป่า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
"โอ้! เป็นหน้าใหม่วอลสันใช่ไหม?"
"เอ่อ สวัสดีครับผู้อาวุโสเคดาน" เมื่อข้าเห็นคนตรงหน้า ข้าก็พูดขึ้นมาทันที
อย่างที่ข้าเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ ผู้ที่เข้าร่วมกองทัพและเป็นคนของ [นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล] คือชายตรงหน้าข้า
"ไม่เป็นไรๆ คนพวกนี้ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาได้เลย! โทษทีนะ แต่ข้ายังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ข้าคงจะไม่ไปที่สำนักงานสาขาย่อยจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนนี้ โทษทีอีกครั้งนะ! เด็กใหม่!"
การรู้จักผู้คนจำนวนมากทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนเครือข่ายและความสัมพันธ์จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเสมอ ชีวิตที่ผ่านมาของข้าก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน หลังจากนักผจญภัยทั้งสี่กล่าวคำอำลากับเคดาน ในที่สุดเราก็เข้าสู่เมือง
ชีวิตใหม่ของเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว