เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 42: จากเมล็ดสู่ต้นกล้า 3
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 1 บทที่ 42: จากเมล็ดสู่ต้นกล้า 3
.
เมล่อนและเกรซเอาชนะโจรที่โจมตีหมู่บ้าน กลายเป็นวีรบุรุษในหมู่บ้านจนถึงขั้นเหล่าชาวบ้านชวนไปทานมื้อค่ำ
นอกจากนี้ยังมีการพูดกันว่ามีคนสวมหน้ากากใช้ใยแมงมุช่วยคนด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นที่พูดกันปากต่อปากของเหล่าชาวบ้าน
บรรยากาศของหมู่บ้านไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เลย เพราะมีการสูญเสียเพียงเล็กน้อยและมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บ
ว่ากันว่าทหารได้ออกจากเมืองไป ซึ่งทำให้พวกโจรมีโอกาสโจมตี... มันแปลกมาก ทำไมอะไรมันถึงประจวบเหมาะขนาดนี้? การที่พวกเขายกทหารออกไปหมดย่อมทำให้เมืองอ่อนแอไม่ใช่เหรอ?
แต่ผู้อยู่อาศัยกลับไม่คิดอะไรมาก...มีเพียงข้าคนเดียวที่ยังคงสงสัยอยู่
ลูกของดยุคได้จ่ายเงินให้หมู่บ้านฟื้นฟูและให้สนับสนุนเงินให้กับเหล่าชาวบ้านทุกคน
เรื่องวันนี้จบลงแบบนั้น และเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ข้ากับเกรซก็กำลังจะออกเดินทางกันแล้ว
เกวียนม้า...ไม่สิ เกวียนหมาป่าจอดอยู่หน้าหมู่บ้าน ไรเฟิลมีอานม้าอยู่บนตัวเขาและชาวบ้านก็มองไปทางเมล่อนด้วยสายตาเชิดชู พวกเขาทั้งหมดคิดว่าไรเฟิลเป็นสัตว์เลี้ยงของเมล่อน
เมล่อนดูไม่ค่อยสบายใจนักกับสายตาของชาวบ้าน แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้หรอก สำหรับ [สามัญชน] อย่างข้า มันคงไม่ดีแน่ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ดังนั้นข้าจะปล่อยให้ชื่อเสียงตกเป็นของเมล่อนและเกรซ
ข้าวาง [หีบ] สุดท้ายไว้บนรถ ปิดประตูหลังและทุกอย่างก็เรียบร้อย
เมล่อนกำลังช่วยข้าเก็บของบางอย่าง ส่วนเกรซก็อ่านคู่มือของสถาบัน - โอ้คู่มือเล่มนั้นมันช่างหนาชะมัดยาก
“วอลสัน ข้าคิดว่าเจ้ามีฝีมือเกินไปแล้ว!” "นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นรถม้าที่สะดวกสบายเช่นนี้!" “วิเศษมากเลยวอลสัน” "ว้าว สุดยอดเหลือล้น"
ทันใดนั้นมิราเบลล่าก็กอดข้าพร้อมกับเขย่าตัวข้าจนหน้าอกของนางมาโดนตัวข้าอีกแล้ว
เอ่อ... สายตาพิฆาตของเกรซส่งออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนที่ถูก [สายตาพิฆาต] ของเอนเดอร์แมน จ้องมองมันรู้สึกยังไง เดี๋ยวสิ! อย่าตีข้าด้วยไม้สิ!
นักผจญพวกนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักงานสาขาย่อยของ {นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล} ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวง โดยปกติแล้วสมาคมจะตั้งสำนักงานใหญ่ของพวกเขาในเมืองหลวงและสาขาย่อยของพวกเขาในชนบท แต่เห็นได้ชัดว่า {นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล} ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
เมื่อเร็วๆ นี้มีภารกิจปราบปรามขนาดใหญ่และกำลังหากลุ่มนักผจญภัยระดับ B จำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่กลุ่มสี่คนกำลังไปที่นั่น
...ข้าคิดว่าพวกเขาควรจะปราบปรามมังกรกระมัง? มังกรงั้นเหรอ? ข้าคิดว่าพวกมันเป็นแค่สิ่งมีชีวิตในตำนานเสียอีก
เมล่อนถามคำถามกับนักผจญภัยเป็นประจำเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าคิดว่านางคงสนใจพอสมควร อืม ถ้านางอยากไปก็ขอแค่พูดมาได้เลย ข้าพร้อมเตรียมการให้นางเสมอ
จากนี้ข้าก็ต้องไปที่สำนักงานสาขาย่อยเพื่อทักทายผู้คนที่นั่นและทำความรู้จักกัน ด้วยการที่ข้าเป็นสมาชิกใหม่และต้องการรู้จักคนมากมายเพื่อทำธุรกิจ การทำเช่นนี้ย่อมส่งผลดีต่อข้ามาก
นอกจากนี้ ข้ายังมีสินทรัพย์และเงินทุนสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจแล้ว การขายหนังสัตว์ทั้งหมดทำให้ได้เงินมา 500 เหรียญทอง ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่คนปกติสามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ เป็นเวลาหลายปี
หนึ่งเหรียญทองคือสิบเหรียญเงิน หนึ่งเหรียญเงินคือสิบเหรียญทองแดง และมีสกุลเงินที่เรียกว่า "เหรียญแตก" ที่เหมือนกับสกุลเงินย่อยที่ต่ำที่สุดด้วย
เอ่อ ถ้าข้าแปลสกุลเงินคร่าวๆ ให้เข้ากับโลกใบเก่าของเรา เจ้าเหรียญทองก็น่าจะเทียบได้กับ 30 ดอลลาร์กระมัง
เนื่องจากราคาของโลกนี้ไม่สูงนัก เจ้าจึงสามารถบอกรู้มูลค่าของเงิน 500 เหรียญทองพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนไม่ว่าโลกใบไหนก็ขาดทุนนิยมไม่ได้แฮะ
“นายท่านเมล่อน ข้าขนของทั้งหมดไปแล้ว” ข้าเดินไปหาเมล่อนพร้อมกับพูดเช่นนี้จนทำให้นางทำหน้าไม่สบายใจออกมา
ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ข้าต้องทำเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่น สำหรับพวกเขา ข้าคงเป็นคนรับใช้ของนาง
เมล่อนเป็นนักผจญภัยนิรนาม แต่ทรงพลังและข้าเป็นคนรับใช้... เอาเถอะ ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
ส่วนเมล่อน ข้าก็ได้เปลี่ยนปลอกคอที่นางเคยสวมอยู่
ข้าซื้อสร้อยคอจากพ่อค้าที่เดินทางมาด้วย สร้อยคอนี้เป็นปลอกคอทาสประเภทหนึ่ง แต่ราคาสูงกว่าห้าเท่า ราคาของมันคือเหรียญทองทั้งหมดห้าเหรียญ
ข้าปรับเปลี่ยนมันเล็กน้อยหลังจากซื้อโดยใช้ [ไม้นางฟ้า] ซึ่งให้ผลการฟื้นฟูแก่ผู้สวมใส่
ข้าไม่อยากให้เมล่อนใส่ปลอกคอนั้นต่อไป นางเป็นผู้หญิง สร้อยคอจะเหมาะกับนางมากกว่า
ใจจริงข้าอยากจะปล่อยให้นางใช้ชีวิตอิสระ แต่นางกลับต่อต้านเรื่องนี้มาก ดังนั้นข้าจึงหาสร้อยคอมาแทนเพื่อไม่ทำให้นางอารมณ์เสีย
ข้าค่อยๆ วางสร้อยคอลงบนนางก่อน จากนั้นหลังจากอธิบายจบแล้ว ข้าก็หยิบพลั่วออกมาและเก็บปลอกคอเก่าไว้ใน [กระเป๋าเก็บของ] โดยตรง
นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าสามารถใช้ได้ เนื่องจากข้าไม่มีกุญแจ
"อืม...ทำไมนายท่านถึงถอดปลอกคอล่ะ?"
“ก็อันเก่ามันเริ่มเล็กเกินไป แถมมันยังเป็นของเจ้านายเก่าเจ้าด้วยใช่ไหม?” ของที่เจ้าใส่ต้องเป็นของที่ทำโดยข้าสิ
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงข้ออ้าง แต่มันก็ใช้ได้กับเมล่อน
แต่... เพราะแทบจะไม่มีทาสในหมู่บ้านซาดิน ข้าจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับทาสมากนัก ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
"คือ... ปลอกคอรูปแบบสร้อยคอ... นายท่าน ท่านทำให้ข้าเป็นทาสที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยนะ... ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะทำให้นายท่านมีความสุขที่สุดในโลกเช่นกัน” เมล่อนพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายด้วยใบหน้าแดงก่ำ
...ไม่กี่คืนที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการขั้นสุดท้าย ข้าก็ตัดสินใจที่จะนอนบนรถม้า แต่ข้ากลับพบว่าเมลอนไม่มีอะไรเลยนอกจากชุดชั้นในที่รอข้าอยู่บนเตียง
รูปร่างของเมล่อนสวยมาก พลังทำลายล้างของมันสูงเกินไป รูปร่างก็สมส่วน...
ไม่สิ ร่างกายของข้ายังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ ข้ายังอายุแค่ 15 เอง... ข้าไม่ควรมีอะไรก่อนจะ 18 นั่นคือสิ่งที่ข้ายึดถือไว้
ยิ่งไปกว่านั้น... เกรซคงฆ่าข้าแน่
ถ้าข้าทำอะไรที่ออกจะวิตถาร เกรซก็มักจะโจมตีใส่ข้า
เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังจะไปที่สถาบันเพื่อเพลิดเพลินกับชีวิตในโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมกับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ? ทำไมเจ้ายังมาเกาะติดข้าอีกเนี่ย...
ขณะที่ข้าคิด ข้าก็ปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับและมองไปข้างนอกพร้อมกับก้มลงมองกระถางด้านข้าง
ก่อนจากกัน ข้าไปเยี่ยมท่านหญิงนางไม้และอาร์คอน ท่านหญิงนางไม้ได้มอบเมล็ดพันธุ์ให้เป็นของขวัญจากการจากไป ซึ่งปัจจุบันเป็นไม้กระถางเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ข้า
แต่มันแปลกมาก แม้ว่าข้าจะเป็น [ต้นไม้โบราณ] แต่ข้าก็ไม่สามารถเร่งการเติบโตของมันด้วยเวทมนตร์ได้ มันจะงอกออกมาหลังจากที่ข้าโรย [ผงกระดูก] เท่านั้น แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้นเลย
อืม ข้าคงได้แต่ต้องปล่อยให้มันโตไปอย่างช้าๆ สินะ
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ชาวบ้านที่โบกมือลาเรา ข้าก็มองไปยังหมู่บ้านที่เลี้ยงดูข้ามา 15 ปีพร้อมกับหัวเราะเบาๆ พอดึงสายจูงหมาป่าที่หนักหน่วง รถม้า? ของเราก็เริ่มก้าวไปข้างหน้า
มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง สู่เส้นทางแห่งอนาคตกันเถอะ